บทที่ 2120 ม่านสวรรค์
………………..
บทที่ 2120 ม่านสวรรค์
ฟึ่บ!
ในเวลาเดียวกันกับที่แมงมุมอสูรโจมตี ร่างของเฉินซีหายไปในอากาศ จากนั้นเขาก็ปรากฏตัวที่บริเวณท้องของแมงมุมอสูร
แสงสีแดงเลือดส่องประกาย จากนั้นรอยแผลตรงเรียบกริบก็ปรากฏบนหน้าท้องของมัน
โครม!
ในช่วงเวลาต่อมา ร่างขนาดมหึมาของมันก็แยกออกจากกันตรงกลาง และล้มลงกับพื้น ในขณะที่เลือดสีแดงเข้มพุ่งทะลักไหลลงมาราวกับคลื่นยักษ์
เขาได้ทำลายล้างแมงมุมอสูรที่ขอบเขตจ้าวเอกภพเก้าดาราด้วยการเหวี่ยงกระบี่เพียงครั้งเดียว!
ดวงตาของจินอวิ๋นเซิงเบิกกว้าง แทบไม่กล้าเชื่อสายตา เขาฆ่ามันอย่างนั้นเหรอ? มันไม่สบายเกินไปหน่อยเหรอ?
เมื่อคิดว่าตนเกือบจะถูกมันฆ่าได้อย่างไร แต่เฉินซีก็ฆ่ามันได้อย่างง่ายดาย จินอวิ๋นเซิงก็ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้อีกต่อไป
เฉินซีไม่สนใจว่าจินอวิ๋นเซิงคิดอย่างไร และเขาก็เอาสมบัติของแมงมุมอสูรทันทีที่มันตาย
ฟิ่ว!
แสงสีแดงเลือดพุ่งออกมาจากกระบี่เต๋าวิบัติ และกลืนกินสมบัติเหล่านั้นทั้งหมด
หลังจากนั้น เฉินซีก็ไม่ลังเลที่จะพุ่งตัวไปข้างหน้าต่อไป ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาไม่เสียเวลาแม้แต่น้อย และดูเหมือนว่าเขาเพียงแค่ทำสิ่งธรรมดา ๆ
อย่างไรก็ตาม จินอวิ๋นเซิงที่ติดตามเขาอย่างใกล้ชิดอดไม่ได้ที่จะกล่าวอย่างรวดเร็ว “สหายเต๋า เจ้าคือ… เฉินซี?”
ฟึ่บ!
เฉินซีหันไปมองเขา และเพียงการมองแวบเดียว ก็ทำให้ร่างกายของจินอวิ๋นเซิงสั่นสะท้าน ความคิดในใจสลายไปทันที
จินอวิ๋นเซิงรีบกล่าว “อย่าเพิ่งเข้าใจข้าผิด สหายเต๋า เจ้าช่วยชีวิตข้าไว้ ดังนั้นข้าย่อมไม่เลือกที่จะต่อต้านเจ้า”
“เลือกได้ดี” เฉินซีกล่าวอย่างสบาย ๆ จากนั้นเขาก็ไม่สนใจจินอวิ๋นเซิงอีกต่อไปและพุ่งตัวไปข้างหน้า
เขาคือเฉินซีจริง ๆ!
หัวใจของจินอวิ๋นเซิงไม่สงบเลย ในฐานะหนึ่งในผู้เข้าร่วมจากตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ จินอวิ๋นเซิงตระหนักดีว่าเฉินซีเป็นคนที่ไม่ธรรมดาสมคำร่ำลือ ไม่ใช่แค่ผู้เข้าร่วมจากห้าตระกูลระดับสูงเท่านั้นที่ถือว่าเขาเป็นหอกข้างแคร่ แม้แต่ผู้เข้าร่วมของตระกูลอื่น ๆ ก็ได้รับคำสั่งลับให้สังหารเฉินซีเช่นกัน
จินอวิ๋นเซิงเองก็ได้รับคำสั่งจากผู้อาวุโส หากมีโอกาสให้กำจัดเฉินซีทันที
เหตุผลของพวกเขานั้นเรียบง่ายมาก เป็นเพราะเฉินซีคือผู้ช่วงชิง การดำรงอยู่ที่ถูกเต๋าแห่งสวรรค์ตราหน้าว่าเป็นคนนอกรีต ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติ ที่พวกเขาต้องฆ่าเฉินซี เนื่องจากพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์!
ทว่าสิ่งที่สำคัญที่สุด คือภารกิจในการกำจัดเฉินซีได้รับข้อตกลงแบบเดียวกันกับห้าตระกูลระดับสูงและนิกายอำนาจเทวะ ดังนั้นใครก็ตามที่สังหารเฉินซีได้ จะได้รับรางวัลและเกียรติยศมหาศาล
เดิมทีจินอวิ๋นเซิงเคยคิดว่าเฉินซีจะต้องเป็นคนที่ชั่วร้ายเลวทรามอย่างยิ่ง และยังตั้งปณิธานว่าหากพบเฉินซี เขาจะกำจัดอีกฝ่ายอย่างแน่นอน
แต่บัดนี้ หลังจากที่เฉินซีช่วยชีวิตเขาในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย จินอวิ๋นเซิงก็พบว่าเขาทำไม่ได้อีกต่อไป
ประการแรก เป็นเพราะเฉินซีช่วยชีวิตเขาไว้ ประการที่สอง เป็นเพราะเขาประจักษ์ชัดว่าตนไม่อาจต่อกรกับเฉินซีได้ แม้ว่าจะอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ก็ตาม!
ข้าควรทำอย่างไรดี?
จินอวิ๋นเซิงรู้สึกงุนงงและไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร เมื่อคิดถึงคำแนะนำที่ได้รับจากตระกูล กับสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้
“สหายของเจ้าอยู่ที่ไหน? หรือบางทีเจ้าอาจนำข้าไปยังพื้นที่ปลอดภัยก็ได้ เจ้าคงไม่อยากติดตามข้าและบุกตะลุยกองทัพศัตรูในขณะที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสหรอกกระมัง?” ทันใดนั้น เฉินซีก็กล่าวจากเบื้องหน้า ซึ่งทำให้จินอวิ๋นเซิงตื่นจากภวังค์ หลังจากนั้น อารมณ์ที่ซับซ้อนพุ่งเข้าสู่หัวใจของเขาเมื่อได้ยินเฉินซีกล่าว
เขาเพียงพบข้าโดยบังเอิญและช่วยข้าไว้ เราไม่มีความสัมพันธ์ใด ๆ ต่อกัน แต่คนผู้นี้ยังคงตั้งใจที่จะพาข้าไปยังที่ปลอดภัย จินอวิ๋นเซิงจะไม่รู้สึกหวั่นไหวเมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างไร
“อีกหกชั่วยามสงครามจะหยุดลงชั่วคราว เมื่อถึงเวลานั้น ผู้เยี่ยมยุทธ์จากทั้งสองฝ่ายจะกลับไปที่ค่ายของตนเพื่อพักฟื้น” จินอวิ๋นเซิงกล่าวอย่างรวดเร็ว เขาตัดสินใจรับเฉินซีเป็นสหายจากค่ายเดียวกัน และไม่สนใจคำแนะนำหรือการเตรียมการของตระกูลเขาอีกต่อไป!
ส่วนเรื่องฆ่าเฉินซีเหรอ?
เลิกคิดได้เลย เขาเป็นหนี้ชีวิตเฉินซี!
“ที่ค่าย?” ตอนนี้เฉินซีเริ่มเข้าใจสถานการณ์ และพยักหน้า “ตกลง เราจะยืนหยัดต่อไปอีกสามชั่วยาม ใช้เวลาฟื้นตัวให้คุ้มค่าที่สุด เจ้าไม่จำเป็นต้องสนใจสิ่งอื่นใด”
ขณะที่กล่าว เฉินซีก็กวาดล้างกลุ่มศัตรูที่พุ่งเข้ามา จากนั้นร่างของเขาก็ไม่หยุดนิ่งและเดินต่อไป
“ตกลง!” หลังจากที่เขาตัดสินใจแล้ว ร่างกายของจินอวิ๋นเซิงก็รู้สึกเบาสบาย เขาเลิกคิดเรื่องไร้สาระ และเดินตามหลังเฉินซีอย่างใกล้ชิด ในขณะที่มุ่งความสนใจไปที่การฟื้นตัว
จินอวิ๋นเซิงไม่รู้เลยว่า ในขณะที่เฉินซีดูเหมือนจะพุ่งผ่านผู้รุกรานเต๋ามาตลอดทาง ร่องรอยกลิ่นอายของเฉินซีก็คอยจับตาดูเขาอยู่ตลอดเวลา และพร้อมสังหารเขาทุกเมื่อหากเขาแสดงท่าทีพิรุธแม้เพียงเสี้ยว
เฉินซีไม่อาจถูกตำหนิได้ว่าระแวงเกินไป อันที่จริงแล้ว เป็นเพราะเฉินซีปฏิเสธที่จะเชื่อผู้เข้าร่วมจากตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ หลังจากที่เขาถูกสั่วหยิ่งฝูแทงข้างหลัง
…
การสังหารยังคงดำเนินต่อไป และโลกก็อาบไปด้วยเลือด
อย่างไรก็ตาม สีหน้าของนางเปลี่ยนไปในชั่วพริบตาต่อมา เพราะเฉินซีได้หายตัวไปจากจุดเดิมแล้ว!
นางแทบไม่เชื่อสายตา แต่ในชั่วครู่ต่อมา นางได้ยินเสียงของมีคมแทงทะลุเลือดเนื้อดังมาจากกายของนาง
ความเจ็บปวดอันแสนสาหัสได้แล่นไปทั่วกาย เมื่อก้มหน้าดู นางก็เห็นปลายกระบี่สีแดงเลือดยื่นออกมาจากหน้าอกของตน เลือดของนางยังคงหยดออกมาจากปลายกระบี่
มะ…มันเกิดอะไรขึ้น?
นางมึนงง และนี่กลายเป็นความคิดสุดท้ายก่อนจะสิ้นใจ หลังจากนั้นนางก็ล้มลงกับพื้นและกลายร่างเป็นหนึ่งในศพเย็นยะเยือกในสนามรบ
จินอวิ๋นเซิงยืนอยู่ที่ด้านหลังและมองเห็นทั้งหมดนี้ได้อย่างชัดเจน ทว่าเขากลับไม่สังเกตเห็นเลยว่ากระบี่ของเฉินซีแทงทะลุนางจากด้านหลังตั้งแต่เมื่อใด
ทันใดนั้น เขาก็ฟื้นจากอาการตะลึง และรู้สึกหนาวสั่นไปตามกระดูกสันหลัง ซึ่งนี่อาจเป็นชะตากรรมของเขาเช่นกัน หากทำเหมือนนางเมื่อครู่นี้
เมื่อคิดอย่างนั้น ทั้งร่างกายของเขาก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน
“ไปกันเถอะ” ท่าทางของเฉินซีสงบและไม่แยแสเช่นเคย ราวกับว่าเขาทำอะไรบางอย่างที่ธรรมดามาก ถึงขั้นที่เขาไม่รวบรวมสมบัติที่นางทิ้งไว้ข้างหลัง เพียงแค่เหยียบศพของนางและเดินต่อไป
“โอ้” จินอวิ๋นเซิงรู้สึกราวกับว่าตื่นจากความฝัน และรีบตามเฉินซีไป อย่างไรก็ตาม สายตาของเขาที่จ้องมองเฉินซีกับแฝงด้วยความกลัวอย่างลึกซึ้ง
พร้อมกับเวลาที่ผ่านไป เฉินซีได้สังหารผู้รุกรานเต๋าอีกสามคนที่ขอบเขตจ้าวเอกภพเก้าดารา สำหรับศัตรูขอบเขตการบ่มเพาะอื่น ๆ พวกมันมีนับไม่ถ้วน
สิ่งเดียวที่ทำให้เฉินซีประหลาดใจก็คือ กระบี่เต๋าวิบัติได้ควบแน่นไข่มุกแห่งกฎเกณฑ์อีกเม็ดหนึ่ง ซึ่งมีร่องรอยของกลิ่นอายแห่งลิขิต
นอกจากนั้น เฉินซียังไม่ได้รับผลกระทบจากหญิงสาวคนก่อนที่โจมตีจากด้านหลัง และเขาได้ช่วยเหลือผู้เข้าร่วมตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์อีกเจ็ดคนจากเงื้อมมือของผู้รุกรานเต๋า
โชคดีที่ไม่มีใครพยายามกระทำการมุ่งร้ายต่อเฉินซีอีกเลย
หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง เสียงกลองศึกที่หนักหน่วงก็ดังก้องไปทั่วโลก
ในเวลาเดียวกัน พลังอันน่าสะพรึงกลัวของเต๋าแห่งสวรรค์ก็ลงมาจากท้องฟ้า ทำให้หัวใจของทั้งสองฝ่ายสะท้านและหยุดต่อสู้
ทุกคนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนถึงกระแสพลังที่ดูเหมือนวัตถุของบัญชาเต๋าสวรรค์ ซึ่งกลายร่างเป็นม่านที่ทอดลงมาสู่ที่ราบสูงสังหาร และปกคลุมไว้อย่างสมบูรณ์
ในขณะนี้ แม้แต่เฉินซีก็รู้สึกถึงกลิ่นอายที่กดดันอย่างมาก มันทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวและไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม
“เวลาที่จะหยุดพักผ่อนมาถึงแล้ว” จินอวิ๋นเซิงถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นสิ่งนี้ รู้สึกราวยกภาระอันหนักหน่วงออกจากบ่าของตน
………………..

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...