บทที่ 2126 ความเคารพ
………………..
บทที่ 2126 ความเคารพ
ภายในตำหนัก
บุรุษและสตรีคนนั้นนั่งขัดสมาธิอยู่ในตำหนัก โดยมีโต๊ะวางคั้นอยู่ระหว่างพวกเขา และมีแผ่นหยกวางอยู่บนโต๊ะ
ข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทั่วทั้งบริเวณค่ายในวันนี้ได้ถูกบันทึกไว้ในนั้น
บุรุษคนนั้นสวมเสื้อคลุมสีดำ มีผมยาวสีม่วงพาดบ่า มีใบหน้าที่หล่อเหลาและห่างเหิน เย็นชา และไม่แยแสเหมือนน้ำแข็งหมื่นปี
สตรีที่นั่งตรงข้ามเขาสวมชุดหลากสี ใบหน้าของนางเปล่งประกาย มีเสน่ห์ ประดับด้วยยิ้มแสนหวาน และมีดวงตาที่พราวเสน่ห์คู่หนึ่ง เรือนร่างของนางมีส่วนเว้าโค้งในตำแหน่งที่เหมาะสม ทำให้นางมีเสน่ห์เย้ายวนที่ไม่มีใครเทียบได้
“เจ้าแปลกใจมากเหรอ?” สตรีคนนั้นปิดปากของนางและหัวเราะเบา ๆ ขณะที่จ้องมองไปที่บุรุษชุดดำที่ยังคงเงียบอยู่
“ไม่” บุรุษชุดดำกล่าวโดยไม่มีอารมณ์ใด ๆ “ข้ารู้จักเฉินซีดีกว่าใคร ๆ ดังนั้นข้าจึงทราบอย่างชัดเจนว่าการกระทำดังกล่าวเป็นเรื่องปกติสำหรับเขา”
สตรีคนนั้นยิ้มพลางถามว่า “โอ้? ถ้าอย่างนั้นบอกข้าทีว่าเขาแข็งแกร่งปานใด”
บุรุษชุดดำเงียบไปพักใหญ่ ก่อนจะกล่าวว่า “เจ้าจะเข้าใจ เมื่อเจ้าต้องทุกข์ทรมานจากความตายด้วยน้ำมือเขา”
“เมื่อเจ้ากล่าวเช่นนั้นแล้ว ข้าก็รู้สึกอยากลองดูสักครั้ง” สตรีคนนั้นดูเหมือนจะครุ่นคิด
บุรุษชุดดำกล่าวอย่างเฉยเมย “หากเจ้าคิดว่าเจ้าทำได้ เพียงเพราะเจ้าสามารถควบคุมพลังส่วนหนึ่งของบัญชาเต๋าสวรรค์ได้ ก็เชิญเจ้าลองดูได้ตามสบาย”
สตรีคนนั้นผงะ และในที่สุดสีหน้าของนางก็ดูจริงจังเล็กน้อย “ดูเหมือนเจ้าจะไม่ถูกครอบงำด้วยการแก้แค้น”
บุรุษชุดดำกล่าวอย่างเย็นชา “เจ้าไม่จำเป็นต้องตรวจสอบข้าหรอก ข้าจะไม่ทำอะไรบุ่มบ่าม จนกว่าข้าจะเข้าใจพลังฝีมือที่แท้จริงของเขา”
นางชื่นชม “นั่นเป็นสิ่งที่ควรจะทำ ท่านประมุขบอกว่า แม้แต่เขาก็ไม่สามารถช่วยเจ้าได้ หากเจ้าตายอีกครั้ง”
ดวงตาของบุรุษคนนั้นหรี่ลงอย่างยากจะมองเห็น ขณะที่กล่าว “ข้าจะไม่ยอมตายง่าย ๆ จนกว่าข้าจะฆ่าเฉินซีได้”
สตรีคนนั้นสลายรอยยิ้มที่มุมปาก “แล้วเจ้าตั้งใจจะทำอะไรตอนนี้? รอ?”
เขาพยักหน้า “รอ”
นางกล่าวว่า “จนถึงเมื่อใด?”
บุรุษคนนั้นเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเหลือบมองนาง และจ้องมองด้วยสีหน้าแปลก ๆ “อันที่จริง เจ้าควรมีความปรารถนาที่จะฆ่าเขามากกว่าข้า”
สตรีคนนั้นเผยรอยยิ้มอันแสนหวานและมีเสน่ห์ออกมา “เจ้าคิดผิดแล้ว แม้แต่ตัวข้าก็ไม่รู้ว่าจะต้องการอะไร เมื่อชะตาของเขาได้ถูกลิขิตไว้แล้ว”
บุรุษชุดดำถอนสายตากลับ และกล่าวอย่างไม่แยแส “เจ้าจะเข้าใจว่าแท้จริงแล้วเจ้าต้องการสิ่งใด เมื่อเจ้าตัดสินใจต่อสู้กับเฉินซีจริง ๆ บางทีคนอื่นอาจจะไม่สามารถเดาที่มาของเจ้าได้ แต่มันไม่อาจรอดพ้นสายตาข้าได้”
นางกะพริบตาพลางยกยิ้ม “แซ่ของข้าคือ เต๋า และชื่อของข้าคืออู๋ซวง ข้าไม่เคยปิดบังเจ้า”
ทันใดนั้นนัยน์ตาของบุรุษคนนั้นก็หรี่ลง ในขณะที่ใบหน้าของเขาแสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ค่อยเกิดขึ้น ผ่านไปพักใหญ่ก่อนที่เขาจะกล่าว “แซ่นั้น…สวรรค์มอบให้แก่เจ้า เป็นการดีที่สุดที่เจ้าจะไม่ลืมมัน”
ทันทีที่เขากล่าวจบ บุรุษชุดดำก็ลุกขึ้นและเดินไปที่สระศักดิ์สิทธิ์โกลาหล
สตรีในชุดหลากสีตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่นางจะคลี่ยิ้ม “เหลิ่งซิงหุน แม้ว่าท่านประมุขจะมอบชีวิตคืนให้แก่เจ้า แต่ท้ายที่สุดสวรรค์ก็มอบให้เจ้า ทางที่ดีอย่าลืมมันด้วย!”
…
ตำหนักขนาดมหึมานั้นว่างเปล่าโดยสิ้นเชิงและไม่มีการตกแต่งใด ๆ มีสระศักดิ์สิทธิ์โกลาหลเพียงแห่งเดียวที่อยู่ตรงกลาง
สระนั้นไม่ใหญ่มาก พลังโกลาหลพลุ่งพล่านอยู่ข้างใน มันเป็นพลังโกลาหลที่บริสุทธิ์ที่สุดด้วยซ้ำ ดังนั้น มันไม่เพียงแต่เป็นประโยชน์ต่อการบ่มเพาะ แต่ยังให้ผลที่น่าตกใจต่อการฟื้นตัวของอาการบาดเจ็บอีกด้วย
หลังจากที่เดินเข้าไปในตำหนัก เฉินซีก็ตรงไปที่สระศักดิ์สิทธิ์โกลาหล และเขาก็สังเกตมันเป็นเวลานาน ก่อนที่เขาจะถอนสายตากลับ “นับจากนี้พักฟื้นที่นี่”
จินอวิ๋นเซิงตกตะลึงเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เขาจะจินตนาการได้อย่างไรว่า เขาจะได้ครอบครองโชคลาภนี้จริง ๆ ดังนั้นเขาจึงอดรู้สึกไม่เชื่อเล็กน้อย
เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส และเฉินซีคงไม่พาเขาออกจากสนามรบแล้วกลับไปยังที่ตั้งค่าย อย่างไรก็ตาม เขาก็ตระหนักชัดเจนว่าสมบัติอันล้ำค่าและไม่มีใครเทียบได้อย่างสระศักดิ์สิทธิ์โกลาหลนั้น เป็นสิ่งล้ำค่าสำหรับจ้าวเอกภพเก้าดารา
เพราะการบ่มเพาะภายในนั้น จะทำให้มีโอกาสที่จะบรรลุความเข้าใจถึงความลึกซึ้งของลิขิตที่มาจากส่วนลึกของความโกลาหล!
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเฉินซีจะไม่สนใจเรื่องนี้ และหยิบยื่นโอกาสดังกล่าวให้เขา สิ่งนี้ทำให้จินอวิ๋นเซิงตกตะลึงและสะเทือนใจ
เฉินซีไม่แม้แต่จะรอให้จินอวิ๋นเซิงตอบ ก่อนที่ร่างของเขาจะเคลื่อนผ่านสระศักดิ์สิทธิ์โกลาหล ไปยังส่วนลึกของตำหนัก
มีบันไดหินอยู่ที่ส่วนลึก และทอดตรงขึ้นไปถึงยอดตำหนัก
ในเวลาไม่นาน ร่างของเฉินซีก็เคลื่อนตัวไปตามบันไดและหายไป
จินอวิ๋นเซิงถอนหายใจ “คงจะดีมาก ถ้าเขาไม่ใช่ผู้ช่วงชิง”
หลังจากนั้น เขาก็หยุดคิดถึงเรื่องนี้ และเดินไปยังสระศักดิ์สิทธิ์โกลาหล ใช้เวลาอย่างเต็มที่เพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ
บันไดโบราณมีตะไคร่น้ำกระดำกระด่างตลอดทางขึ้น เมื่อเขาเริ่มเดินขึ้นบันได เฉินซีพบว่ามีหลายสิ่งถูกจารึกไว้บนกำแพงหินด้านข้าง มีทั้งคำ แผนภาพ และแม้แต่รอยดาบและกระบี่ทิ้งไว้ ทั้งหมดล้วนมีกลิ่นอายเก่าแก่ และถูกทิ้งไว้จนนานจนเกินนับ
เฉินซีประเมินคร่าว ๆ ว่าพวกมันถูกทิ้งไว้โดยผู้เยี่ยมยุทธ์ในอดีตที่เข้าร่วมในศึกผู้พิทักษ์วิถี ซึ่งมีความเข้าใจมากมายเกี่ยวกับมหาเต๋า ความรู้ในการต่อสู้ และคำที่บรรยายถึงอารมณ์ต่าง ๆ อันได้แก่ ความโศกเศร้า ความเดือดดาล ความขุ่นเคือง ความคับข้องใจ และความทุกข์ยาก
การต่อต้านเต๋าเป็นเส้นทางสู่ความตาย!
แต่สำหรับบุคคลในระดับเฉินซี ความมั่งคั่งดังกล่าวไม่ควรค่าที่จะกล่าวถึง
ลมกระโชกแรงพัดผ่าน ผสมผสานกลับกลิ่นฉุนของเลือดและวิญญาณชั่วร้าย มันส่งเสียงหวีดหวิวไปรอบ ๆ ราวกับเสียงตะโกนแห่งความสิ้นหวังของเหล่าทวยเทพ เมื่อพวกเขาเผชิญกับความตาย
ท่าทางของเฉินซีเฉยเมย ในขณะที่หัวใจและใบหน้าของเขาสงบนิ่งจนถึงขีดสุด ราวกับบ่อน้ำโบราณ เขาเพียงจ้องมองเช่นนั้นไปยังสนามรบในระยะไกล และเขายังคงนิ่งเฉยราวกับว่ากลายเป็นรูปปั้น
หืม?
ทันใดนั้น จินอวิ๋นเซิงรู้สึกตกตะลึงในใจ ขณะที่เขาพักฟื้นอยู่ในสระศักดิ์สิทธิ์โกลาหล ณ ตอนนี้ เฉิน ซีได้หายไปจากจิตสัมผัสของเขาแล้ว!
มันเหมือนกับว่าเฉินซีหายตัวไปอย่างสิ้นเชิง และมีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในตำหนัก ซึ่งไม่อาจอธิบายได้
จู่ ๆ จินอวิ๋นเซิงก็รู้สึกถูกกดดันเล็กน้อยและตื่นตระหนก เขาไม่อาจฟื้นตัวต่อไปได้อีก จึงลุกขึ้นยืนจากสระ ก่อนจะเดินขึ้นบันไดหินอย่างเร่งรีบ
เขารู้สึกตกใจเมื่อมาถึงจุดสูงสุดของตำหนัก ก่อนที่ร่างสูงโปร่งของเฉินซีจะยืนอยู่เบื้องหน้าหน้าต่างที่เปิดอยู่ แต่บริเวณนั้นกลับว่างเปล่าในจิตสัมผัส เขามองเห็นเพียงแค่หน้าต่าง ในขณะที่บริเวณด้านหน้าหน้าต่างว่างเปล่าโดยสิ้นเชิง ซึ่งไม่มีวิญญาณแม้แต่ดวงเดียวอยู่ที่นั่น
จินอวิ๋นเซิงอดไม่ได้ที่จะหายใจเข้าลึก ๆ และหลับตา ก่อนที่จะลืมตาอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เขาเห็นว่าร่างของเฉินซียังคงอยู่ที่นั่น แต่กลิ่นอายของเฉินซีไม่มีอยู่เลย!
เขา… ได้สัมผัสกับธรณีประตูแห่งลิขิตหรือไม่?
จินอวิ๋นเซิงรู้สึกประหลาดใจ ตามข่าวลือ เมื่อมีผู้สัมผัสกับธรณีประตูของเต๋าแห่งลิขิต ชะตาของบุคคลนั้นจะก้าวข้ามมหาเต๋า และผู้อื่นไม่สามารถตรวจพบได้
มันเหมือนกับการกลายร่างเป็นการดำรงอยู่ที่เป็นคู่แข่งกับมหาเต๋า ซึ่งคนทั่วไปไม่สามารถตรวจพบการดำรงอยู่เช่นนั้นได้!
แต่หลังจากนั้น จินอวิ๋นเซิงก็มึนงง เพราะร่างและกลิ่นอายของเฉินซีได้ปรากฏในจิตสำนึกของเขาอีกครั้ง
เมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้น?
ในขณะนี้ เฉินซีที่เป็นเหมือนรูปปั้นก็หันกลับมามองเขา “เจ้าต้องการอะไรหรือ?”
จินอวิ๋นเซิงรีบส่ายศีรษะ แล้วเขาก็ตกตะลึง เมื่อสังเกตเห็นว่า ตอนนี้เฉินซีมีกลิ่นอายอันน่าเกรงขามอย่างไม่อาจอธิบายได้ และมันทำให้หัวใจของเขาอดไม่ได้ที่จะสั่นไหว ในขณะที่ท่าทางเคารพก็ปรากฏบนใบหน้าของเขาอย่างห้ามไม่ได้
ใช่ มันเป็นการแสดงความเคารพ!
ในขณะนี้ จินอวิ๋นเซิงรู้สึกได้ว่าความรู้สึกที่เขามีเมื่อเผชิญหน้ากับเฉินซีนั้นแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง! มันเหมือนกับการเผชิญหน้ากับคนที่ไม่ธรรมดา ซึ่งไม่สามารถสั่นคลอนได้เลย!
มันเกิดอะไรขึ้น? มันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่?
จินอวิ๋นเซิงเดินลงบันไดอย่างเร่งรีบ ขณะที่หัวใจของเขาเต้นแรงด้วยคลื่นพายุที่ไม่อาจสงบลงได้เป็นเวลานาน
………………..

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...