เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 2130

บทที่ 2130 ผลศึก

………………..

บทที่ 2130 ผลศึก

เหล่าผู้ชมเดือดพล่าน ทำให้สถานการณ์ดูเผยสัญญาณเรรวนไร้ระเบียบในทันใด

ท้ายที่สุด ยอดฝีมือเหล่านี้ก็ทำเพียงแสดงความไม่พอใจ เหตุที่พวกเขาปรี่เข้ามาก็เพื่อชมความสง่างามและฤทธาของเซี่ยรั่วเยวียนในการต่อสู้ ขณะเดียวกันก็อยากสืบอำนาจต่อสู้ของเฉินซีมากกว่านี้

เพราะถึงอย่างไร พวกเขาคนใดก็ยังมิทราบชัดเลยว่าก่อนหน้านี้ เฉินซีฆ่าฉางอวิ๋นเหยี่ยได้อย่างไร พวกเขาจึงยิ่งฉงนใจและหวาดเกรงในอำนาจของเฉินซีมากขึ้น

ขณะเดียวกัน ยอดฝีมือมากมายมีจิตมุ่งร้ายคิดก่อกวนสถานการณ์ แล้วฉวยโอกาสทำร้ายเฉินซียามชุลมุน

เหตุผลก็ง่ายมากเช่นกัน ผู้ที่ตัดสินใจกำจัดเฉินซีมิได้มีเพียงห้าตระกูลชั้นสูง ยังมีผู้เข้าร่วมศึกมากมายทั่วค่ายที่มั่นซึ่งคิดฆ่าเฉินซี!

ด้วยเหตุนี้ จึงไร้ผู้ใดยอมปล่อยให้ประตูตำหนักปิดลงยามเซี่ยรั่วเยวียนและเฉินซีประชัน

ตำหนักทั้งหลายตั้งตระหง่านที่นี่นับแต่โบราณกาล ยังคงสภาพสมบูรณ์ได้ทุกวันนี้ จึงเห็นได้ว่าการต่อสู้ระหว่างเซี่ยรั่วเยวียนและเฉินซีในตำหนักนั้นไม่อาจสะท้านสะเทือนตำหนักได้เลย

สิ่งนี้แสดงให้เห็นทางอ้อมว่า หากไม่เปิดประตูตำหนักค้างไว้ ก็อย่าหวังได้ชมศึกอันไร้คู่เปรียบนี้เลย

จินอวิ๋นเซิงหน้าเสียเมื่อสังเกตเห็นว่าสถานการณ์เริ่มเสียสมดุล จึงโพล่งขึ้นกับยอดฝีมือทั้งหลายที่พุ่งเข้ามา “พวกเจ้าจะเข้าไปกันจริง ๆ หรือ? นั่นคือการต่อสู้ระหว่างเซี่ยรั่วเยวียนและเฉินซีนะ พวกเจ้าไม่ห่วงถูกลูกหลงตกตายหรือไร?”

ยอดฝีมือทั้งหลายนิ่งไป และเริ่มลังเลกันเล็กน้อย

หนึ่งในนั้นแค่นเสียงเย็นชา “หากเจ้าแค่ไปเปิดประตูตำหนักก็จบแล้วมิใช่หรือ?”

จินอวิ๋นเซิงชำเลืองมองคนผู้นั้นอย่างเดียดฉันท์ ก่อนจะหันกายผละออกห่างจากประตู กล่าวด้วยสีหน้าเฉยชา “อยากทำก็ทำเองสิ ข้าไม่ได้อยากตายนี่”

แม้ประตูตำหนักตั้งอยู่ตรงหน้า แต่ทั้งยอดฝีมือที่พุ่งเข้ามาและยอดฝีมือที่กระสับกระส่ายอยู่ห่าง ๆ ก็ล้วนลังเลอย่างอดไม่ได้

พวกเขาตระหนักดีว่าอำนาจต่อสู้ของเซี่ยรั่วเยวียนร้ายกาจเพียงไร และผลลัพธ์ก็ไม่อาจคาดคิดได้เลยหากพวกตนถูกลูกหลงศึกเข้า

แต่พวกเขาก็ไม่ยินยอมพร้อมใจยิ่งที่จะยอมรามือไปเช่นนี้ พวกเขาจึงร้อนใจกันยิ่งนัก

หนึ่งในยอดฝีมือดวงตาเรืองประกายกร้าว กล่าวขึ้นอย่างไม่เป็นมิตร “จินอวิ๋นเซิงคนทรยศ! ยามนี้เมื่อเจ้าอยู่ข้างนอก สิ้นคุ้มกันของเฉินซี กล้าทำตัวหยิ่งผยองเช่นนี้ วอนตายชัด ๆ!”

ทันทีที่วาจาถูกกล่าว ยอดฝีมือคนอื่น ๆ ก็เบนสายตามา เหมือนได้พบที่ระบายโทสะ สีหน้าไม่เป็นมิตรทันใด

ในความเห็นพวกเขา จินอวิ๋นเซิงซึ่งยืนข้างเฉินซีคือความอับอายและคนทรยศของตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์อย่างไร้กังขา!

ในเมื่อพวกเขาเข้าตำหนักมิได้ยามนี้ ก็ย่อมต้องระบายโทสะกับจินอวิ๋นเซิง

จินอวิ๋นเซิงหรี่ตาลงเล็กน้อย กล่าวขึ้นอย่างเดียดฉันท์ “พวกสวะที่กล้าเพียงรังแกผู้อ่อนแอ เกรงกลัวผู้แข็งแกร่งกว่า พวกเจ้าลืมวาทะของเซี่ยรั่วเยวียนก่อนเข้าตำหนักไปแล้วหรือ?”

ได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของยอดฝีมือมากมายก็ชะงักค้าง พวกเขาย่อมไม่ลืมสิ่งที่เซี่ยรั่วเยวียนเคยกล่าวไว้ พวกเขาจึงตระหนักดีว่าจินอวิ๋นเซิงได้รับการยอมรับจากเซี่ยรั่วเยวียน หากพวกเขาลงมือกับจินอวิ๋นเซิง หลังเซี่ยรั่วเยวียนออกจากตำหนัก พวกเขาจะให้คำอธิบายเช่นไรได้?

เป็นเรื่องกลืนไม่เข้าคายไม่ออกสำหรับพวกเขาโดยแท้

หากเฉินซีถูกฆ่า จินอวิ๋นเซิงก็จะได้รับการคุ้มครองจากเซี่ยรั่วเยวียน

หากเซี่ยรั่วเยวียนตกตาย จินอวิ๋นเซิงก็จะอยู่ในการคุ้มครองของเฉินซีต่อไป

ดังนั้นไม่ว่าผู้ใดจะลงมือกับเขา ก็ต้องชั่งใจให้ดีถึงผลลัพธ์การล่วงเกินเฉินซีหรือเซี่ยรั่วเยวียน!

จินอวิ๋นเซิงเห็นคนทั้งหลายเผยสีหน้าลังเล ไม่ยอมลงมืออยู่เนิ่นนานแล้วก็ยิ้มเย็นอย่างอดมิได้

เขาในยามนี้หาห่วงความปลอดภัยของตัวเองไม่ ความกังวลเดียวของเขาคือ เฉินซีจะเกิดอุบัติเหตุใดในศึกหรือไม่!

ณ ตำหนักใจกลางค่ายที่มั่น เส้นผมของซุ่ยเหรินขวงหลันโบกสะบัดบ้าคลั่ง คลื่นเพลิงเคลื่อนทะลัก ทำให้กระทั่งสุญตาทั่วทิศยังถูกผลาญเผา

ขณะนี้ เขาดูเหมือนระเบิดโทสะ เดินไปมาในตำหนักขณะที่จิตมุ่งร้ายเคลือบฉาบใบหน้า

“เซี่ยรั่วเยวียน!” ซุ่ยเหรินขวงหลันคิดแล้วก็ยิ่งโมโห อดคำรามเสียงทุ้มต่ำมิได้

เขาก็ไม่คาดคิดเช่นกันว่าเซี่ยรั่วเยวียนจะมาประกาศศึกกับเฉินซีในเวลาเช่นนี้ มิใช่เป็นการด่าเขา ซุ่ยเหรินขวงหลันทางอ้อมหรือว่าเป็นพวกขลาดเขลาระแวงเกินเหตุ?

เรื่องน่าโมโหสำหรับซุ่ยเหรินขวงหลันที่สุดคือ หากเฉินซีพ่าย มันก็จะพิสูจน์จริง ๆ ว่าเขาซุ่ยเหรินขวงหลันเป็นคนขลาด

หากเซี่ยรั่วเยวียนพ่าย เฉินซีก็จะยิ่งกล้าแกร่ง แผนเดิมของเขาจะพังไม่เป็นท่า

เมื่อเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้น ต่อให้เขาเอาชนะเฉินซีในศึกได้ ก็จะมิใช่ชัยชนะอันเกรียงไกรนัก

เพราะถึงอย่างไร เซี่ยรั่วเยวียนก็ประมือกับเฉินซีมาก่อนแล้ว ดังนั้นตัวเขา ซุ่ยเหรินขวงหลันก็จะมีข้อได้เปรียบยิ่งใหญ่ยามสู้กับเฉินซีตามมาติด ๆ!

“เจ้าผลักข้าลงกองเพลิงแท้ ๆ! ชั่วร้ายเสียนี่กระไร! ทั้งหมดเป็นเพราะไอ้พวกโง่สมควรตายนี่ หากมิใช่เพราะพวกเขาขัดคำสั่งข้า ล่วงเกินเฉินซีก่อน เรื่องทั้งหมดนี้มีหรือจะเกิด?” ดวงตาของซุ่ยเหรินขวงหลันผลาญเพลิง อยากพุ่งเข้าไปสู้กับเซี่ยรั่วเยวียนก่อนสิ่งอื่นใดเสียเหลือเกิน

ขณะเดียวกัน เสียงของสั่วหยิ่งฝูดังมาจากนอกตำหนัก “คุณชาย สถานการณ์มิค่อยดีแล้ว เซี่ยรั่วเยวียนกับเฉินซีเลือกสู้กันในตำหนัก ไร้ผู้ใดได้พินิจศึกเลย”

ซุ่ยเหรินขวงหลันนิ่งไป ก่อนที่เขาจะสงบใจสมบูรณ์ จมลงสู่ภวังค์ความคิด

เนิ่นนานจากนั้น เขาก็เหมือนเข้าใจบางอย่าง กล่าวขึ้นราวยังไม่สร่างสติ “จับตามองต่อไป ดูว่าผู้ใดออกจากตำหนักในตอนท้าย”

แต่พวกเขาส่วนใหญ่ต่างมิกล้าส่งเสียงเอะอะยามสบสายตาเย็นชาของเซี่ยรั่วเยวียน

ตุบ! ตุบ!

เซี่ยรั่วเยวียนเงียบกริบ เดินตรงออกมานอกประตูตำหนักด้วยจังหวะฝีเท้าดุจเสียงกลองสะท้านฟ้าดินเช่นกาลก่อน

นับแต่ต้นจนจบ เขาไม่เผยอารมณ์แม้เพียงเสี้ยว ทำเพียงเดินออกจากตำหนักจากไปเงียบ ๆ

สิ่งนี้ทำให้ยอดฝีมือผู้ตื่นเต้นทั้งหลายทั่วทิศตกตะลึง ปฏิกิริยาของเขาผิดปกติไปหน่อยกระมัง? เกิดอะไรขึ้นระหว่างกรต่อสู้หรือ?

พวกเขาต่างจังงัง

จินอวิ๋นเซิงมิอาจสนใจเรื่องเหล่านั้นได้เลย หัวใจของเขาร่วงดิ่งถึงตาตุ่มทันทีที่เห็นเซี่ยรั่วเยวียนเดินออกจากตำหนัก รู้สึกราวตนถูกอัสนีฟาดกลางกระหม่อม เสียการควบคุมพุ่งตัวเข้าตำหนักไปทันที

เขาไม่อาจเชื่อลงว่าเฉินซีจะตกตายในการต่อสู้!

นั่นสิ เฉินซีจะตายได้อย่างไร? เป็นไปไม่ได้!

จินอวิ๋นเซิงปลอบใจตนเองไม่หยุดหย่อน ขณะที่ความลนลานยิ่งแจ่มชัดบนใบหน้า ศึกเช่นนี้ชี้วัดเป็นตาย ในเมื่อเซี่ยรั่วเยวียนรอดออกไปได้ แล้วเฉินซีจะมีโอกาสรอดชีวิตหรือ?

ตำหนักนั้นว่างเปล่าอย่างสมบูรณ์ ไม่มีร่องรอยแม้แต่ปราณของเฉินซี ทำให้ฟางเส้นสุดท้ายในใจจินอวิ๋นเซิงขาดผึง เขาทรุดลงกับพื้นอย่างอดมิได้ ใบหน้าหม่นหมองสิ้นหวัง พึมพำว่า “เหตุเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? ข้ายังไม่ได้ทดแทนหนี้ชีวิตนี้ให้เจ้าเลย เจ้ามาตายไปเช่นนี้ได้อย่างไร?”

“ผู้ใดตาย?” หนึ่งเสียงดังขึ้นข้างโสต ทำให้จินอวิ๋นเซิงโมโหจนแผดเสียง “ตาบอดหรือไร? เจ้าไม่เห็นหรือว่าเซี่ยรั่วเยวียนรอดออกไปได้? ผู้ใดอีกจะตาย? เฮ้ย! เจ้า….”

ขณะแผดเสียง จินอวิ๋นเซิงก็หันไปตะคอกและเห็นใครบางคนส่งยิ้มให้ คนผู้นั้นรูปร่างสูงใหญ่หล่อเหลา จะเป็นผู้ใดได้อีกนอกจากเฉินซี?

“เจ้าคืนชีพกลับมาได้เช่นไร?” จินอวิ๋นเซิงเด้งผึงขึ้นทันที ถามอย่างไม่อยากเชื่อ

“ข้าตายตอนไหน?” เฉินซีอดขำมิได้

จินอวิ๋นเซิงตื่นเต้นเสียจนทั้งหน้าทั้งคอแดงก่ำ “จ- จ- เจ้า… สุดท้ายเจ้าพ่ายหรือชนะกันแน่?”

เฉินซีไหวไหล่ “หากข้าพ่าย เจ้าคงไม่ได้เห็นข้าอีกแน่”

“เช่นนั้นเจ้าก็ชนะ!” จินอวิ๋นเซิงร้องอย่างตื่นเต้น ก่อนจะกล่าวอย่างงุนงง “แต่เซี่ยรั่วเยวียน….”

เฉินซีกล่าวเรียบ ๆ “เรามีโอกาสชนะศึกผู้พิทักษ์วิถีก็ต่อเมื่อเขายังอยู่ ผู้เดียวที่จะได้ประโยชน์ยามเขาตายคือผู้รุกรานเต๋าเหล่านั้น”

จินอวิ๋นเซิงผงะจังงังไปทันที

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]