เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 2132

บทที่ 2132 เป้าหมายอันดับหนึ่ง

………………..

บทที่ 2132 เป้าหมายอันดับหนึ่ง

เสียงการต่อสู้ดังก้องกังวานไปทั่วสนามรบ แม้ว่าเผชิญหน้ากับจ้าวเอกภพเก้าดาราจากตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ แต่ผู้รุกรานเต๋าขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลเหล่านั้นยังคงตะโกนเสียงดังและพุ่งเข้าโจมตีอย่างไม่เกรงกลัว

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเฉินซีจะไปที่ไหน เหล่าผู้รุกรานเต๋าก็จะแตกฮือออกไปและหลีกเลี่ยงเขาทันที

ถึงขั้นที่ผู้รุกรานเต๋าขอบเขตจ้าวเอกภพหลายคนที่สังเกตเห็นเฉินซีจากระยะไกล ล้วนแล้วแต่หันหลังกลับและหลบหนีไปอย่างไม่ลังเล

เมื่อเผชิญกับเหตุการณ์ดังกล่าว คิ้วของเฉินซีพลันเลิกขึ้นอย่างอดไม่ได้ เขากำลังจะจับกุมผู้รุกรานเต๋าสองสามคน เพื่อสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทว่าจู่ ๆ อากาศในระยะไกลก็ผันผวน จากนั้นร่างสีแดงเลือดที่ผอมเพรียวเรียวก็ปรากฏขึ้นที่นั่น

น่าแปลกที่มันเป็นทายาทศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของเผ่าวิญญาณโลหิต ชื่อชิงอิง!

ทันทีที่เขาปรากฏตัว ก็เอาแต่จ้องมองเฉินซีและพินิจอยู่ครู่หนึ่ง อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงไร้วี่แววโจมตี ยังกล่าวแทนว่า “ไม่เลว ไม่เลว นี่คือความแข็งแกร่งสูงสุดของเจ้า ดูเหมือนเจ้าจะฟื้นตัวแล้ว”

สนามรบเต็มไปด้วยการสังหารหมู่ เลือดหลั่งไหลท่วมพื้น กลองศึกลั่นเสียงดังกึกก้อง มันเป็นเหตุน่าสะพรึงอย่างยิ่ง แต่ชื่อชิงอิงกลับไม่เหลือบแลแม้เพียงหางตา และดูตั้งใจคุยกับเฉินซีมาก

เฉินซีขมวดคิ้ว “เจ้าเป็นคนจัดแจงเรื่องทั้งหมดนี้หรือ?”

ชื่อชิงอิงตกตะลึง จากนั้นเขาก็เข้าใจว่าเฉินซีหมายถึงอะไร ชื่อชิงอิงจึงส่ายศีรษะทันที “ไม่ นั่นคือการตัดสินใจที่เป็นเอกฉันท์จากบรรดาผู้อาวุโส เทพบุตรแห่งสวรรค์”

เฉินซีฉงน “เจ้าหมายถึงอะไร”

ชื่อชิงอิงยิ้ม “คู่ต่อสู้อย่างเจ้าไม่ใช่คนที่ทายาทอ่อนแอเหล่านั้นจากตระกูลข้าจะสามารถฆ่าได้ ดังนั้นเป็นการดีกว่าที่จะให้พวกเขาหลีกเลี่ยงเจ้า”

คิ้วของเฉินซีขมวดเข้าหากันแน่นยิ่งขึ้น “หากเจ้ายังพูดจาอ้อมค้อมอีก อย่าโทษข้าที่ไร้ความปรานี”

ชื่อชิงอิงยิ้มพลางยักไหล่ “โปรดอย่าทำเช่นนั้น ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อต่อสู้กับเจ้า ข้าแค่อยากจะบอกเจ้าว่าเจ้านั้นถูกหมายหัวว่าเป็นศัตรูอันดับหนึ่งของเราในสงครามนี้แล้ว ข้าเชื่อว่าอีกไม่นานทายาทศักดิ์สิทธิ์คนอื่น ๆ เช่นข้าจะออกมาจับตัวเจ้าแน่”

แสงเรืองรองอันเยียบเย็นส่องประกายผ่านดวงตาของเฉินซี “หึ แล้วเจ้าเล่าให้ข้าฟังทำไม?”

ชื่อชิงอิงยักไหล่และถอนหายใจช้า ๆ “ช่วยไม่ได้ ข้ายังไม่มั่นใจในความสามารถของข้าที่จะเอาชนะเจ้า แต่ข้าก็ไม่เต็มใจที่จะเห็นเจ้าถูกคนพวกนั้นจับ ข้าเลยเลือกบอกดีกว่า”

ทุกคำพูดและการกระทำมีกลิ่นอายที่สง่างามและสงบ คล้ายไม่ได้อยู่ในสนามรบอันนองเลือด ที่ซึ่งชีวิตและความตายถูกกำหนดไว้ แต่กลับเหมือนกำลังเดินเล่นในสวนหลังบ้าน เล่าเรื่องในชีวิตประจำวัน ดูขัดแย้งกับบรรยากาศของที่นี่อย่างสิ้นเชิง

ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นก็ทำให้คนอื่นไม่สามารถมองข้ามการมีอยู่ของคนผู้นี้ได้เลย

พื้นที่ในระยะร้อยลี้ รอบ ๆ ชื่อชิงอิงนั้นว่างเปล่า ผู้รุกรานเต๋าทุกคนหวาดกลัว และไม่กล้าเข้าใกล้เลยสักนิด

เฉินซีถือกระบี่เต๋าวิบัติไว้ในมือ ขณะชี้ไปที่ชื่อชิงอิง “เจ้าไม่คิดที่จะต่อสู้แล้วอย่างไร ข้าต้องการชีวิตของเจ้า”

จิตสังหารที่อัดแน่นอย่างไม่มีใครเทียบได้แผ่ซ่านออกมาไร้สุ้มเสียง

ชื่อชิงอิงทำเหมือนกับว่าเขาไม่ได้สังเกตเห็นเลย และส่ายศีรษะยิ้ม ๆ “เจ้าจะไม่ทำเช่นนั้น เจ้าไม่อยากรู้หรือว่าทำไมพวกเราเทพบุตรแห่งสวรรค์จึงให้ความสำคัญกับเจ้าเช่นนี้ และต้องการจับกุมตัวให้ได้?”

เฉินซีก็สงสัยเช่นกัน

ชื่อชิงอิงถอนหายใจ ก่อนที่เฉินซีจะกล่าวขึ้น “มันง่ายมาก เจ้าคือผู้ช่วงชิงคนสุดท้ายในยุคนี้ ยิ่งไปกว่านั้น เต๋าแห่งสวรรค์ยังประสบกับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิด ซึ่งก่อให้เกิดภัยพิบัติมาสู่โลก และไม่มีผู้ใดรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ดังนั้นภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ปัญหาแรกที่ทั้งผู้พิทักษ์เต๋าและเรา ซึ่งเป็นเทพบุตรแห่งสวรรค์ต้องคิดคือจะรักษาชีวิตตัวเองอย่างไร”

เมื่อกล่าวมาถึงจุดนี่ ความปรารถนาอันโชติช่วงได้ปรากฏขึ้นภายในนัยน์ตาที่ราวกับอัญมณีสีแดงของชื่อชิงอิง “ตราบใดที่เราจับตัวเจ้าได้ เราก็จะสามารถปลุกปฐมบรรพชนของเราจากการหลับใหลอันเป็นนิรันดร์ได้ ในเวลานั้น เราจะไม่ต้องกลัวภัยพิบัติเมื่อมีปฐมบรรพชนของเราคอยปกป้อง!”

ดวงตาของเฉินซีหรี่ลง และในที่สุดเขาก็เข้าใจทุกอย่าง สิ่งเดียวที่ยังคงไม่เข้าใจก็คือ เหตุใดถึงต้องเป็นเขา?

“นั่นคือวิธีรักษาชีวิตตัวเองของเจ้าเหรอ?” เฉินซีกล่าวอย่างใจเย็น

“ใช่” ชื่อชิงอิงไม่ลังเลเลย “เพื่อการบรรลุเป้าหมายนี้ ตระกูลที่อยู่ฝ่ายข้าได้มอบรางวัลที่ไม่เคยมีมาก่อนทุกชนิดที่สามารถทำให้ทายาทศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงคลุ้มคลั่งได้ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เป้าหมายร่วมกันของทายาทศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุดทุกคน คือพยายามจับตัวเจ้า! ตอนนี้เจ้าควรจะเข้าใจว่าสถานการณ์ปัจจุบันของตัวเองได้แล้วกระมัง?”

ท่าทางของเฉินซียังคงไม่เปลี่ยนแปลง “ทำไมเจ้าถึงเล่าให้ข้าฟัง?”

นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาถามคำถามเช่นนี้ แต่ความหมายเบื้องหลังกลับแตกต่างจากครั้งก่อน

ชื่อชิงอิงเพียงยิ้ม จากนั้นเขาก็กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังอย่างยิ่ง “ข้าคิดว่าเจ้าไม่สามารถหลีกหนีภัยพิบัติได้ ดังนั้นข้าหวังว่าเราจะได้ร่วมมือกัน ให้ข้าพาเจ้ากลับไปที่เผ่าของข้า ส่วนข้อเสนอของข้าที่มีต่อเจ้าคือการรับประกันว่าเจ้าจะไม่ถูกทรมานก่อนตาย และข้าจะพยายามให้เจ้ามีชีวิตอยู่ ถ้าเป็นไปได้”

ชื่อชิงอิงไม่ได้ล้อเล่น อย่างไรก็ตาม รอยยิ้มบาง ๆ ก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเฉินซีแทน และดูเหมือนเขาอยากจะหัวเราะเสียเหลือเกิน “คิดว่าข้าจะยอมหรือ?”

“เฉินซี แม้ว่าเจ้าจะอยากฆ่าข้าใจแทบขาด แต่ความตั้งใจของข้าก็ยังคงเหมือนเดิม เมื่อใดที่เจ้าไม่สามารถเปลี่ยนใจ มาหาข้าได้ทุกเมื่อ” เสียงของชื่อชิงอิงดังก้องอยู่ในหูของเขา “อย่าได้ถูกเทพบุตรสวรรค์คนอื่นฆ่าก่อนเล่า หากเจ้าบาดเจ็บสาหัส แน่นอนว่าข้าก็ไม่ลังเลที่จะฆ่าเจ้าเหมือนกัน!”

แม้ว่าจะเสียงจะสะท้อนก้องอยู่ในโสต แต่เฉินซีก็รู้ดีว่าชื่อชิงอิงอาจจะจากไปไกลมากแล้ว

เฉินซีคิดอย่างรอบคอบอยู่ครู่หนึ่ง “คนผู้นี้เข้าใจยากจริง ๆ”

ท้ายที่สุดแล้ว แม้ว่าชื่อชิงอิงจะเปิดเผยอารมณ์บนใบหน้า ทว่าเฉินซีก็ไม่สามารถเข้าใจความคิดที่แน่นอนของชื่อชิงอิงได้

ครั้งต่อไป เจอหน้าเมื่อไหร่ข้าฆ่าเขาแน่! เฉินซีตั้งปณิธานมั่นในใจ สัญชาตญาณของเขาบอกเขาว่า ชื่อชิงอิงเป็นคนที่อันตรายอย่างยิ่ง ยากรับมือนัก

“เฉินซี!?” ทันใดนั้น ก็มีเสียงที่ดังกึกก้องเหมือนเสียงฟ้าร้องก้องมาจากไกลโพ้น

ที่มาพร้อมกับเสียงนี้ คือบุคคลที่มีหัวเป็นนกและร่างมนุษย์ ซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยสายฟ้าสีดำพลุ่งพล่าน และร่างนี้ก็ฉีกผ่านท้องฟ้าอย่างรวดเร็วจากไกล ๆ

สายฟ้าฟาดเปรี้ยงลงมาจากสวรรค์ และผ่าลงมายังที่นี่ ยิ่งไปกว่านั้น กลิ่นอายน่าเกรงขามของร่างนั้น ยังดุร้ายและชั่วร้ายถึงขีดสุด

มันเป็นทายาทศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุดจากเผ่าอสนีบาต!

ดวงตาของเฉินซีหรี่ลง

“ที่แท้เจ้าอยู่นี่เอง! ฮ่า ๆ ๆ! เมื่อข้าจับเจ้าได้ ก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการก้าวเข้าสู่ขอบเขตมหาเทพเต๋าแล้ว!”

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ที่ทายาทศักดิ์สิทธิ์ผู้ยิ่งใหญ่จากเผ่าอสนีบาตปรากฏตัวขึ้น โซ่กระดูกศักดิ์สิทธิ์ที่หนาและใหญ่ก็ปรากฏบนท้องฟ้าอีกฟากหนึ่ง ทายาทของเผ่าผู้ตัดสินบาปที่มีใบหน้าดุร้ายและมืดมน กำลังยืนอยู่บนยอดโซ่ศักดิ์สิทธิ์ อีกฝ่ายเป็นทายาทศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุดเช่นกัน!

เมื่อรวมกับทายาทศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุดจากเผ่าอสนีบาตแล้ว มีทายาทศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุดสองคนพุ่งเข้าใส่เฉินซีจากทั้งสองฝาก จิตสังหารอันน่าสะพรึงกลัวและกว้างใหญ่ปกคลุมทั่วทิศ

ทันใดนั้น เฉินซีก็ถูกขนาบระหว่างศัตรูที่น่าเกรงขามสองคน

ในขณะเดียวกัน กองทัพผู้รุกรานเต๋าในระยะพันลี้ก็แตกตื่น พากันหลบหนีอย่างรวดเร็ว เนื่องจากไม่สามารถทนต่อแรงกดดันดังกล่าวได้

ถึงขนาดที่สีหน้าของผู้เข้าร่วมจากตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์สองสามคนที่อยู่ใกล้เคียงเปลี่ยนไป และหลบหนีไปไกล ไร้ท่าทียื่นมือช่วยเหลือเฉินซีแม้แต่น้อย ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวก็ดูน่าหัวร่อเป็นพิเศษ

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]