เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 2133

บทที่ 2133 ประหลาดใจ

………………..

บทที่ 2133 ประหลาดใจ

โครม!

สายฟ้าสีดำอันน่าสะพรึงกลัวซัดโหมกระหน่ำ ส่งผลให้ฟ้าดินตกสู่ความโกลาหลวุ่นวาย ในขณะที่ทายาทศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุดของเผ่าอสนีบาตฉีกผ่านท้องฟ้าไปทางเฉินซี

กลิ่นอายอันน่าเกรงขามของเขาดุร้าย และไม่ได้ปกปิดจิตสังหารแต่อย่างใด มิหนำซ้ำ ร่างกายยังเต็มไปด้วยสายฟ้าสีดำ เสริมให้ดูเหมือนราชาสายฟ้าโบราณที่โผล่ออกมาจากการทำลายล้าง

“ข้าคือเยียนซวีแห่งเผ่าอสนีบาต! จำชื่อข้าเอาไว้จะได้รู้ใครคือผู้สังหารเจ้า!”

ทันทีที่เขาปรากฏตัวขึ้น เขาก็ทำท่าทางคว้าจับและควบแน่นดาบสายฟ้าไว้ในฝ่ามือ จากนั้นก็ฟันมันลงไปที่เฉินซี

ตั้งแต่แรกเริ่ม เขาไม่ได้ล่าช้าเลยสักนิด การโจมตีของเขาเด็ดขาดและไร้ความปรานีอย่างยิ่ง

ชิ้ง!

ในเวลาเดียวกัน เสียงกู่ร้องที่ชัดเจนดังก้องมาจากกระบี่เต๋าวิบัติในมือเฉินซี จากนั้นแสงสีแดงเลือดก็พลุ่งพล่าน ทะยานผ่านฟันไปข้างหน้า

โครม!

ดาบที่ควบแน่นจากสายฟ้าระเบิดเป็นชิ้นเสี่ยง แต่การโจมตีไม่อาจทำร้ายเยียนซวีเลยแม้แต่น้อย แต่มันยังคงทำให้ใบหน้าของเขามืดมน และแค่นเสียงเย็น ขณะถือสายฟ้าแห่งการทำลายล้างที่รุนแรงไว้ในฝ่ามือ และพุ่งเข้าใส่กระบี่ของเฉินซีอีกครั้ง

เฉินซีพลิกกระบี่วูบ เกิดเสียงระเบิดสะเทือนเลื่อนลั่น เมื่อเข้าทำลายการโจมตีของเยียนซวี และเกือบจะเฉือนฝ่ามือของเยียนซวีเสียด้วยซ้ำ!

เหตุนี้ทำให้เยียนซวีเกิดความรู้สึกประทับใจ และไม่กล้าประเมินเฉินซีต่ำอีก ร่างของเขาทะยานวาบ จากนั้นง้าวสีเงินที่พรั่งพรูด้วยสายฟ้าก็ปรากฏขึ้นมาจากอากาศ เยียนซวีรีบคว้ามันไว้ในมือ ก่อนที่จะตวัดฟันใส่เฉินซีอย่างรวดเร็ว!

ในระดับการบ่มเพาะดังกล่าว ทุกกระบวนท่าที่พวกเขาทำนั้นแฝงด้วยกฎแห่งเต๋าศักดิ์สิทธิ์ที่น่าสะพรึงกลัว รวมทั้งยังมีเคล็ดวิชาต่อสู้ต่าง ๆ ที่พวกเขาเข้าใจ ดังนั้นแม้จะดูเหมือนเป็นการโจมตีธรรมดา ๆ แต่ก็เปี่ยมล้นด้วยความล้ำลึกอันไร้ขอบเขตของพลังอันสุดขั้ว ที่สามารถพลิกคว่ำมหาสมุทรและทำให้โลกปั่นป่วนได้

โครม โครม โครม!

เมื่อมีง้าวอยู่ในมือ เยียนซวีดูเหมือนทรงอานุภาพและร้ายกาจอย่างไม่มีใครเทียบได้ เขาพัวพันอยู่กับเฉินซี แลกเปลี่ยนกระบวนท่ากันหลายร้อยครั้งในเวลาไม่กี่อึดใจ

ฟ้าดินรอบทิศถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ ด้วยคลื่นพลังทำลายจากการต่อสู้นี้ ความว่างเปล่าสับสนวุ่นวาย พื้นดินแยกออกจากกัน ในรัศมีหมื่นลี้ได้กลายเป็นซากปรักหักพัง!

โชคดีที่พวกเขาอยู่ ณ ที่ราบสูงสังหาร ไม่เช่นนั้นหากเกิดขึ้นในแดนเทพโบราณ การต่อสู้นี้อาจจะทำลายดวงดาวจำนวนนับไม่ถ้วนไปแล้ว

โครม!

ทันใดนั้น เสียงปะทะที่สะท้านสะเทือนดินก็ดังขึ้น เมื่อร่างของเยียนซวีโซเซกลับไป นัยน์ตาของเขาหดตัว

พลังฝีมือของผู้ช่วงชิงคนนี้จะน่าเกรงขามนี้จริง ๆ หรือ?

เขารู้สึกไม่เชื่อเล็กน้อย

“เยียนซวี นั่นคือทั้งหมดที่เจ้ามีหรือ? ข้าคิดว่าเจ้าหลีกไปเสียดีกว่า!” ในขณะเดียวกัน เสียงที่เยือกเย็นและอำมหิตก็ดังขึ้น จากนั้นโซ่กระดูกก็ฟันผ่านอากาศ กลายเป็นภูเขาซากศพและมหาสมุทรโลหิตอันกว้างใหญ่ เสียงคำรามของเหล่าทวยเทพโหยไห้กังวาน ซึ่งทำให้ดูน่ากลัวยิ่ง

มันคือทายาทศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุดของเผ่าผู้ตัดสินบาปที่เป็นผู้เปิดฉากโจมตีครั้งนี้!

นามของเขาคือปัวสวินจิ้น และโซ่กระดูกศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในมือของเขาคือตรวนพิพากษ์บาป มันมีพลังทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัว ที่สามารถแยกร่างกายที่แข็งแกร่งที่สุดออกจากกันได้ ในขณะที่วิญญาณจะถูกระเบิดจนสลายไป!

มันเป็นศาสตราบรรพชนของเผ่าผู้ตัดสินบาป และไม่ใช่แค่สมบัติวิญญาณธรรมชาติธรรมดา ๆ ทั่วไป ภายในนั้นอัดแน่นด้วยพลังแห่งการพิพากษ์ที่สั่งสมนานหลายปีจนนับไม่ถ้วน และผู้อาวุโสในตระกูลของเขาได้ทำการขัดเกลาอย่างอุตสาหะมาหลายชั่วอายุคน

ดังนั้นสมบัติธรรมดาจะเปรียบเทียบกับพลังของมันได้อย่างไร?

หากปัวสวินจิ้นไม่ใช่ทายาทศักดิ์สิทธิ์ที่โดดเด่นที่สุดในเผ่าผู้ตัดสินบาป ก็ไม่มีทางที่เขาจะมีคุณสมบัติสมบัติดังกล่าวได้

โครม!

ทันใดนั้น ฟ้าดินก็มืดดับลง ทั้งยังเย็นยะเยือก บรรยากาศนั้นช่างน่าสยดสยองราวกับไฟนรกอันไร้ขอบเขต และมีเพียงห่วงโซ่กระดูกศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่ดูเหมือนลำแสงแห่งการทำลายล้าง ซึ่งกวาดไปทางเฉินซี

กลิ่นอายอันน่าเกรงขามนั่นลึกล้ำ น่าสะพรึงกลัว และโหดเหี้ยมถึงขีดสุด ซึ่งสามารถปลูกความสิ้นหวังในหัวใจของทุกคนได้

“ฮึ่ม!” เรือนผมของเฉินซีปลิวไสว ขณะที่ลำแสงศักดิ์สิทธิ์สีม่วงพุ่งออกมาจากร่าง ดังกึกก้องไปทั่วท้องฟ้าที่มืดมิด ส่องสว่างไปทั่วปฐพี

ในเวลาเดียวกัน ชายหนุ่มสืบเท้าก้าวไปข้างหน้า กระบี่สีแดงเลือดโจมตีอย่างแม่นยำบนตรวนพิพากษ์บาปซึ่งกำลังพุ่งมาหาตน

โครม!

มันเหมือนกับว่าสองจักรวาลปะทะกัน คลื่นกระแทกที่น่าสะพรึงกลัวจากการปะทะนั้นเปรียบเสมือนพายุที่พัดผ่านท้องฟ้า และทำให้บริเวณโดยรอบตกอยู่ในความไม่สงบ

ตุบ! ตุบ! ตุบ!

สีหน้าของปัวสวินจิ้นเปลี่ยนไปเล็กน้อย ร่างถอยร่นอย่างควบคุมไม่ได้ และทุกก้าวที่เขาถอยก็เกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่

สิ่งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ผลกระทบที่เขาประสบนั้นรุนแรงเพียงใด

“ฮ่า ฮ่า! ปัวสวินจิ้น เจ้าก็ไม่มีอะไรดีเหมือนกัน!” เยียนซวีหัวเราะเสียงเย็น ในขณะที่กล่าว เขาก็กำง้าวไว้ในมือแน่น และพุ่งเข้าหาเฉินซีอีกครั้ง พร้อมกับเปล่งรัศมีแห่งความยิ่งใหญ่เหนือโลกา

“ฮึ่ม!” ปัวสวินจิ้นก้มหน้าลง พลันแค่นเสียงเย็น และโจมตีเฉินซีจากอีกฟากหนึ่งเช่นกัน

หลังจากการหยั่งฝีมือครั้งแรก ทายาทศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุดของผู้รุกรานเต๋าทั้งสองคนต่างตระหนักว่าพลังฝีมือของเฉินซีนั่นน่าเกรงขามเพียงใด และเป็นไม่ได้เลยสำหรับพวกเขาที่จะเอาชนะเฉินซีเพียงลำพัง

ดังนั้นในขณะนี้ แม้ว่าพวกเขาจะทนสายตาของอีกฝ่ายไม่ได้ แต่พวกเขาก็ยังคงร่วมมือต่อสู้กับเฉินซีอยู่ดี

“พวกเจ้ามีแค่นี้เหรอ?” ในขณะนี้ รอยยิ้มเย็นพลันปรากฏที่มุมปากของเฉินซี และเอ่ยหยัน หลังจากเงียบมานาน

ยังไม่ทันสิ้นเสียง เขาก็เริ่มเปิดฉากโจมตีอีกครั้ง!

ชื่อฉู่เกอจะไม่รู้สึกใด ๆ แม้ว่าเฉินซีจะเสียชีวิตก็ตาม เพราะเขาไม่เคยถือเฉินซีเป็นพวกเดียวกัน

ถึงขนาดที่ชื่อฉู่เกอรู้สึกว่าเขาได้แสดงความอดทนและเมตตาอย่างที่สุด โดยไม่เติมเชื้อไฟลงในเปลวเพลิง และคว้าโอกาสที่จะลงมือต่อสู้กับเฉินซี

สำหรับการสู้เคียงข้างเฉินซีนั่นเป็นไปไม่ได้เลย!

แต่กระนั้น ชื่อฉู่เกอก็ตระหนักดีว่า หากเป็นไปตามสถานการณ์ปัจจุบัน ดูเหมือนว่าเฉินซีจะไม่ต้องการความช่วยเหลือใด ๆ….

สิ่งนี้ทำให้เกิดความรู้สึกแปลก ๆ ในใจของชื่อฉู่เกอ เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าเขาประเมินผู้ช่วงชิงอย่างเฉินซีต่ำไป

ท้ายที่สุด ไม่ใช่แค่ใครก็ตามที่สามารถสยบการร่วมมือของเยียนซวีและปัวสวินจิ้นได้อย่างมั่นคง ตรงกันข้าม แม้แต่ชื่อฉู่เกอก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะทำสิ่งนั้นให้สำเร็จ หากเขาไม่ได้ใช้พลังฝีมืออย่างเต็มที่

นั่นคือเหตุผลที่ทำให้เขารู้สึกแปลกเล็กน้อย เพราะเขาสงสัยว่าเฉินซีได้ใช้พลังฝีมืออย่างเต็มที่แล้วหรือยัง!

โครม!

ทันใดนั้น ทายาทของเผ่าเพชฌฆาตบาปก็พุ่งเข้ามาจากด้านข้าง เขามีการบ่มเพาะที่ขอบเขตจ้าวเอกภพเก้าดารา จังหวะที่เขาเปิดฉากลอบโจมตีนี้ก็แม่นยำและไร้ความปรานีถึงขีดสุด มันเกิดขึ้นทันทีที่จิตใจของชื่อฉู่เกอคลายความระวังลงเล็กน้อย

พรวด!

อย่างไรก็ตาม ชื่อฉู่เกอไม่แม้แต่จะหันกลับมา หอกในมือของเขาเหมือนมีชีวิต มันแทงไปข้างหน้าและเจาะเป็นรูเลือดผ่านตรงกลางหน้าผากของเพชฌฆาตบาปนั้นทันที เพชฌฆาตบาปคนนั้นไม่มีโอกาสได้ส่งเสียงร้องโหยหวน ร่างไร้ชีวิตล้มลงกับพื้น

เหตุการณ์นี้สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้รุกรานเต๋าคนอื่น ๆ ที่ตั้งใจจะฉวยโอกาสโจมตีชื่อฉู่เกอ และร่างกายของพวกมันสั่นเทา ซึ่งไม่กล้าเข้าใกล้อีกฝ่ายอีก

ทว่าชื่อฉู่เกอไม่คิดใส่ใจ สายตาของเขามุ่งความสนใจไปที่การต่อสู้ในระยะไกล ใบหน้าอันเงียบสงบและหล่อเหลาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความสับสนเล็กน้อย

เนื่องจากมีตรีศูลสีทองสดใสได้ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า และเข้าร่วมการต่อสู้อยู่ในขณะนี้ มันโจมตี เฉินซีพร้อมกับเยียนซวีและปัวสวินจิ้น

ตรีศูลดูราวกับว่ามันถูกสร้างขึ้นมาจากทองคำทั้งหมด มันเปล่งประกายระยิบระยับ ดูรุ่งโรจน์และศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่ง ซึ่งไม่ด้อยไปกว่าอาวุธของเยียนซวีและปัวสวินจิ้นเลย

มันเป็นสมบัติอันล้ำค่าที่ตกทอดมาภายในเผ่าสุนัขนรก และอยู่ในมือของจัวฟู ทายาทศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของเผ่าสุนัขนรก!

เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์ปัจจุบันเป็นสถานการณ์ที่จัวฟู เยียนซวี และปัวสวินจิ้นร่วมมือกันปราบปรามเฉินซี!

หากเป็นผู้เข้าร่วมรายอื่นของตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ ผู้เข้าร่วมคนนั้นจะต้องหลบหนีเมื่อเจอสถานการณ์เช่นนี้อย่างแน่นอน เพราะเป็นการต่อสู้กับทายาทศักดิ์สิทธิ์สามคน และทุกคนก็มีความแข็งแกร่งที่ไม่มีใครเทียบได้ แม้แต่คนอย่างชื่อฉู่เกอก็ไม่กล้าคุยโวว่าสามารถเผชิญหน้ากับทายาทศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามคนได้ในคราวเดียว!

แต่เฉินซีไม่ได้หนี!

แสงสีม่วงทองอันศักดิ์สิทธิ์ที่ปกคลุมท้องฟ้ายิ่งลุกโชนและรุ่งโรจน์มากขึ้น ซึ่งคนอื่น ๆ ก็สามารถมองเห็นแผ่นยันต์จำนวนมากมายที่เกิดจากแสงสีม่วงทองได้ ยันต์อักขระเดือดพล่านและเติมเต็มฟ้าดิน กะพริบเหมือนค่ายกลใหญ่ที่เก่าแก่และคลุมเครือ ซึ่งเกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา มันดูลึกลับ ทั้งยังเปี่ยมล้นด้วยพลังที่สั่นสะเทือนดวงวิญญาณ

สิ่งนี่ทำให้ชื่อฉู่เกอรู้สึกประหลาดใจ เพราะแม้แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ กลิ่นอายของเฉินซีกลับแข็งแกร่งขึ้น และไม่อาจสยบได้!

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]