บทที่ 2134 ดวงจิตแห่งเต๋า
………………..
บทที่ 2134 ดวงจิตแห่งเต๋า
ต่อสู้กับทายาทศักดิ์สิทธิ์สูงสุดสามคนเพียงลำพังหรือ?
อารมณ์อันละเอียดอ่อนในใจของชื่อฉู่เกอยังคงปรากฏอย่างไม่มีสิ้นสุดจนไม่อาจสลัดหลุดไปได้ เขาอุทิศกับการบ่มเพาะและจดจ่อกับโลกของตนเอง ทำให้ไม่เคยล้มเหลวในการบ่มเพาะมาก่อน
ในแดนมารดากำเนิดบรรพ์ ไม่มีคู่ต่อสู้ขอบเขตเดียวกันที่สามารถทำให้ชื่อฉู่เกอรู้สึกกดดันได้
นั่นรวมถึงเป่ยหมิงชางไห่ เซี่ยรั่วเยวียน ซุ่ยเหรินขวงหลัน และถังเสี่ยวเสี่ยว ไม่มีใครที่ทำให้ชื่อฉู่เกอเอาจริงได้
แต่ตอนนี้ชื่อฉู่เกอพบว่ามีคนอย่างเฉินซีอยู่นอกโลกของตัวเอง!
มันเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกถึงแรงกดดันจากโลกภายนอก!
ความรู้สึกนี้ไม่ใช่ภัยคุกคาม แต่มันทำให้ชื่อฉู่เกอรังเกียจเล็กน้อย เขาเชื่อมาโดยตลอดว่าตนเองก้าวเข้าสู่จุดสูงสุดของขอบเขตจ้าวเอกภพเก้าดาราจนเข้าสู่ขั้นสมบูรณ์แล้ว โดยสัตว์ประหลาดเฒ่าในตระกูลที่อยู่ขอบเขตมหาเทพเหล่านั้นก็ไม่อาจเทียบเขาได้ตอนอยู่ในขอบเขตจ้าวเอกภพเก้าดารา!
เขาเชื่อว่าตนเองไปถึงขีดจำกัดของขอบเขตจ้าวเอกภพเก้าดาราแล้ว ทำให้ไม่มีใครในโลกที่สามารถเทียบเคียงได้
แต่เมื่อเห็นเฉินซีกำลังรับมือการโจมตีของทายาทศักดิ์สิทธิ์สูงสุดสามคนเพียงลำพังได้ ชื่อฉู่เกอพลันพบว่าแนวคิดที่ตนเองเชื่อและปฏิบัติมาถูกทำลายสิ้น!
พลังศักดิ์สิทธิ์ที่เฉินซีเผยออกมากลับเหนือกว่าจ้าวเอกภพเก้าดาราที่ชื่อฉู่เกอคุ้นเคยเสียอีก!
ปะ… เป็นแบบนี้ได้อย่างไร?
ชื่อฉู่เกอไม่รู้ตัวเลยว่ามือที่กำหอกเพลิงโลหิตย้อมนภาแน่นขึ้น จนข้อนิ้วขาวซีดเล็กน้อย
ในตอนนี้ ไม่เพียงชื่อฉู่เกอเท่านั้น แต่ยังทำให้ซุ่ยเหรินขวงหลัน เป่ยหมิงชางไห่ เซี่ยรั่วเยวียน และถังเสี่ยวเสี่ยวล้วนหยุดการเคลื่อนไหว แล้วหันไปมองทางเดียวกัน
การต่อสู้ที่นั่นมีความผันผวนจนสะดุดตาแม้กระทั่งอยู่ในสมรภูมิกว้างใหญ่ ดินแดนภายในรัศมีหนึ่งแสนลี้ถูกเปลี่ยนเป็นสมรภูมิส่วนตัว ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้!
เพราะนี่เป็นการต่อสู้ที่สุดแสนโกลาหลวุ่นวาย การต่อสู้อันน่าสะพรึงระหว่างทายาทศักดิ์สิทธิ์สูงสุดสามคนกับเฉินซีเพียงลำพัง!
การต่อสู้ไร้ใครเทียบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แม้กระทั่งในศึกผู้พิทักษ์วิถีครั้งก่อน มันก็เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน!
ลำแสงศักดิ์สิทธิ์สีม่วงทองที่เจิดจ้าและร้อนแรงปกคลุมฟ้าดิน ก่อตัวเป็นอักขระลึกลับไร้ที่สิ้นสุดก่อนจะแผ่กระจายไปทั้งเก้าสวรรค์ชั้นฟ้า
ราวกับภูเขาศักดิ์สิทธิ์โบราณที่ไม่อาจสั่นคลอน แม้ตรีศูลสีทอง แสงสายฟ้าสีดำ และโซ่กระดูกศักดิ์สิทธิ์จะห้อมล้อมเข้ามาสังหารอยู่บ่อยครั้ง แต่กลับไม่มีร่องรอยของการดับสูญหรือการกำจัดออกไป
สีหน้าสงบของซุ่ยเหรินขวงหลันเต็มไปด้วยความหมองหม่น ดวงตาของเขาคล้ายกับกำลังแผดเผาด้วยเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ร้อนแรงที่กำลังเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
เขาไม่อาจคาดเดาได้ว่าเหตุใดเฉินซีจึงสามารถทำแบบนี้ได้!
เซี่ยรั่วเยวียนเม้มริมฝีปากขณะนึกถึงฉากการต่อสู้ระหว่างตนกับเฉินซี แล้วร่องรอยความซับซ้อนก็ปรากฏบนใบหน้าเย็นชาประหนึ่งภูเขาหิมะ กลายเป็นว่าตอนนั้นอีกฝ่ายยั้งมือเอาไว้…
“โห ทรงพลังขนาดนี้ ทายาทของเขาเทพพยากรณ์ทุกคนเป็นพวกท้าทายสวรรค์กันหมดเลยหรือ? หากข้ารู้แบบนี้ ต่อให้ตอนนั้นต้องถูกฆ่า ข้าก็จะยังอยู่ในเขาเทพพยากรณ์ น่าเสียดาย บรรพจารย์อาถังเสียนกลับทำร้ายข้า ไม่อย่างนั้น ข้าคงทรงพลังเหมือนกับคนผู้นี้…”
ถังเสี่ยวเสี่ยวลูบหางคิ้วขณะริมฝีปากยกยิ้มด้วยความปวดร้าว นางพบว่านับตั้งแต่ได้พบกับเฉินซีผู้นี้ก็คล้ายกับประสบพบเจอกับปัญหาบ่อยครั้ง ตนไม่เคยมีความสุขมาก่อน มันช่างน่าหงุดหงิดนัก!
“ดูท่าว่าความพ่ายแพ้ของเซี่ยรั่วเยวียนจะไม่สมควรได้รับ…”
เป่ยหมิงชางไห่พึมพำขณะดวงตาเต็มไปด้วยจิตวิญญาณต่อสู้อันเกรี้ยวกราด เขาพลันมีแรงกระตุ้นและหวังว่าจะสามารถต่อสู้กับเฉินซีในตอนนี้ได้ ต่อให้สุดท้ายจะแพ้พ่ายก็ตาม
ทว่าในตอนนี้ เตาหลอมโลหิตเคลื่อนลงมาจากท้องนภาไกลลิบอีกครั้ง กลิ่นอายน่าสะพรึงของมันที่กำราบขุนเขาธาราทุกหนแห่ง ทันทีที่มันปรากฏ แสงศักดิ์สิทธิ์สีม่วงทองถูกปราบปรามอย่างหนักจนสั่นไหวอย่างรุนแรง
ทายาทศักดิ์สิทธิ์สูงสุดอีกคนเข้าร่วมการต่อสู้!
นี่คือคนที่สี่!
ลูกตาของเป่ยหมิงชางไห่หดลง ความปรารถนาในใจดับสิ้นราวกับถูกถังน้ำเย็นราดหัว อย่าว่าแต่ท้าทายเฉินซีในตอนนี้เลย เกรงว่าแค่สามารถเข้าใกล้พื้นที่นั้นได้ก็แทบเต็มกลืนแล้ว ใครจะเชื่อว่าตนเองกำลังจะท้าทายกับเฉินซี?
มีแต่จะกลายเป็นกำลังเสริมของเฉินซีน่ะสิ!
เป่ยหมิงชางไห่มีความคิดเดียวกับชื่อฉู่เกอ เขาไม่ได้มองเฉินซีเป็นพวกพ้องเลยสักนิด
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือห้าตระกูลสูงสุดได้มีมติเอกฉันท์ว่าเฉินซีคือเป้าหมายที่จะต้องถูกกำจัด
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เป่ยหมิงชางไห่คิดว่าเขามีเมตตามากพอที่จะไม่เข้าไปซ้ำเฉินซี แล้วเขาจะไปช่วยอีกฝ่ายได้อย่างไร?
แต่ว่า…
ตัวตนท้าทายสวรรค์เช่นนั้นกลายเป็นผู้ช่วงชิงได้อย่างไร?
เขาอยู่ในการต่อสู้นองเลือดกับฝั่งผู้รุกรานเต๋าเพียงลำพัง แต่กลับไม่มีใครจากฝั่งผู้พิทักษ์เต๋าที่ยื่นมือเข้าช่วย แบบนี้จะไม่ให้รู้สึกไม่สบายใจได้อย่างไร?
เป่ยหมิงชางไห่อดลอบถอนหายใจไม่ได้
หากเป็นไปได้ เขายอมให้เฉินซีตายด้วยมือตัวเองดีกว่าปล่อยให้ตายอยู่ใต้เท้าของศัตรู!
…
เตาหลอมโลหิตน่าสะพรึง และทรงพลังจนสามารถทำลายทุกสรรพสิ่งได้ ความสามารถในการทำลายล้างของมันนับว่าน่าตกตะลึง หลังจากมันปรากฏ แสงศักดิ์สิทธิ์สีม่วงทองที่ปกคลุมฟ้าดินก็เคลื่อนตัวอย่างรุนแรงจนปั่นป่วนและหมองหม่น
ข้า เซี่ยรั่วเยวียน ชั่วชีวิตนี้สังหารศัตรูนับไม่ถ้วน เหยียบย่างบนภูเขาซากศพและทะเลเลือด สั่งสมประสบการณ์ความยากลำบากแห่งความเป็นความตาย แต่ข้าไม่เคยทำอะไรที่ขัดต่อดวงจิตแห่งเต๋ามาก่อน วันนี้ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น!
ลมหนาวพัดหวีดหวิวผสานเข้ากับกลิ่นคาวโลหิต เซี่ยรั่วเยวียนพลันรู้สึกเหมือนกับได้ทำลายพันธนาการแห่งโชคชะตาที่มองไม่เห็น เขารู้สึกผ่อนคลายและยินดีอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ท่ามกลางความสับสนคล้ายกับมีธารนทีแห่งโชคชะตาไร้ที่สิ้นสุดไหลผ่านจิตใจ…
เซี่ยรั่วเยวียนยิ้มราวกับภูเขาหิมะเยือกแข็งนิรันดร์กำลังหลอมละลาย มันเป็นรอยยิ้มที่บริสุทธิ์และสดใส
เพราะในตอนนี้เขาก็มั่นใจว่าได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตมหาเทพเต๋าไปอีกขั้นจนได้สัมผัสกับร่องรอยแห่งโชคชะตา!
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นหลังจากการตัดสินใจเมื่อครู่ โดยดวงจิตแห่งเต๋าของเขาคล้ายกับถูกชะล้างจนบริสุทธิ์และหนักแน่น
การตัดสินใจนี้ทำให้เซี่ยรั่วเยวียนไม่ลังเลอีกต่อไป เขามองสมรภูมิซึ่งอยู่ไกลออกไปจนเห็นร่างอันโดดเดี่ยวที่ติดอยู่ในวงล้อมการต่อสู้อันนองเลือด
“ขอบคุณ…”
เซี่ยรั่วเยวียนพึมพำอยู่ในใจขณะจิตสังหารแรงกล้าปรากฏในดวงตา แล้วร่างของเขาก็ทะยานสู่สมรภูมิซึ่งอยู่ไกลออกไปราวกับสายฟ้า!
“ช่างมัน! เพื่อบรรพจารย์อาถังเสียน ข้าจะแอบช่วยเขาสักครั้ง ถ้าจะตายก็ต้องตายด้วยมือของข้า ถังเสี่ยวเสี่ยว!”
อีกด้าน ถังเสี่ยวเสี่ยวผู้กำลังดิ้นรนกับความขัดแย้งภายในใจก็กระทืบเท้าพลางลูบเส้นผมอย่างหงุดหงิดราวกับกำลังระบายโทสะ นางชูดาบโค้งสีน้ำเงินที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวเองขึ้นแล้วแผดเสียงตะโกนดังลั่น จากนั้นจึงทะยานเข้าสู่สมรภูมิซึ่งอยู่ไกลออกไปเช่นกัน
นางทราบดีว่าจะลังเลอีกไม่ได้แล้ว ตอนที่เห็นเฉินซีอยู่ในค่าย ตนเองก็เกิดอาการลังเลอยู่หลายวัน บัดนี้สถานการณ์ของเขาอยู่ในอันตรายจนต้องรีบตัดสินใจ!
ทว่าในตอนนี้ ก่อนเซี่ยรั่วเยวียนหรือถังเสี่ยวเสี่ยวจะมาถึงสมรภูมิ ร่างของพวกเขาก็พลันหยุดนิ่งขณะเผยสีหน้าตกตะลึง
ในท้องนภา แสงศักดิ์สิทธิ์สีม่วงทองที่ถูกปราบปรามจนใกล้จะพังทลายพลันส่องแสงเจิดจ้าประหนึ่งวิหคเพลิงที่เกิดใหม่จากเถ้าถ่าน!
แสงสีทองม่วงกระจ่างชัด เจิดจ้า และรุ่งโรจน์ มันส่องสว่างทั่วท้องนภาด้วยความสุกใสไร้ที่สิ้นสุด!
เพียงพริบตา…
แสงสายฟ้าสีดำนั่นก็ระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย!
โซ่กระดูกศักดิ์สิทธิ์ระเบิดไม่มีชิ้นดี!
ตรีศูลสีทองกรีดร้องก่อนจะล่าถอย!
เตาหลอมโลหิตสั่นไหวอย่างรุนแรง!
………………..

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...