เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 2136

บทที่ 2136 ความกลัว

………………..

บทที่ 2136 ความกลัว

สีหน้าเยือกเย็นเฉยชาของเฉินซีไร้สัญญาณผ่อนคลายยามเห็นเค้าร่างค่ายที่มั่นค่อย ๆ เผยขึ้นตรงหน้า

กลับกัน คิ้วของเขากลับขมวดแน่นกว่าเก่า ขณะที่ใบหน้าหล่อเหลาอันซีดเซียวเล็กน้อยนั้นปรากฏสัญญาณซีดลงอีก

ราวกับกำลังฝืนทนความเจ็บปวดบางอย่างในกาย

พรวด!

ยามมาถึงค่ายที่มั่น เฉินซีก็อดกลั้นกระอักโลหิตคำโตมิได้ ทั่วร่างของเขาสะท้านเทิ้ม

โดยเฉพาะพลังชีวิตอันดูเสถียร ทว่ากลับเผยสัญญาณอันตรายเจียนรวนเร

เฉินซีสูดหายใจลึก ฝืนสะกดพลังอันปั่นป่วนรุนแรงในกาย ขณะที่เขากำลังจะไหวกายเคลื่อนสู่ตำหนักของตน จู่ ๆ สายตาก็ตวัดมองไปด้านข้างราวสังเกตเห็นบางสิ่ง

วูบ!

ขณะเดียวกันนั้นเอง สองบุคคลก็ปรากฏขึ้นจากอากาศธาตุ หนึ่งชายหนึ่งหญิง ปรากฏว่าพวกเขาก็คือเหลิ่งซิงหุนและเต๋าอู๋ซวง!

สีหน้าของเหลิ่งซิงหุนเย็นชาเฉยเมยไม่แปรเปลี่ยน ทว่าสายตายามมองมานั้นดูพิกลเล็กน้อย มันดูแฝงความประหลาดใจ เวทนา และจิตสังหารจาง ๆ

ข้างกันนั้น เต๋าอู๋ซวงฉีกยิ้ม ดวงตากระจ่างพินิจเฉินซีอย่างใคร่รู้ ราวกำลังพยายามยืนยันบางสิ่ง

เฉินซีหรี่ตาลง เขามิคาดว่าจะได้มาเผชิญเหลิ่งซิงหุน อริเก่าในเวลาเช่นนี้!

ไม่สิ ควรเรียกว่า ‘ร่างที่ก่อใหม่’ มากกว่า

ระหว่างมาเข้าร่วมศึกผู้พิทักษ์วิถี ศิษย์พี่ใหญ่ของเขาอู๋เซวี่ยฉานเคยบอกไว้ ว่าเหลิ่งซิงหุนตายไปแล้วจริง ๆ เหลิ่งซิงหุนในขณะนี้เป็นเพียงตัวตนที่เจ้านิกายอำนาจเทวะสร้างขึ้นใหม่ด้วยเคล็ดวิชา และมีเพียงความทรงจำทั้งหมดของเหลิ่งซิงหุนก่อนตายเท่านั้น

เห็นได้ชัดว่าเหลิ่งซิงหุนและเต๋าอู๋ซวงมาถึงค่ายที่มั่นนานแล้ว พวกเขากระทั่งได้ประจักษ์การต่อสู้เมื่อครู่ชัดถนัดตา

ยามนี้ ในเมื่อทั้งสองมาปรากฏต่อหน้ากะทันหัน ก็เห็นได้ชัดว่าไม่ได้มาดี!

ทันใดนั้น เหลิ่งซิงหุนก็ปรบมือชื่นชม “อัศจรรย์ กระทั่งข้ายังมิคาดคิดเลยว่า ไม่เพียงเจ้าจะรอดการรุมโจมตีของสี่ทายาทศักดิ์สิทธิ์สูงสุดมาได้ง่าย ๆ แต่กระทั่งฉวยโอกาสฆ่าได้ถึงสอง ผลงานศึกเช่นนี้พิจารณาได้แล้วว่าไร้ใดเปรียบปานในโลกหล้า”

คำชมจากศัตรูไม่เคยถือเป็นจริงเป็นจังได้ เนื่องด้วยมันอาจเป็นเพียงการแค่นขอด

เฉินซีทำเพียงชำเลืองเหลิ่งซิงหุน ก่อนจะกล่าวอย่างเฉยชา “เจ้าก็ฉวยโอกาสได้ไม่เลว นี่คือยามที่ข้าอ่อนแอที่สุด บางทีหากลงมือยามนี้ ก็อาจมีโอกาสฆ่าข้าได้จริง ๆ”

ประกายเฉิดฉายเรืองรองในสายตาเหลิ่งซิงหุน เขาดูประหลาดใจ แต่ก็กระเหี้ยนกระหือรือ และสุดท้ายก็ขมวดคิ้วอย่างอดมิได้ “นี่เจ้าพยายามหลอกข้า?”

เฉินซีไหวไหล่ “โอกาสมีเพียงหน เชิญลองพิสูจน์ได้ตามสบาย”

กล่าวจบ เฉินซีก็ไม่ให้ความสนใจเหลิ่งซิงหุนและเต๋าอู๋ซวงอีก และเดินมุ่งตรงสู่ค่ายที่มั่น สีหน้าไร้การเปลี่ยนแปลงแต่ต้นจนจบ

เขากระทั่งอดกระอักไอรุนแรงอยู่สองสามหนมิได้ยามเหยียบย่างเข้าค่ายที่มั่น โลหิตหนึ่งสายหลั่งรินจากมุมปาก

ดวงตาของเหลิ่งซิงหุนวูบไหวเรืองจ้า หัวใจคละคลุ้งไปด้วยจิตสังหาร เขารู้ว่ายามนี้คือโอกาสอันเลิศล้ำสูงสุดในการฆ่าเฉินซี ใครจะรู้ว่าหากปล่อยโอกาสนี้หลุดลอย โอกาสต่อไปจะมายามใด

ทว่า….

เจ้านี่อยู่ในสภาวะอ่อนแอที่สุดแล้วจริง ๆ หรือ?

เหลิ่งซิงหุนหาแน่ใจไม่

เมื่อนานมาแล้วในแดนรวนเรลืมเลือน เขาเคยตกตายอย่างอนาถด้วยมือเฉินซีเนื่องด้วยประเมินอีกฝ่ายต่ำไป ดังนั้นนับแต่ถูก ‘ก่อร่างขึ้นใหม่’ เขาก็ถือเฉินซีเป็นศัตรูสูงสุดในชีวิตของตนมาโดยตลอด มิกล้าประมาทเฉินซีแม้เพียงน้อย

ประกอบกับที่เขาเพิ่งได้เห็นเฉินซีฆ่าทายาทศักดิ์สิทธิ์สูงสุดไปสอง และบีบให้ต้องหนีไปอีกสองมากับตา เหลิ่งซิงหุนจึงยิ่งแน่ใจว่าตนมิได้ระแวงเกินเหตุไปเอง เพราะอำนาจต่อสู้ของเฉินซีท้าทายสวรรค์เกินไปจริง ๆ

ทว่ายามนี้ เฉินซีดูอ่อนแอ บาดเจ็บสาหัสยิ่งจนเห็นได้ชัด และนี่คือโอกาสฆ่าเฉินซีที่ดีที่สุด เหลิ่งซิงหุนจึงลังเลว่าควรลองดีหรือไม่!

เหลิ่งซิงหุนสับสนในใจอย่างสุดขั้ว เมื่อถึงยามต้องโจมตีเฉินซีจริง ๆ เขาพลันสังเกตเห็นว่าแท้จริง แม้จะเผชิญเฉินซีผู้ดูสุดอ่อนแอ ตัวเขากลับมิได้มั่นใจเต็มที่เลย!

ทำไมกัน?

หรือเงาแห่งความครั่นคร้ามหวาดกลัวต่อเฉินซีจะหยั่งรากฝังไว้ในส่วนลึกหัวใจแล้ว?

ทั้งหมดนี้ใช้เวลาสาธยายเนิ่นนาน ทว่าแท้จริงเกิดขึ้นเพียงพริบตา ทุกสิ่งที่ว่ามานั้นประดังสู่หัวใจเหลิ่งซิงหุนพร้อมเพรียงกัน จนใบหน้าเย็นชาไร้อารมณ์เริ่มแปรเปลี่ยนไปอย่างเกินอ่าน

“หากเรายังอยู่เฉย เราจะพลาดโอกาสไปนะ!” เต๋าอู๋ซวงเอ่ยปาก คิ้วขมวดเป็นปม นางเหมือนจะงุนงงจากท่าทีอ้ำอึ้งของเหลิ่งซิงหุนในขณะนี้ เพราะตลอดมา นางไม่เคยเห็นอาการเช่นนี้ของเขาเลย

“ข้า….” เหลิ่งซิงหุนมองไล่หลังเฉินซีซึ่งกำลังเคลื่อนจากไปไกลขึ้นทุกขณะ เส้นเลือดปูดโปนบนหน้าผาก สีหน้าปรากฏความสับสน

“พอแล้ว! ในเมื่อเจ้าไม่คิดจู่โจมล้างแค้นเอง ข้าก็จะจัดการเขาให้เจ้าเอง” กล่าวจบ ใบหน้าจิ้มลิ้มเปี่ยมเสน่ห์ของนางก็แปรเปลี่ยนเป็นขึงขัง ปลายนิ้วเรียวขาวมีจิตสังหารอัดแน่นพลุ่งพล่านเคลื่อนพัน

“ไร้เดียงสาเสียจริง” เหลิ่งซิงหุนกล่าววาทะเหล่านี้แผ่วเบา สายตาทอดมองไปไกล ร่างของเฉินซีหายเข้าตำหนัก ณ สุดสายตาไปแล้ว

“ไร้เดียงสา? น่าขัน! ทั้งหมดก็เพราะเจ้าขลาดกลัวเกินไปต่างหาก บางทีอาจเพราะเคยตายด้วยมือเขาแล้วหนึ่งหน เจ้าจึงกลัวเขาเช่นนี้” เต๋าอู๋ซวงส่ายหัวอย่างผิดหวังเล็กน้อย ก่อนจะหันหลังเดินจากไป “ข้าเพิ่งตระหนักยามนี้เอง ว่าความระวังจากปากเจ้า แท้จริงก็แค่ข้ออ้างเพราะกลัว”

ข้ออ้าง? สีหน้าของเหลิ่งซิงหุนเย็นเยียบถมึงทึง หัวใจเดือดดาลหงุดหงิดเกินครั้งใด หรือลึก ๆ แล้วข้ากลัวเฉินซีมาตลอดจริง ๆ?

ไม่!

เต๋าอู๋ซวงไม่รู้ถึงความน่ากลัวของเฉินซีเลยสักนิด! นางจะเข้าใจความคิดของข้าได้อย่างไร?

เหลิ่งซิงหุนสูดหายใจลึก พึมพำว่า “ต่อให้เสียโอกาสนี้ไป ก็ยังมีครั้งหน้าได้เสมอ แต่หากเสียชีวิตเราไป ทุกอย่างก็จะจบสิ้นไม่เหลือแล้ว….”

ตุ้บ!

ทันทีที่เขาเข้าตำหนักมา ร่างของเฉินซีก็เหมือนสิ้นทุกแรงพยุง ทรุดลงกองกับพื้น โลหิตทะลักรินจากริมฝีปากไม่ขาดสาย

ใบหน้าของเขาซีดขาวจนน่ากลัว เจือด้วยเขียวคล้ำจาง ๆ

พลังชีวิตป่วนปั่นราวฝูงม้าป่าอาละวาดทั่วกาย เจียนหลุดการควบคุมรอมร่อ

เฉินซีหอบหายใจถี่รัว มุมปากยกยิ้มหยันบาง ๆ เหลิ่งซิงหุน? มิควรค่าให้พูดถึงเลยจริง ๆ!

เนิ่นนานจากนั้น เฉินซีก็ตะเกียกตะกายลุกขึ้นอย่างยากลำบาก ก่อนจะเคลื่อนกายไปยังสระศักดิ์สิทธิ์โกลาหล

เฉินซีสูดหายใจลึก ทิ้งทุกความคิดฟุ้งซ่านในใจ มุ่งสติทั้งหมดสู่ร่างตนขณะจมร่างสู่วารีในสระ หายลับไปอย่างไร้สุ้มเสียง

ไร้ผู้ใดทราบว่ากระบี่เต๋าวิบัติเกิดการเปลี่ยนแปลงเกินคาดฝันระหว่างศึกเผชิญสี่ทายาทศักดิ์สิทธิ์สูงสุด และนั่นเกือบทำให้เขาถูกสังหารในพริบตา

ไร้ผู้ใดทราบว่าเพราะการเปลี่ยนแปลงกะทันหันนั้นเอง เฉินซีผู้เกือบเผชิญอันตรายจึงพลิกสถานการณ์ตอบโต้ สังหารศัตรูสองคน บีบให้อีกสองคนต้องล่าถอยได้

ท้ายที่สุด ทุกสิ่งก็เกิดขึ้นเพราะการเปลี่ยนแปลงกะทันหันของกระบี่เต๋าวิบัติ!

หากเขาใช้ยันต์ศัสตราในการประชัน เช่นนั้น แม้เขาจะเอาชนะเหล่าอริในช่วงเวลาอันสั้นไม่ได้ แต่การเปลี่ยนแปลงเกินคาดคิดนี้ก็จะไม่เกิดขึ้นเลย….

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]