เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 2137

บทที่ 2137 ลิขิตอันหลากทะลัก

………………..

บทที่ 2137 ลิขิตอันหลากทะลัก

นับตั้งแต่เขาเข้ามายังแหล่งกำเนิดแห่งบาปเต๋า กระบี่เต๋าวิบัติก็เหมือนตื่นจากจำศีล เผยความโหยหาที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในอดีต

มันมีความสามารถสกัดพลังแห่งบาปชั่วร้ายโดยธรรมชาติ กระทั่งสามารถกลืนกิน แปรสภาพ ดูดซับพลังแห่งบาปชั่วร้ายได้ อัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง

หลังการต่อสู้ ณ ที่ราบสูงสังหาร ไข่มุกแห่งกฎเกณฑ์อันบริสุทธิ์สุกสกาวสามเม็ดก็ถูกก่อขึ้นในกระบี่เต๋าวิบัติ แต่ละเม็ดล้วนบรรจุปราณลิขิตอันเกินคาดหยั่ง

แต่เฉินซีหาคาดคิดไม่ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงชวนตะลึงขึ้นกับกระบี่เต๋าวิบัติยามเขาใช้มันต่อกรกับทายาทศักดิ์สิทธิ์สูงสุดทั้งสี่

บางทีอาจเป็นเพราะกระบี่เต๋าวิบัติดูดซับแปรสภาพอำนาจบาปชั่วร้ายมากเกินไป จู่ ๆ ไข่มุกแห่งกฎเกณฑ์ทั้งสามในกระบี่ก็รวมตัวกันเป็นหนึ่ง ดูประหนึ่งเมล็ดพันธุ์อันงอกเงยสู่บงกชงามบริสุทธิ์ราวหลอมแก้วสร้างอย่างเฉียบพลัน!

บงกชดอกนั้นมีสามสิบหกกลีบ แต่ละกลีบใสกระจ่างเรืองงาม ตราด้วยอักขระลึกลับหนาแน่น

ขณะนั้น เฉินซีกำลังต่อสู้กับทายาทศักดิ์สิทธิ์สูงสุดทั้งสี่ การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นโดยเขาไม่ทันตั้งตัว ทำให้เขาเกือบเสียชีวิตไป

ยามเฉินซีสร่างตะลึง ก็สัมผัสถึงพลังกฎเต๋าศักดิ์สิทธิ์อันรุนแรงยิ่งทะลักจากกระบี่เต๋าวิบัติสู่ร่าง

ขณะนั้น เฉินซีรู้สึกราวทั้งกายเจียนระเบิด เอกภพในร่างเคลื่อนวนบ้าคลั่งด้วยความเร็วเกินคราวใด โลหิตทั่วกายพลุ่งพล่าน พลังชีวิตไหลบ่ารุนแรง

ดุจตัวเขาคือภูเขาไฟอันนิ่งสงบมาแสนปีและจู่ ๆ ก็เจียนปะทุ เฉินซีจึงเหวี่ยงกระบี่อย่างไร้ลังเล

และการเหวี่ยงกระบี่หนนั้นเองที่ฆ่าเยียนซวีกับปัวสวินจิ้น ขณะที่จัวฟูและชิวลั่วหนีเตลิดแตกตื่น!

แต่การเหวี่ยงกระบี่ครั้งนั้นก็ทำให้พลังทั่วกายของเฉินซีปั่นป่วนย้อนแย้งเช่นกัน พลังชีวิตของเขารวนเรสิ้นระเบียบ พลังทั้งหมดในกายกระทั่งมีแค่พอมิให้ธาตุไฟเข้าแทรก แทบเป็นไปไม่ได้แล้วในการสู้ต่อไป

ดังนั้นเฉินซีจึงไร้ทางเลือกนอกจากกลับค่ายที่มั่น

ดังนั้นเมื่อผู้อื่นเห็นใบหน้าซีดขาวของเขา จึงคิดไปว่าเฉินซีบาดเจ็บสาหัส ไม่ก็เสียกำลังมากเกินไป

ยิ่งกว่านั้น เพราะเหตุนี้เองเหลิ่งซิงหุนและเต๋าอู๋ซวงจึงฉวยโอกาสคิดมาฆ่าเขา แต่สุดท้ายแล้ว ความกลัว ณ ก้นบึ้งแห่งหัวใจก็ทำให้เหลิ่งซิงหุนปล่อยโอกาสหลุดมือ

บุ๋ง~

เฉินซีกลั้นหายใจ เพ่งทุกเสี้ยวสติไปยังพลังอันไม่คุ้นเคยในกายตน

พลังนั้นบริสุทธิ์ ไพศาล และเต็มไปด้วยกฎเต๋าศักดิ์สิทธิ์สุดแสนโบราณ นอกจากนั้นยังปกคลุมด้วยสายปราณลิขิต

แต่ยามนี้ พลังอันบ้าคลั่งไร้ทางสยบยอมเยี่ยงมังกรอหังการนี้กำลังอาละวาดมั่วไปทั่วเอกภพในกาย ทุกหนแห่งที่มันผ่าน หมู่ดาวในเอกภพล้วนสั่นไหว พลังศักดิ์สิทธิ์พล่านพุ่ง ป่วนรวนไม่เหลือดี

เห็นได้ชัดว่าพลังสายนี้เองที่ทำให้เฉินซีตกอยู่ในสภาวะ ‘อ่อนแอ’

หลังสืบเสาะคาดคะเนครู่หนึ่ง ในที่สุดเฉินซีก็ทราบว่า เหตุที่พลังนี้ดุดันนักก็เพราะมันมีเสี้ยวปราณลิขิต!

ลิขิตนั้นสูงส่ง ไร้ลักษณ์เกินจับต้อง

มีเพียงการทำความเข้าใจและประจักษ์แจ้งถึงความลึกล้ำแห่งลิขิต จึงมีโอกาสเหยียบย่างสู่ขอบเขตมหาเทพเต๋าอันสูงส่งเหนือธรรมดา!

กล่าวคือ พลังนี้สูงส่งเสียจนมีเพียงมหาเทพเต๋าที่ทำความเข้าใจและควบคุมมันได้ ดังนั้นเฉินซีซึ่งเป็นเพียงจ้าวเอกภพเก้าดาราจึงหามีคุณสมบัติครอบครองอำนาจเช่นนี้ไม่!

แต่ยามนี้ เสี้ยวปราณลิขิตกลับก่อตัวขึ้นเป็นอำนาจกฎเต๋าศักดิ์สิทธิ์นั่นได้โดยบังเอิญ และสุดท้ายก็ไหลเข้ามาในร่างของเฉินซี จึงไม่อาจกล่าวได้เลยว่าเป็นโชคดีหรือร้าย เรื่องเดียวที่แน่ชัดคือร่างของเฉินซีอยู่ในสภาพย่ำแย่จริง ๆ

ประเด็นของเรื่องนี้คือ จะสยบ แปรสภาพ และดูดซับพลังสายนี้อย่างไร!

เฉินซีก็ตระหนักถึงปัญหานี้แล้วเช่นกัน จิตสำนึกของเขามุ่งเป้าปัญหานี้ ใช้ความสามารถทั้งหมดพินิจหาหนทาง

แต่เขาหาสังเกตไม่ ว่าแผนภาพวารีหลากซึ่งจำศีลนิ่งในห้วงจิตสำนึกของเขาแผ่คลื่นประหลาดอันคลุมเครือออกมาอย่างเงียบเชียบ

ผู้คนมากมายรวมตัวกันนอกประตูตำหนักของเฉินซีอันปิดสนิท พวกเขาล้วนเป็นยอดฝีมือจากตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ผู้กลับมาจากสมรภูมิ

ขณะที่เฉินซีแผลงการโจมตีสะท้านหล้า เหล่าผู้รุกรานเต๋าก็ตัดสินใจถอยหนีทันที ทำให้ศึกอันเกรียงไกรชะงักตัวลงชั่วคราว

ยอดฝีมือมากมายจากตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์มีหัวใจอันแปรปรวนซับซ้อน สิ้นปรารถนาสู้ต่อไป พวกเขาต่างพากันกลับสู่ค่ายที่มั่น สายตามุ่งมารวมกัน ณ ตำหนักพำนักของเฉินซี

ทุกสิ่งในสมรภูมิวันนี้ชวนตกตะลึงยิ่งนัก และในที่สุด ยอดฝีมือจากตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ทั้งมวลก็ตระหนักถึงความน่ากลัวของเฉินซีกันเสียที

แต่พวกเขาก็ยังจำได้ว่าเฉินซีเป็นผู้ช่วงชิง! เป็นศัตรูที่ทุกตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ตัดสินใจกำจัดก่อนที่ศึกผู้พิทักษ์วิถีจะทันเปิดฉากด้วยซ้ำ!

“หากเจ้าเบื่อนัก ข้าสู้กับเจ้าดีหรือไม่?”

“อยากสู้กับเฉินซีหรือ? ผ่านข้าไปก่อนสิ”

เกินคาด เป่ยหมิงชางไห่เพิ่งกล่าวจบ ถังเสี่ยวเสี่ยวและเซี่ยรั่วเยวียนผู้หันหลังให้กับเขาพลันพร้อมใจหันกลับมา มุ่งสายตาไปยังเป่ยหมิงชางไห่พลางกล่าวขึ้นพร้อมกัน

แม้ทั้งสองจะพูดไม่เหมือนกัน แต่ความหมายเบื้องหลังหาแตกต่างไม่ ผู้ใดคิดสู้กับเฉินซี ต้องผ่านพวกเขาไปก่อน

เพียงพริบตา ผู้คนรายล้อมต่างตกตะลึง คิดให้ตายก็มิอาจแถลงไขว่าเหตุใดภาพเกินคาดคิดเช่นนี้จึงบังเกิด ทำไมถังเสี่ยวเสี่ยวกับเซี่ยรั่วเยวียนจึงไปอยู่ข้างเฉินซี?

สีหน้าของซุ่ยเหรินขวงหลันดำคล้ำเล็กน้อย ขณะกล่าวกับตนในใจว่ากะแล้ว!

ซุ่ยเหรินขวงหลันสังเกตเห็นว่าพฤติกรรมของถังเสี่ยวเสี่ยวและเซี่ยรั่วเยวียนผิดปกติไปเล็กน้อยยามเฉินซีประมือกับทายาทศักดิ์สิทธิ์สูงสุดทั้งสี่ ดังนั้นเมื่อเห็นเช่นนี้ เขาจึงยืนยันความเคลือบแคลงในใจได้อย่างสมบูรณ์ว่าทั้งสองขัดจำนงตระกูลตน และยิ่งทำให้เรื่องแย่โดยการแปรพักตร์ไปอยู่ข้างเฉินซี!

เป็นการทรยศอันเกินอภัยโดยแท้! สายตาของซุ่ยเหรินขวงหลันเรืองประกายเย็นเยียบ

“พวกเจ้า….” เป่ยหมิงชางไห่ดูมิอาจสร่างความตะลึง มองถังเสี่ยวเสี่ยวและเซี่ยรั่วเยวียนขณะขมวดคิ้วแน่น “รู้ตัวหรือไม่ว่าการกระทำของพวกเจ้าเท่ากับทรยศข้อตกลงระหว่างตระกูลของเรา?”

“ทรยศ?” ใบหน้าอ่อนเยาว์ กระจ่างบริสุทธิ์ของถังเสี่ยวเสี่ยวดูเหม่อลอยไปเล็กน้อย “ข้าเพิ่งสังเกตว่าพวกเจ้าดูเบื่อ ๆ เลยตั้งใจจะสู้เป็นเพื่อนเจ้าด้วยความปรารถนาดีหรอกนะนี่”

“คำว่าทรยศหนักหนาเกินไป สิ่งเดียวที่ข้าแน่ใจคือข้าจะรับผิดชอบการตัดสินใจของตัวเอง!” วาทะของเซี่ยรั่วเยวียนหนักแน่น ไร้หนทางบ่ายเบี่ยงใด ๆ

สิ่งนี้ทำให้สีหน้าของเป่ยหมิงชางไห่ดำคล้ำ นอกจากความตะลึงและเดือดดาล เขายังอดรู้สึกหนักใจเนื่องด้วยไร้ทางเลี่ยงสถานการณ์ปัจจุบันมิได้ด้วย

หากเป็นเวลาอื่น เขาคงสู้กับถังเสี่ยวเสี่ยวและเซี่ยรั่วเยวียนอย่างไร้ลังเล แต่ในเวลาสำคัญเช่นนี้ เขาหามีเจตนาสู้กับพวกเขาไม่ หากทำเช่นนั้น เขาจะมิเพียงพลาดโอกาสสังหารเฉินซีอันดีที่สุดไป มันอาจกระทั่งทำให้เขาล่วงเกินถังเสี่ยวเสี่ยวและเซี่ยรั่วเยวียนอย่างสมบูรณ์ นั่นมิใช่สิ่งที่เขา เป่ยหมิงชางไห่ต้องการเลยสักนิด

ข้าควรทำเช่นไร? เป่ยหมิงชางไห่ตัดสินใจไม่ถูก

“บางที ข้าอาจช่วยเจ้าขวางคนทรยศทั้งสองได้” ขณะนั้น ซุ่ยเหรินขวงหลันแหวกฝูงชนมายืนข้างเป่ยหมิงชางไห่ มองเซี่ยรั่วเยวียนและถังเสี่ยวเสี่ยวอย่างเฉยชา “นอกจากนั้น ข้าเชื่อว่าสหายเต๋ามากมายที่นี่ก็จะก้าวเข้ามาช่วยสหายเต๋าเป่ยหมิงในการทำภารกิจด้วย!”

ทันทีที่วาจาถูกกล่าว ดวงตาของเป่ยหมิงชางไห่ก็เรืองประกาย ขณะเดียวกัน ยอดฝีมือมากมายจากรอบทิศก็เตรียมลงมือกันแล้วจริง ๆ

พริบตานั้น ถังเสี่ยวเสี่ยวและเซี่ยรั่วเยวียนอดขมวดคิ้วกันมิได้

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]