เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 2139

บทที่ 2139 คนพิการ

………………..

บทที่ 2139 คนพิการ

เป่ยหมิงชางไห่คืออัจฉริยะแห่งตระกูลเป่ยหมิ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าตระกูลระดับสูง และการบ่มเพาะของเขาในขอบเขตจ้าวเอกภพเก้าดารานั้นไม่มีใครเทียบได้

นอกจากนั้น เขายังมีไข่มุกมหาสมุทรครามอยู่ในร่างกาย และมันมอบพลังศักดิ์สิทธิ์อันไม่มีที่สิ้นสุดให้อย่างต่อเนื่อง

แม้ว่าจะถูกเปรียบเทียบกับชื่อฉู่เกอ ซุ่ยเหรินขวงหลัน ถังเสี่ยวเสี่ยว และเซี่ยรั่วเยวียน แต่เป่ยหมิงชางไห่ก็ไม่ได้ด้อยกว่าพวกเขาเลยแม้แต่น้อย

ทว่าในขณะนี้ เป่ยหมิงชางไห่ไม่ได้แสดงท่าทีดูแคลนเฉินซีที่กำลังฟื้นตัวภายในสระศักดิ์สิทธิ์โกลาหล และใช้พลังทั้งหมดอย่างเต็มที่!

กระบี่สีเขียวหยกในมือคือสมบัติบรรพชน ซึ่งถูกเรียกว่า กระบี่แยกสวรรค์

กระบวนท่าที่เขาใช้เรียกว่า สังหารเทพ!

แม้ว่าจะต่อสู้กับชื่อฉู่เกอหรือทายาทศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุดของผู้รุกรานเต๋า เป่ยหมิงชางไห่ก็ยังคงมั่นใจอย่างยิ่งว่าแม้แต่พวกเขาก็ไม่กล้ารับกระบวนท่านี้ตรง ๆ!

ฟุ่บ!

คมกระบี่ไม่ทิ้งร่องรอยใด ๆ ไว้ ในขณะที่มันพุ่งไปในอากาศ เพราะพลังอันไร้ขอบเขตและกฎแห่งเต๋าศักดิ์สิทธิ์ที่แฝงมาอยู่นั้นถูกควบแน่นอย่างสมบูรณ์ภายในกระบี่สีเขียวหยก

กระบี่คลุมเครือ และรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ มันห่อหุ้มลงบนสระศักดิ์สิทธิ์โกลาหลทันทีและฟันลงไปอย่างดุเดือด!

ตายซะ!

เป่ยหมิงชางไห่พึมพำอยู่ในใจ จิตต่อสู้อันเดือดพล่านในดวงตาถูกแทนที่ด้วยจิตสังหารอันเยือกเย็น อีกทั้งยังมีประกายพึงพอใจเล็กน้อย จากการปลดภาระอันหนักหน่วงบนออกจากบ่าของตน

ทว่าในเสี้ยวลมหายใจนั้น จู่ ๆ มือที่เรียวประณีตก็ยื่นออกมาจากภายในสระศักดิ์สิทธิ์โกลาหลที่ถูกปกคลุมไปด้วยหมอก การเคลื่อนไหวอันเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่เป็นธรรมชาติ ดูเชื่องช้า แต่กลับจับคมกระบี่สีเขียวหยกได้อย่างแม่นยำ!

การเคลื่อนไหวเรียบง่าย ราบรื่นราวกับใบไม้ที่ร่วงหล่น และมันช่างแตกต่างอย่างสิ้นเชิง

อย่างไรก็ตาม มันเป็นมือที่คว้าคมกระบี่อันทรงพลังไร้ผู้เปรียบอย่างกระบี่แยกสวรรค์ได้ ทั้งยังสลายพลังอันน่าสะพรึงกลัวของกระบวนท่าสังหารเทพออกไปจนสิ้น!

เป่ยหมิงชางไห่ประหลาดใจ นัยน์ตาหดตัวราวกับเข็มสองเล่ม ยิ่งไปกว่านั้น รอยยิ้มอิ่มเอมใจที่มุมปากพลันแข็งทื่อไปหมด

เป็นไปได้อย่างไรกัน?

ด้วยความตกใจครั้งใหญ่ เป่ยหมิงชางไห่เกือบกรีดร้องด้วยความไม่ยินยอม การโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของข้าถูกคว้าไว้ด้วยมือเปล่าอย่างนั้นหรือ?

แม้ว่าเฉินซีจะอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ แต่คงไม่มีทางที่เขาจะทำสิ่งนี้ให้สำเร็จได้อย่างง่ายดายเพียงนี้แน่?

ไม่มีทางเป็นไปได้เลย!

มันเหมือนกับเสียงฟ้าร้องที่ดังก้องในวันฟ้าโปร่ง ทำให้เป่ยหมิงชางไห่มึนงงด้วยความตกตะลึง

บัดซบ!

เจตจำนงของเขาผ่านการขัดเกลาจากการต่อสู้อันโชกโชนมาตลอดปลายปี ทำให้เป่ยหมิงชางไห่หลีกเลี่ยงความรู้สึกหงุดหงิดและความรู้สึกพ่ายแพ้ด้วยเหตุนี้

เขากู่ร้องเสียงดังในช่วงเวลาเดียวกับความตกใจก่อตัวขึ้นในหัวใจ และโคจรพลังทั้งหมด ถ่ายไปยังกระบี่แยกสวรรค์

ทว่าการตอบโต้และการต่อสู้ที่เขาคาดหวังกลับไม่ปรากฏ กระบี่เขียวหยกทั้งเล่มสั่นอย่างรุนแรงและส่งเสียงครวญครางอย่างดุเดือดแทน มันสั่นสะท้านในมือเรียวนั่น และเผยวี่แววว่าใกล้จะพังทลายลงเต็มที

เป่ยหมิงชางไห่หัวใจแทบสลายเมื่อเห็นสิ่งนี้ และในที่สุดก็ตระหนักว่าไม่เพียงไม่สามารถใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ได้เท่านั้น เขายังชนตอด้วย!

เขาสามารถสลายการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของข้าด้วยมือข้างเดียว พลังฝีมือของคนผู้นี้นั่นแข็งแกร่งปานใดกัน?

เป่ยหมิงชางไห่ไม่กล้าคิดเรื่องนี้ต่อไป ความหวาดกลัวก่อตัวในใจ สัญญาณเตือนอันตรายที่รุนแรงทำให้เขาไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการหันหลังกลับและหนีไปในตอนนี้

ซ่า!

ในขณะเดียวกัน น้ำก็กระเซ็นในสระ เมื่อมีร่างหนึ่งก้าวออกมาจากสระ ร่างนั้นสูงโปร่งและสง่างามราวกับหอกที่แทงทะลุฟ้า!

เขาก้าวออกจากสระศักดิ์สิทธิ์โกลาหล ฝ่ามือยังคงกุมกระบี่สีเขียวหยกไว้มั่น จนดูเหมือนกำลังถือใบไม้ที่ร่วงหล่น

หมอกรอบ ๆ ตัวสลายหาย เผยใบหน้าหล่อเหลา ที่ทั้งดูสงบ เฉยเมย และไร้กังวล ประกอบกับดวงตาลึกล้ำราวหุบเหวสองแห่ง กำลังเผยรัศมีอันสง่างามที่ทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดสั่นสะท้านต่อหน้าเขา!

ร่างของเป่ยหมิงชางไห่สั่นไหวเมื่อสบสายตาของเฉินซี มันรู้สึกเหมือนว่าเขาได้พบกับเฉินซีเป็นครั้งแรก ความรู้สึกกดดันและอึดอัดถาโถมจนหายใจไม่ออกอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน

นี่คือสิ่งที่เขาไม่รู้สึกจากเฉินซีมาก่อน!

หรือคนผู้นี้จะสามารถบรรลุขอบเขตมหาเทพเต๋าแล้ว?

เห็นได้ชัดว่ารัศมีของเขายังอยู่ในขอบเขตจ้าวเอกภพเก้าดารา แต่ทำไมมันถึงยิ่งใหญ่และสง่างามขนาดนี้?

เป่ยหมิงชางไห่ไม่สามารถมองทะลุเฉินซีได้ และยิ่งเป็นเช่นนั้น เขาก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้น

“เจ้าต้องการที่จะฆ่าข้าหรือ?” เฉินซีกล่าวพลางจ้องเป่ยหมิงชางไห่อย่างสงบ

“ไม่ ข้ามาเพื่อสู้กับเจ้า ข้าบอกเจ้าแล้วจากนอกตำหนัก” สายตาของเป่ยหมิงชางไห่กะพริบขณะที่กล่าวคำเหล่านี้

“โอ้” เฉินซีพยักหน้า “เนื่องจากเป็นการต่อสู้ ย่อมต้องจบลงด้วยการตายของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสินะ”

ทันใดนั้น มีเงาหนึ่งพุ่งเข้ามาราวกับดาวตก ร่างนั้นลอยละลิ่วออกมาจากตำหนัก

ก่อนจะตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวนอันน่าสังเวช!

หัวใจของทั้งสองฝ่ายต่างสั่นไหว และหันไปมองร่างนั้นเป็นตาเดียว สีหน้าของทั้งหมดแปรเปลี่ยนเฉียบพลัน เมื่อสังเกตเห็นว่าเงาร่างนั้นคือร่างของเป่ยหมิงชางไห่!

ถังเสี่ยวเสี่ยว เซี่ยรั่วเยวียน และจินอวิ๋นเซิงรู้สึกประหลาดใจมาก ทว่าเป็นความประหลาดใจที่ไม่เหมือนกับของซุ่ยเหรินขวงหลันและคนอื่น ๆ

“เกิดอะไรขึ้น?” ซุ่ยเหรินขวงหลันหยุดโจมตีกะทันหัน และผละตัวจากการต่อสู้กับถังเสี่ยวเสี่ยว เมื่อเขาหยุด ผู้เยี่ยมยุทธ์คนอื่น ๆ ที่ปิดล้อมเซี่ยรั่วเยวียนและจินอวิ๋นเซิงก็หยุดเคลื่อนไหวเช่นกัน พวกเขาตะลึงกับเหตุอันน่าตกใจที่ปรากฏนี้ แล้วพวกเขาจะมีอารมณ์ต่อสู้ต่อไปได้อย่างไร?

เพราะพวกเขาหวังว่าเป่ยหมิงชางไห่จะฆ่าเฉินซีอย่างรวดเร็ว จากนั้นกลับมาที่นี่เพื่อช่วยจัดการกับถังเสี่ยวเสี่ยวและเซี่ยรั่วเยวียน

ไหนเลยจะคิดว่าเป่ยหมิงชางไห่จะจากไปและกลับมาอย่างรวดเร็ว แต่เขากลับถูกตีจนกระเด็นกลับมา!

เหตุนี้น่ากลัวเกินไป

ถังเสี่ยวเสี่ยว เซี่ยรั่วเยวียนและจินอวิ๋นเซิงจึงได้พักหายใจ และลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก ขณะจ้องมองร่างของเป่ยหมิงชางไห่เช่นกัน

ในขณะนี้ ร่างกายของเป่ยหมิงชางไห่กระตุกอย่างต่อเนื่อง ใบหน้าบิดเบี้ยวและดุร้าย อีกทั้งยังเจือความขุ่นเคืองและความสงสัยเล็กน้อย

ร่างกายของเขาอาบไปด้วยเลือด ผมเผ้ากระเซิง ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบสกปรก ยิ่งไปกว่านั้น พลังบ่มเพาะยังพังทลายจนตกอยู่ในสภาวะที่อ่อนแออย่างถึงที่สุด นอกจากนี้ เส้นลมปราณถูกทำลาย ในขณะที่รากฐานพังทลายสิ้น แม้แต่ดวงวิญญาณยังได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งไม่อาจฟื้นฟูได้

กล่าวอีกนัยหนึ่ง เป่ยหมิงชางไห่ไม่ใช่ร่างที่โดดเด่นจนไม่มีใครเทียบเคียงได้อีกต่อไป แต่กลายเป็นคนพิการ!

เส้นลมปราณแตกสลาย รากฐานในเต๋าพังทลาย ดวงวิญญาณได้รับบาดเจ็บสาหัส ทั้งหมดนี้ได้กำหนดว่าเส้นทางสู่เต๋าของเป่ยหมิงชางไห่ได้ถึงคราวจบสิ้น ตอนนี้แค่ยังมีชีวิตอยู่ก็นับว่าโชคดีมากแล้ว

เมื่อสังเกตเห็นทั้งหมดนี้ ซุ่ยเหรินขวงหลันอ้าปากตะลึงค้าง และรู้สึกหวาดกลัวถึงขีดสุด ใบหน้าเผือดสียิ่งกว่าครั้งไหน ๆ วิธีการนี้… ชั่วร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเสียอีก!

หัวใจของผู้เยี่ยมยุทธ์คนอื่น ๆ ก็สั่นสะท้านไม่ต่างกัน เป่ยหมิงชางไห่เป็นผู้สืบทอดสายตรงของตระกูลเป่ยหมิงระดับสูง พลังฝีมือถือว่าดีที่สุดในขอบเขตจ้าวเอกภพเก้าดาราภายในตระกูล แต่ตอนนี้กลายเป็นคนพิการอย่างสมบูรณ์แล้ว!

หัวใจของพวกเขาหนาวสั่น และรู้สึกเหมือนตกลงไปในหลุมน้ำแข็ง เป็นฝีมือใคร? หรือว่าจะเป็นฝีมือของผู้ช่วงชิงเฉินซี?

แต่จะเป็นไปได้อย่างไร เขาไม่ได้ตกอยู่ในสภาวะอ่อนแอเหรอ?

จู่ ๆ บรรยากาศรอบทิศก็หนักหน่วงจนแทบจะหายใจไม่ออก มีเพียงเสียงร้องโหยหวนที่น่าสังเวชของเป่ยหมิงชางไห่เท่านั้นที่ยังคงดังก้องไม่หยุดหย่อน ทำให้สีหน้าของซุ่ยเหรินขวงหลันและคนอื่น ๆ เปลี่ยนไปอย่างไม่สิ้นสุด

ถังเสี่ยวเสี่ยว เซี่ยรั่วเยวียน และจินอวิ๋นเซิงก็ตกตะลึงเช่นกัน ความสามารถของเฉินซีจะท้าทายสวรรค์เกินไปแล้ว

ขณะเดียวกัน เสียงฝีเท้าก็ดังก้องมาจากภายในตำหนัก ดึงดูดทุกสายตาให้หันไปมองเป็นตาเดียว

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]