บทที่ 2140 เจตจำนง
………………..
บทที่ 2140 เจตจำนง
เมื่อเสียงฝีเท้าดังขึ้น ไม่ว่าจะเป็นพวกซุ่ยเหรินขวงหลันที่ตกตะลึงหรือพวกถังเสี่ยวเสี่ยวต่างก็หันมองไปทางเดียวกัน
จากนั้นเขาเห็นเฉินซีกำลังเดินออกมา
เขายังคงสวมชุดสีเขียว ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย ดวงตาสีดำลึกล้ำประหนึ่งหุบเหว ท่าทางดูห่างเหิน แต่เทียบกับก่อนหน้าแล้ว เขามีกลิ่นอายคลุมเครือแปลกประหลาดอยู่รอบตัว
แม้กลิ่นอายดังกล่าวจะเลือนรางจนคล้ายกับไม่มีอยู่จริง แต่มันทำให้ทุกคนรู้สึกเย็นเยือกอยู่ภายในจนหัวใจสั่นไหว
ราวกับมีหุบเหวอันยิ่งใหญ่อยู่ภายในร่างของเฉินซี ทันทีที่ถูกปลดปล่อยออกมา มันสามารถกลืนกินสรรพสิ่งในท้องนภาได้!
เป็นเพราะกลิ่นอายคลุมเครือแปลกประหลาดนี้ที่เฉินซีเริ่มรู้สึกถึงสายตาแปลกประหลาดเหินห่างจากทุกคน
เป็นแบบนี้ได้อย่างไร?
ขณะหัวใจของทุกคนกำลังสั่นไหว พวกเขาก็อดรู้สึกสับสนไม่ได้
พวกเขาจำได้ชัดเจนว่าหลังจบการดวลอันน่าตกตะลึงระหว่างเฉินซีกับทายาทศักดิ์สิทธิ์สูงสุดทั้งสี่แล้ว อีกฝ่ายอยู่ในสภาพอ่อนแออย่างเห็นได้ชัด สามารถตัดสินได้จากกลิ่นอายที่ปกคลุมร่างกายในตอนนั้น มันไม่ใช่สิ่งที่จะปลอมแปลงได้
แต่เวลาผ่านไปไม่ทันไร ไม่เพียงเขากลับสู่สภาพสูงสุดเท่านั้น แต่ยังน่าสะพรึงกว่าก่อนหน้าอีกด้วย!
เขา… ทำได้อย่างไร?
ไม่มีใครคาดคิดว่าในตอนนี้แม้แต่คนอย่างซุ่ยเหรินขวงหลันจะตกตะลึงและสับสน เขาบอกได้ว่าแม้เฉินซีจะไม่ได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตมหาเทพเต๋า แต่กลิ่นอายที่อีกฝ่ายปลดปล่อยออกมากลับทำให้รู้สึกพรั่นพรึงเหลือคณนา
ไม่ว่าอย่างไรเมื่อพวกเขาเห็นเฉินซี ทุกคนก็ตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ทำให้เป่ยหมิงชางไห่ตกอยู่ในสภาพเวทนาอย่างไม่ต้องสงสัย
เพียงพริบตา ตัวตนระดับสูงจากห้าตระกูลใหญ่ก็ถูกทำให้พิการ!
เฉินซีในตอนนี้มีอำนาจมากเพียงใดกันแน่?
เมื่อตระหนักได้ถึงปัญหานี้ ผู้เยี่ยมยุทธ์ทั้งหลายจากตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ก็เผยสีหน้าไม่สบายใจ หากสถานการณ์ยังไม่เป็นใจ พวกเขาย่อมอยากหายไปจากสายตาเฉินซีตอนนี้!
ท่ามกลางความเงียบสงัด เฉินซียืนอยู่เบื้องหน้าประตูตำหนัก สายตาของเขาสงบเฉยชาขณะกวาดผ่านทีละคน
หลังจากนั้น เขาเปิดปาก “นับจากวันที่ข้าเริ่มเข้าร่วมศึกผู้พิทักษ์วิถี พวกเจ้าหลายคนก็มองข้าว่าเป็นหนามยอกอก แต่ข้าไม่ถือโทษโกรธเคืองหรอก ถึงอย่างไรมันก็เป็นการทำตามคำสั่ง ข้าพยายามเปลี่ยนใจพวกเจ้าแล้ว อย่างช่วงไม่กี่วันก่อน ข้าช่วยสหายเต๋าจากสมรภูมิเอาไว้มากกว่าสิบคน”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ผู้คนบางส่วนก็ไม่รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย พวกเขาล้วนเป็นคนที่ได้รับความช่วยเหลือจากเฉินซี
“แต่ข้าพบว่าที่ทำไปกลับสูญเปล่า พวกเขากลับทำตัวเนรคุณพยายามฆ่าข้า แบบนี้มันมากเกินไป”
น้ำเสียงของเฉินซีสงบและเฉยชา “ข้า เฉินซี ไม่เคยเกลียดชังผู้ใด แต่พวกเจ้ากลับพยายามฆ่าข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า คิดว่าหนี้ในครั้งนี้ควรชดใช้อย่างไร?”
ผู้คนทั้งหลายในพื้นที่เริ่มมีสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงไร้สิ้นสุด
ซุ่ยเหรินขวงหลันเอ่ยคำด้วยสีหน้าเย็นชา “เฉินซี เจ้าเข้าใจผิดแล้ว เจ้าคือผู้ช่วงชิงและเป็นคนนอกรีต! ส่วนพวกข้าคือทายาทของตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ซึ่งมีหน้าที่ปกป้องเต๋าสวรรค์ เมื่อเผชิญหน้ากับความชอบธรรมเช่นนั้น พวกข้าจะยอมให้เจ้าซึ่งเป็นคนนอกรีตมีชีวิตรอดได้อย่างไร?”
เฉินซีมองซุ่ยเหรินขวงหลันแล้วเอ่ยคำ “โอ้ สิ่งที่เจ้าพูดมาก็มีเหตุผล ในเมื่อคิดว่าสามารถเพิกเฉยต่อทุกสิ่งยามอยู่ต่อหน้าความชอบธรรม เช่นนั้นตอนนี้ข้า เฉินซี ก็ยืนตรงหน้าแล้ว เจ้ากล้าฆ่าข้าหรือไม่?”
ทันทีที่สิ้นคำ ซุ่ยเหรินขวงหลันก็พูดไม่ออก ใบหน้าพลันหมองหม่นซีดเซียว เป่ยหมิงชางไห่ผู้อยู่บนพื้นยังคงคร่ำครวญอย่างน่าสังเวช ต่อหน้าตัวอย่างที่มีชีวิตนี้ เขายังจะกล้าเสี่ยงชีวิตได้อย่างไร
“ไม่กล้าหรือ?”
แม้เสียงของเฉินซีจะสงบและปราศจากการเหน็บแนม แต่เมื่อเข้าหูของทุกคนก็กลับกลายเป็นการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของซุ่ยเหรินขวงหลันจนน่าอัปยศอดสู
แม้กระทั่งถังเสี่ยวเสี่ยว เซี่ยรั่วเยวียน และจินอวิ๋นเซิงก็รู้สึกสมเพชอยู่ในใจ แม้อดีตซุ่ยเหรินขวงหลันจะเป็นคนที่หยิ่งผยอง แต่บัดนี้กลับไม่กล้าเผชิญหน้าเฉินซี!
“เหอะ! เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าหรือ?”
ซุ่ยเหรินขวงหลันสูดหายใจลึก ดวงตาราวกับภูเขาไฟปะทุที่เต็มไปด้วยจิตสังหารร้อนแรง
“เจ้าไม่กล้าหรอก”
เฉินซีเอ่ยคำอย่างสงบขณะเอามือไพล่หลัง เขามองซุ่ยเหรินขวงหลันด้วยท่าทีเฉยชาราวกับเพิกเฉยต่อเสียงร้องของมดปลวก
“เจ้า…”
หน้าผากของซุ่ยเหรินขวงหลันปรากฏเส้นเลือดปูดโปนพร้อมกับหน้าอกสั่นเทา เห็นได้ชัดว่าเขาเดือดดาลยิ่งราวกับจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ
ทว่าเฉินซีถอนสายตากลับขณะชี้ไปที่สมรภูมิซึ่งอยู่ไกลจากค่าย “ถ้าเจ้าไม่อยากมีจุดจบเหมือนอย่างเป่ยหมิงชางไห่ ข้าก็จะให้โอกาสเป็นครั้งสุดท้าย ไปที่สมรภูมิแล้วฆ่าศัตรูเสียตอนนี้ เมื่อเจ้าฆ่าทายาทศักดิ์สิทธิ์สูงสุดสี่คนได้แล้ว ข้าก็จะถือว่าเรื่องทั้งหมดนี้ไม่เคยเกิดขึ้น”
เมื่อเฉินซีประกาศเงื่อนไข ซุ่ยเหรินขวงหลันก็ตกตะลึงชั่วขณะ จากนั้นใบหน้าก็หมองหม่นอีกครั้งพร้อมกับดวงตาที่แทบถลนจากเบ้า เขากัดฟันก่อนจะเอ่ยคำ “นี่นับว่าเป็นโอกาสด้วยหรือ?”
ทายาทศักดิ์สิทธิ์สูงสุดสี่คนหรือ?
เห็นได้ชัดว่ามันเป็นการขอให้ซุ่ยเหรินขวงหลันไปตายชัด ๆ
เฉินซีเอ่ยคำเสียงเย็น “เจ้าจะปฏิเสธหรือ?”
เพียงพริบตา ความเย็นเยือกและอันตรายยิ่งก็พลุ่งพล่านอยู่ภายในใจของซุ่ยเหรินขวงหลันราวกับมีกระบี่มาจ่อลำคอ ทำให้ทุกรูขุมขนทั่วร่างลุกชูชัน เขาไม่สงสัยเลยว่าหากปฏิเสธขึ้นมาก็จะต้องทนทุกข์กับการโจมตีอันน่าสะพรึงที่สุดจากเฉินซีอย่างแน่นอน!
เมื่อคิดถึงเป่ยหมิงชางไห่ผู้ทัดเทียมกับตนซึ่งตอนนี้มีสภาพไม่ต่างจากคนไร้ประโยชน์ ซุ่ยเหรินขวงหลันก็ไม่ห่วงเรื่องหน้าตาอีกต่อไป เขาพลันสะบัดแขนเสื้ออย่างเกรี้ยวกราดขณะร่างกลายเป็นลำแสง ทะยานไปทางสมรภูมิซึ่งอยู่ไกลออกไป
เฉินซีถือไข่มุกไว้ในมือขณะกวาดสายตามอง จากนั้นจึงเก็บมันไว้
“ในเมื่อเจ้าจัดการเป่ยหมิงชางไห่แล้ว เหตุใดก่อนหน้านี้ถึงไม่ฉวยโอกาสฆ่าซุ่ยเหรินขวงหลันเลยเล่า?”
ในตอนนี้ ถังเสี่ยวเสี่ยวก็เข้าหาเฉินซีขณะเอ่ยถามด้วยความสงสัย
เซี่ยรั่วเยวียนกับจินอวิ๋นเซิงเหลือบมองอีกฝ่ายเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาสับสนไม่ต่างกับถังเสี่ยวเสี่ยว
เฉินซีเงยหน้ามองฟ้า ผ่านไปพักใหญ่จึงถอนสายตาแล้วเอ่ยคำ “เมื่อครู่มีเจตจำนงบางส่วนจับจ้องที่นี่จนทำให้ข้าไม่สบายใจ ด้วยพลังของข้าในตอนนี้ย่อมไม่สามารถเทียบเคียงพวกเขาได้ แต่เมื่อกลับจากแหล่งกำเนิดแห่งบาปเต๋าแห่งนี้ ข้าจะสะสางบัญชีกับพวกเขาเอง!”
น้ำเสียงของเขาเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง
ทันทีที่สิ้นคำ พวกถังเสี่ยวเสี่ยวก็ตกตะลึง มีเจตจำนงให้ความสนใจที่นี่อยู่? หรือว่าจะเป็นสิบสามข้ารับใช้เต๋าที่คอยดูแลเรื่องศึกผู้พิทักษ์วิถี?
เมื่อคิดว่าเฉินซีสามารถตรวจจับสิ่งนั้นได้ แต่พวกเขากลับไม่รับรู้เลยสักนิด ทุกคนจึงรู้สึกตกตะลึง พลังต่อสู้ของเฉินซีในตอนนี้แก่กล้าขนาดไหนกัน?
แต่ไม่ว่าอย่างไร ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจว่าเหตุใดเฉินซีถึงปล่อยพวกซุ่ยเหรินขวงหลันไป เป็นเพราะมีตัวตนยิ่งใหญ่ยากต่อกรกำลังจับตาดูอยู่นี่เอง!
หากตอนนั้นเฉินซีลงมือ อาจทำให้เกิดภัยพิบัติกัยตัวเองก็เป็นได้!
“ขอบคุณพวกเจ้าสองคนที่ให้การช่วยเหลือในครั้งนี้”
เฉินซีหันมามองถังเสี่ยวเสี่ยวกับเซี่ยรั่วเยวียนขณะเอ่ยคำอย่างจริงจัง
เขารู้ดีว่าการที่ทั้งสองเลือกยืนอยู่ข้างตนเองย่อมเท่ากับฝ่าฝืนเจตจำนงของตระกูลที่คอยหนุนหลัง มันเป็นการเสียสละที่มากเกินไป
“เพราะงั้นเจ้าต้องมีชีวิตรอดและพาพวกเราออกไปจากที่นี่ ไม่อย่างนั้นพวกข้าจะถูกนับว่าเป็นคนทรยศ แบบนั้นมันจะกลายเป็นปัญหาเอาได้”
ถังเสี่ยวเสี่ยวเอ่ยคำอย่างชัดเจนโดยไม่ปกปิดแต่อย่างใด
เฉินซีพยักหน้า “แน่นอนอยู่แล้ว”
ความจริง ต่อให้ถังเสี่ยวเสี่ยวจะไม่เอ่ยอะไร แต่เฉินซีก็ตั้งใจจะทำแบบนั้นอยู่แล้ว เขาย่อมไม่ลังเลที่จะสละทุกอย่างเพื่อสหาย
แม้จะไม่ได้รู้จักถังเสี่ยวเสี่ยวกับเซี่ยรั่วเยวียนมาก่อน แต่ทันทีที่ยืนอยู่ข้างเดียวกัน เฉินซีย่อมปฏิบัติต่ออีกฝ่ายในฐานะสหาย
ส่วนจินอวิ๋นเซิง เขาก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
ในเวลาเดียวกัน ระลอกคลื่นบางอย่างก็ปรากฏเหนือแหล่งกำเนิดแห่งบาปเต๋า…
………………..

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...