บทที่ 2141 พายุกำลังก่อตัว
………………..
บทที่ 2141 พายุกำลังก่อตัว
ณ ค่ายที่มั่นค้อนมหันตา
นี่คือค่ายที่มั่นที่มหาเทพเต๋าสวรรค์พิโรธ ข้ารับใช้เต๋าลำดับที่หนึ่งอาศัยอยู่
ยามนี้ ประตูของตำหนักซึ่งตั้งอยู่ตรงกลางค่ายถูกปิดไว้อย่างแน่นหนา ในขณะที่มีร่างหกร่างรวมตัวกันอยู่ด้านหน้า
หากพินิจให้ดีแล้วจะเห็นว่าข้ารับใช้เต๋าลำดับที่สอง มหาเทพเต๋ากาลวัฏ และข้ารับใช้เต๋าลำดับสาม มหาเทพเต๋าอาโลกะยืนอยู่ท่ามกลางคนเหล่านั้น
แม้ว่าอีกสี่คนจะดูแตกต่างออกไป แต่รัศมีจากกายของพวกเขาก็หาได้ด้อยไปกว่าคนอื่น ๆ ที่อยู่ที่นี่ แน่นอน พวกเขาเองก็เป็นข้ารับใช้เต๋าที่อาศัยอยู่บนภูเขาผนึกเทพมาอย่างยาวนาน
“สวรรค์พิโรธ เจ้าก็เคยเห็นเรื่องเหล่านั้นมาก่อน ผู้ช่วงชิงนั่นเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อผู้เข้าร่วมคนอื่น ๆ ในตอนนี้ และเราจะแพ้ในศึกผู้พิทักษ์วิถีนี้ไปอย่างแน่นอนหากเราไม่เข้าไปยุ่ง!” ข้ารับใช้เต๋าลำดับที่สองพูดด้วยเสียงต่ำ เบ้าตาของเขาลึกโบ๋ลงไปในกะโหลก ใบหน้าเรียวเล็กกระจ่างใสราวกระจก หากยังปรากฏร่องรอยแห่งวัยอย่างเด่นชัด
สายตาของข้ารับใช้เต๋าอีกห้าคนมุ่งตรงไปยังประตูที่ปิดสนิทอย่างพร้อมเพรียง
สวรรค์พิโรธคือนามของข้ารับใช้เต๋าลำดับหนึ่ง
“พวกเจ้าทุกคนไม่ได้คิดจะต่อต้านเขาหรอกหรือ?” หลังจากความเงียบงันทอดคลุมอยู่นาน เสียงหนักแน่นแหบพร่าก็ดังก้องมาจากภายในตำหนัก
“นั่นคือเหตุผลที่เรามาที่นี่ พวกเราตั้งใจที่จะต่อต้านและทำลายล้างผู้ช่วงชิงคนนั้นในตอนนี้ กระนั้น เรากลับถูกแดนชำระบาปทมิฬ สุญตา และวิญญาณสัประยุทธ์ ขัดขวางเอาไว้ หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่สัมพันธ์ระหว่างเรา พวกเราก็คงจะต่อสู้กันเองไปแล้ว” แม้ว่าเสียงของข้ารับใช้เต๋าลำดับสองจะสงบนิ่ง หากกลับแฝงไปด้วยแรงโทสะ
แดนชำระบาปทมิฬคือข้ารับใช้เต๋าลำดับที่ห้า มหาเทพเต๋าแดนชำระบาปทมิฬ สุญตาคือข้ารับใช้เต๋าลำดับที่สิบเอ็ด มหาเทพเต๋าสุญตา และวิญญาณสัประยุทธ์คือข้ารับใช้เต๋าลำดับที่สิบสาม มหาเทพเต๋าวิญญาณสัประยุทธ์
“สวรรค์พิโรธในความคิดของข้า ถึงเวลาที่ต้องยุติเรื่องทั้งหมดแล้ว!”
“เต๋าแห่งสวรรค์แปรผันเกินคาดคิด ความหายนะกำลังมาเยือนทุกขณะ ในเมื่อเราตัดสินใจที่จะผ่านวิกฤตนี้ไปกับนิกายอำนาจเทวะและสร้างระเบียบใหม่ให้แก่โลก เช่นนั้นเราก็ต้องจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมดอย่างเด็ดเดี่ยว!”
“ใช่ ๆ” ข้ารับใช้เต๋าคนอื่น ๆ สอดรับ
“พวกเราทั้งสิบสามคนอาศัยอยู่ที่นี่ตั้งแต่เต๋าแห่งสวรรค์ถือกำเนิด ผ่านเรื่องราวหนักหนามาด้วยกันนับไม่ถ้วน ทว่าตอนนี้เจ้ากลับหันดาบมาเข่นฆ่ากันเองเพียงเพราะภัยพิบัติที่ยากคาดเดานี้น่ะหรือ? พวกเจ้ารู้ตัวหรือไม่าการตัดสินใจเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?” ในที่สุด เสียงที่หนักแน่นของข้ารับใช้เต๋าลำดับหนึ่งก็ก้องกังวานขึ้นหลังจากเวลาผ่านไปนาน น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยอารมณ์ซับซ้อนยากอธิบาย
“ถึงอย่างนั้น หากเรายังขืนล่าช้าต่อไป สถานการณ์ก็จะวุ่นวายมากขึ้นเรื่อย ๆ” มหาเทพเต๋าลำดับสองขมวดคิ้ว
“มันยังเร็วเกินไป เขาเป็นเพียงผู้ช่วงชิงเท่านั้น แน่นอนว่ายังคงหลีกหนีไปจากความตายไม่ได้ ต่อให้เขาจะต้องกวาดล้างตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดก็ตาม” คราวนี้ ข้ารับใช้เต๋าลำดับที่หนึ่งตอบคำถามอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย “ที่สำคัญที่สุด พวกเจ้าลืมไปหรือว่าในการปลุกปฐมบรรพชนของผู้รุกรานเต๋า พวกเขาไม่มีทางจะปล่อยให้เด็กนั่นรอดไปได้อย่างแน่นอน!”
ปฐมบรรพชนของผู้รุกรานเต๋า! ข้ารับใช้เต๋าคนอื่น ๆ มีสีหน้าที่ต่างกันออกไป เหมือนกับว่าพวกเขาจะตระหนักได้ถึงบางสิ่ง
“แต่ด้วยการนั้น ก็แปลว่าเราจะต้องแพ้ศึกผู้พิทักษ์วิถีอย่างแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้น การปล่อยให้ผู้ช่วงชิงตกไปอยู่ในมือของผู้รุกรานเต๋าจะทำให้พวกเราเสียเปรียบมากขึ้นเท่านั้น” น้ำเสียงของข้ารับใช้เต๋าลำดับสองแผ่วเบา
ข้ารับใช้เต๋าลำดับหนึ่งยิ้ม “นั่นคือจุดประสงค์ของนิกายอำนาจเทวะ ปฐมบรรพชนของผู้รุกรานเต๋ามักจะกลายเป็นปัญหาหากอยู่ในห้วงนิทราลึก วิธีเดียวที่จะขจัดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้เหล่านั้นคือต้องทำให้เขาตื่นขึ้นมาก่อน และผู้ช่วงชิงก็เป็นกุญแจสำคัญในการปลุกปฐมบรรพชนของผู้รุกรานเต๋า”
ครั้นสิ้นวาจา ข้ารับใช้เต๋าคนอื่น ๆ พลันขมวดคิ้ว ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่นิกายอำนาจเทวะตั้งใจไว้แล้ว? เหตุใดเราจึงไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน?
มหาเทพเต๋าลำดับหนึ่งทอดถอนใจ “พวกเจ้าทั้งหลาย ประมุขนิกายอำนาจเทวะอุทิศความพยายามมานานปี ในที่สุดเขาก็พบโอกาสชั้นดีอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน สิ่งที่เขาแสวงหานั้น ยิ่งกว่าชัยชนะในศึกผู้พิทักษ์วิถีมาก”
“เขาตั้งใจจะบุกรุกภูเขาผนึกเทพของเราอย่างนั้นหรือ?” ข้ารับใช้เต๋าคนที่สี่พูดขึ้นอย่างฉุนเฉียว
“เปล่าเลย ภูเขาผนึกเทพสำคัญเท่าชีวิตก็จริง แต่สำหรับประมุขนิกายอำนาจเทวะแล้ว มันไม่มีค่าอะไรให้ต้องนึกถึง” เสียงของมหาเทพเต๋าลำดับหนึ่งเบาลง “พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องคาดเดาแล้ว เมื่อมันสำเร็จพวกเจ้าก็จะเข้าใจอย่างถ่องแท้”
ทันทีที่เขาพูดจบ ก็ไม่มีเสียงใดเร้นจากด้านในตำหนักอีกเลย
ข้ารับใช้เต๋าคนอื่น ๆ มองหน้ากันไปมาด้วยจมลงอยู่ใต้ภวังค์คิดลึกล้ำ
เป็นตอนนี้เองที่พวกเขาตระหนักว่าตนไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับประมุขนิกายอำนาจเทวะเลยแม้แต่เรื่องเดียว!
…
ในเวลาเดียวกัน ณ ค่ายที่มั่นละเลงเลือด
ข้ารับใช้เต๋าลำดับที่หก มหาเทพเต๋าเบญจธาตุ ข้ารับใช้เต๋าลำดับที่เจ็ด มหาเทพเต๋าสูจิ และข้ารับใช้เต๋าลำดับแปด มหาเทพเต๋าเหวโลหิต ต่างนั่งอยู่ในตำหนักใจกลางค่ายที่มั่นอย่างเงียบงัน
“สถานการณ์เริ่มจะยุ่งยากขึ้นมาแล้ว สหายของพวกเราเกือบจะฆ่าฟันกันเองเพราะผู้ช่วงชิงคนนั้น แน่นอนนี่ไม่ใช่ข่าวดี” ข้ารับใช้เต๋าลำดับหกตัดสินใจทำลายความเงียบลง เขาไตร่ตรองอย่างลึกซึ้งก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้ง “น้องเจ็ด เจ้าว่าเราควรเปลี่ยนจุดยืนหรือไม่?”
เขาว่าพลางมองไปที่ข้ารับใช้เต๋าลำดับเจ็ด
“เพราะเหตุใดเล่า?” ข้ารับใช้เต๋าลำดับแปดอดถามขึ้นไม่ได้
ข้ารับใช้เต๋าลำดับเจ็ดไม่ตอบ เขาเป็นคนแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร ชอบแสดงความเห็นแต่ไม่คิดอยากจะอธิบายคำตอบ
“ช่างเถอะ ตอนนี้เราควรเป็นกลางต่อไป และปล่อยให้พวกเขาทำตามที่ต้องการ เรามีหน้าที่แค่รอให้ทุกอย่างคลี่คลายเท่านั้น” ข้ารับใช้เต๋าลำดับหกไหวมือแสดงการตัดสินใจ
…
จินอวิ๋นเซิง ถังเสี่ยวเสี่ยว และเซี่ยรั่วเยวียนดาหน้าสู่สนามรบอย่างต่อเนื่อง
ชื่อฉู่เกอที่ไม่ได้แสดงตัวตั้งแต่กลับมายังค่ายที่มั่นก็เข้าสู่สนามรบแล้วเช่นกัน เขาบุกตะลุยเข้าไปยังใจกลางกองทัพของศัตรู
หลักจากผ่านไปครู่ใหญ่ เฉินซีก็ออกจากตำหนักในที่สุด อย่างไรก็ดี เขาไม่ได้ออกไปจากค่ายที่มั่นในทันที แต่ถอยกลับไปยังตำหนักที่อยู่ห่างไกลซึ่งอยู่ตรงหัวมุมของค่าย
“เจ้าสองคนอยากไปฆ่าศัตรูกับข้าหรือไม่?” เฉินซีพูดอย่างเรียบเฉยทั้งมือไพล่หลัง
ดวงตาของเหลิ่งซิงฮุนและเต๋าอู๋ซวงหรี่ลง พวกเขาทั้งประหลาดใจและสับสน เจ้านี่จะมาไม้ไหนกันแน่?
พวกเขาเห็นตอนที่เป่ยหมิงชางไห่พิการก่อนหน้านี้ และก็เห็นเฉินซีไล่ซุ่ยเหรินขวงหลันและคนอื่น ๆ ไปที่สนามรบเพื่อฆ่าทายาทศักดิ์สิทธิ์ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ อย่างไรก็ตาม ไม่คาดคิดมาก่อนว่าเฉินซีจะเข้าหาพวกเขาด้วยวิธีที่ประหลาดเช่นนี้
คนทั้งสองสบตากันและเลือกที่จะนิ่งเงียบ
“ในเมื่อเจ้าทั้งคู่ไม่เต็มใจ เช่นนั้นข้าจะไปก่อน แต่ว่านะ ข้าขอเตือนพวกเจ้าไว้ก่อนว่าข้ายังคิดที่จะฆ่าพวกเจ้าหลังจากที่กลับมาอยู่!” เขาทิ้งคำพูดเหล่านี้ไว้ก่อนจะหันหลังจากไป
“ไอ้สารเลวนั่น!” ใบหน้าของเหลิ่งซิงหุนมืดมน เขาผุดลุกพรวดทั้งจิตสังหารที่คั่งอยู่ในดวงตา
“เจ้าจะสู้กับเขาหรือ?” เต๋าอู๋ซวงเลิกคิ้ว
เหลิ่งซิงหุนลังเลที่จะตอบ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่พักใหญ่ ก่อนที่เขาจะนั่งลง “ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม”
สีหน้าของหญิงสาวเย้ยหยันอย่างไม่ปิดบัง “เขาแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ต่อให้เจ้าจะรอต่อไปจนตาย เจ้าก็อาจจะไม่มีโอกาสอยู่ดี อย่าลืมสิว่าเขาบอกว่าตั้งใจจะฆ่าเราหลังจากที่เขากลับมาแล้ว”
เหลิ่งซิงหุนพูดด้วยสีหน้าเย็นชา “อย่าลืมว่าเพื่อชุบชีวิตปฐมบรรพชน ผู้รุกรานเต๋าไม่มีทางปล่อยให้เขารอดกลับมาได้อย่างแน่นอน!”
เต๋าอู๋ซวงหัวเราะเบา ๆ “แล้วถ้าเขากลับมาเล่า?”
เหลิ่งซิงหุนกล่าวอย่างมั่นใจ “ไม่มีวันเสียหรอก นี่เป็นสถานการณ์ที่ท่านประมุขจัดฉากเอาไว้ เฉินซีไม่มีทางหลีกหนีจากภัยพิบัติได้แน่!”
เต๋าอู๋ซวงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “แล้วถ้าแผนของท่านประมุขดันพลาดขึ้นมา…?”
ม่านตาของชายหนุ่มหดรัดขณะที่จ้องมองหญิงสาวอย่างเย็นชา “เจ้าพูดถึงสิ่งที่ไกลตัวเจ้ามากเกินไปแล้ว ต่อให้เจ้าจะแซ่เต๋า ก็อย่าคิดว่าท่านประมุขจะเพิกเฉยกับการที่เจ้ากล้าตั้งคำถามถึงแผนการของท่าน!”
หญิงสาวไหวไหล่เบา ๆ “ใจเย็นก่อนสิ ข้าก็แค่คิดเผื่อไว้เท่านั้น”
………………..

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...