บทที่ 2145 สังหารทั่วสารทิศ
………………..
บทที่ 2145 สังหารทั่วสารทิศ
เฉินซีเพิ่งก้าวเท้าขึ้นไปบนฝั่งของมหาสมุทรโลหิตศักดิ์สิทธิ์ ทันใดนั้นเสียงแตรอันเปล่าเปลี่ยวก็ดังก้องมาจากอีกฟากหนึ่งของมหาสมุทรที่ไกลออกไป และมันพุ่งผ่านท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว
“ศัตรูอยู่นี่!”
“ศัตรูเผยตัวแล้ว!”
“มันคือใครกัน?”
“นั่นผู้ช่วงชิง!”
เสียงตะโกนดังก้องกังวานมาจากค่ายซึ่งตั้งอีกฟากหนึ่งของมหาสมุทร จากนั้นผู้รุกรานเต๋า จำนวนนับไม่ถ้วนก็ก่อตัวเป็นกองทัพที่พุ่งขึ้นไปในอากาศราวกับกระแสน้ำ
แมงมุมอสูร ผู้สูบโลหิต ผู้ตัดสินบาป อสูรหน้าศิลา สุนัขนรก…. ทายาทนับไม่ถ้วนของเผ่าผู้รุกรานเต๋ามารวมตัวกันเป็นกองทัพอันกว้างใหญ่จนปกคลุมฟ้าดิน และมันก็เป็นฉากที่ค่อนข้างวิจิตรงดงาม
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีทายาทศักดิ์สิทธิ์สูงสุดอีกสี่คนที่อยู่ด้านหลังกองทัพ!
หากเป็นยามปกติ เหตุน่าหวาดกลัวเช่นนี้อาจทำให้ผู้เยี่ยมยุทธ์จากตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ต้องหลีกเลี่ยงและไม่กล้าปะทะกับกองทัพของพวกมันตรง ๆ
แต่ว่าสถานการณ์ในปัจจุบันแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง มีเพียงเฉินซีเท่านั้นที่ฝ่ายตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ ดูเล็กจ้อยเมื่อเทียบกับกองทัพผู้รุกรานเต๋าที่บดบังท้องฟ้า
แต่ถึงกระนั้น ก็ไม่มีแม้แต่คนเดียวในกองทัพที่กล้าประมาท!
เนื่องจากเฉินซีได้สังหารทายาทศักดิ์สิทธิ์สูงสุดจำนวนมากในช่วงหลายวันมานี้ วิธีการของเขานั่นเย็นชาและไร้ปรานี ประหนึ่งเป็นเหมือนเทพสงครามไร้พ่ายที่ไม่มีใครสามารถสั่นคลอนเขาได้จนถึงบัดนี้
เขาเป็นเหมือนฝันร้ายสำหรับผู้เยี่ยมยุทธ์ทุกคนจากเผ่าผู้รุกรานเต๋า มันทำให้พวกเขาไม่กล้าปฏิบัติต่อเฉินซีในฐานะผู้เยี่ยมยุทธ์ธรรมดาจากตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์
แม้ว่าเขาจะปรากฏตัวที่ริมฝั่งมหาสมุทรโลหิตศักดิ์สิทธิ์เพียงลำพัง แต่ผู้เยี่ยมยุทธ์ของเผ่าผู้รุกรานเต๋าก็ไม่กล้าที่จะยั้งมือแม้แต่น้อย
“ฆ่า!”
“ฆ่าไอ้สารเลวนั่นซะ!”
“รักษาเกียรติของเรา!”
กองทัพของผู้รุกรานเต๋าพุ่งทะยานผ่านมหาสมุทรโลหิตศักดิ์สิทธิ์ ท่ามกลางเสียงตะโกนที่สั่นสะเทือนฟ้าดิน พวกเขาก็พุ่งเข้าใส่เฉินซีจนเกิดเสียงหวีดหวิว
ในขณะนี้ มันเหมือนกับเมฆมืดที่บดบังท้องฟ้ากำลังเคลื่อนตัวเข้าหาเขา พวกมันก่อตัวเป็นมวลหนาทึบที่รุกคืบเข้ามาใกล้อย่างน่าสยดสยอง และมันก็น่าสะพรึงกลัวถึงขีดสุด
สิ่งที่น่าตกใจที่สุดคือกลิ่นอายของผู้รุกรานเต๋านั้นแข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อพวกมันลอยอยู่เหนือมหาสมุทรโลหิตศักดิ์สิทธิ์ ก็เหมือนได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับมหาสมุทร ดูทั้งสง่างามและห้าวหาญมาก!
เสื้อผ้าของเฉินซีและผมยาวสีดำสนิทปลิวไปตามสายลมที่อบอวลด้วยกลิ่นคาวเลือด ใบหน้าหล่อเหลาแสดงสีหน้าสงบและไม่แยแส
แม้ว่าเขาจะอยู่ลำพัง แต่หาได้เกรงกลัวแม้แต่น้อย!
เมื่อกองทัพผู้รุกรานเต๋าปรากฏตัวห่างออกไปไม่กี่พันลี้ ในที่สุด เฉินซีก็เริ่มเคลื่อนไหว
เคร้ง!
เสียงคำรามจากกระบี่เต๋าวิบัติ ลำแสงสีแดงเข้มราวกับเลือด เหมือนกับภูเขาไฟที่สงบเงียบมาเป็นเวลาหมื่นปีได้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
ฟึ่บ!
มันกรีดผ่านผืนฟ้า แสงสีแดงเลือดราวกับอยู่คนละโลก และเมื่อมันลงมา อวกาศก็ไม่สามารถทนต่อน้ำหนักของมันได้ ไร้อุปสรรคใดขวางกั้น และทุกสิ่งก็ร่ำไห้ด้วยความโศกเศร้าเมื่ออยู่ต่อหน้าการโจมตีนี้!
ครืน!
หากกองทัพของผู้รุกรานเต๋าเป็นเหมือนผืนผ้าใบที่กำลังคลี่ออก ในขณะนี้ การโจมตีที่กำลังมาก็ทำให้เกิดรอยฉีกที่ยาวมากปรากฏขึ้นบนผืนผ้าใบอย่างรวดเร็ว
ผู้เยี่ยมยุทธ์จำนวนนับไม่ถ้วนจากเผ่าผู้รุกรานเต๋าไม่สามารถโต้ตอบได้ทันเวลา ทำให้ร่างแหลกเละ กลายเป็นหมอกเลือดหายไปในมหาสมุทร
กองทัพตกอยู่ในความยุ่งเหยิงทันที เสียงกรีดร้องดังก้อง ซึ่งเต็มไปด้วยความโกรธ ความหวาดกลัว และความตื่นตระหนก
การตวัดกระบี่ของเฉินซีได้สังหารผู้รุกรานเต๋าไปแล้วอย่างน้อยพันคน!
ฟึ่บ!
กองทัพของผู้รุกรานเต๋าไม่มีโอกาสฟื้นตัว เมื่อร่างของเฉินซีเปล่งประกายราวกับสายฟ้า และพุ่งเข้าสู่กองทัพอย่างดุเดือด
กระบี่เต๋าวิบัติสีแดงเข้มเปล่งประกายแสงอันบริสุทธิ์ กวาดผ่านกองทัพของผู้รุกรานเต๋า โอบล้อมจากรอบทิศ
เสียงของกระบี่นั้นราวกับเสียงคำรามของเต๋า
ปราณกระบี่ของมันราวกับคลื่นยักษ์ที่พลุ่งพล่าน
ทุกที่ที่เฉินซีเคลื่อนผ่าน ผู้รุกรานเต๋ากลุ่มแล้วกลุ่มเล่าต่างล้มตาย เลือดสาดกระเซ็นเต็มฟ้า เกิดเป็นภาพที่ทั้งงดงามแต่ก็น่ากลัว
ผู้เยี่ยมยุทธ์ของเผ่าผู้รุกรานเต๋าไม่ได้อ่อนแอ ผู้อ่อนแอที่สุดในหมู่พวกมันอยู่ที่ขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล ในขณะที่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ที่ขอบเขตจ้าวเอกภพเก้าดารา แม้ว่าจะอยู่ในโลกภายนอก แต่ละคนก็อาจทำให้สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนต้องตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
น่าเสียดายที่ตอนนี้พวกมันอ่อนแอเกินไปสำหรับเฉินซี และไม่สามารถคุกคามเขาได้เลย
เป็นเพราะระดับพลังฝีมือต่างกันเกินไป
บางทีผู้เยี่ยมยุทธ์ของเผ่าผู้รุกรานเต๋าอาจเป็นเหยี่ยวที่สามารถดูถูกสิ่งมีชีวิตจำนวนมากมายในโลกว่าเป็นมด แต่สำหรับคุนเผิงที่เดินทางผ่านอวกาศ ความแตกต่างเช่นนั้นจะนับเป็นอะไรได้!
นั่นคือเหตุผลที่บรรดาผู้เยี่ยมยุทธ์จากเผ่าผู้รุกรานเต๋าต่อสู้อย่างไม่เกรงกลัว บ้าคลั่ง และไม่คำนึงถึงชีวิตของพวกมัน
อันที่จริง เหตุการณ์ดังกล่าวไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของศึกผู้พิทักษ์วิถีมาก่อน
เหตุผลก็คือ เมื่อผู้เยี่ยมยุทธ์ของตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์มาถึงที่นี่ ผู้รุกรานเต๋าก็จะเตรียมพร้อมรับมือเช่นกัน ดังนั้นการต่อสู้ในมหาสมุทรโลหิตศักดิ์สิทธิ์มักจะถูกตัดสินชี้ขาดโดยผู้เยี่ยมยุทธ์ที่บรรลุขอบเขตมหาเทพเต๋า
แต่เห็นได้ชัดว่า ศึกผู้พิทักษ์วิถีในปีนี้มีเอกลักษณ์อย่างมาก มีเพียงเฉินซีเท่านั้นที่เป็นตัวแทนของตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ และยังไม่ได้บรรลุขอบเขตมหาเทพเต๋า
ในทางกลับกัน ผู้รุกรานเต๋าก็ตกอยู่ในความกดดันเช่นกัน ไม่เพียงแต่พวกมันจะสูญเสียทายาทศักดิ์สิทธิ์สูงสุดประมาณสิบคน ก่อนที่การต่อสู้จะลามไปยังมหาสมุทรโลหิตศักดิ์สิทธิ์ พวกมันยังไม่มีผู้เยี่ยมยุทธ์แม้แต่คนเดียวที่บรรลุขอบเขตมหาเทพเต๋า
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ กองทัพของผู้รุกรานเต๋าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเสี่ยงชีวิตต่อสู้อย่างสิ้นหวัง เมื่อเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดที่ท้าทายสวรรค์เช่นเฉินซี
…
“มารดามัน! หากมันยังรุกคืบต่อต่อไปด้วยความเร็วนี้ ผู้ช่วงชิงก็จะฝ่าแนวรบของที่นี่ได้ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งวัน! เราควรทำอย่างไรดี?” ทายาทศักดิ์สิทธิ์สูงสุดทั้งสี่ยืนอยู่หน้าค่ายของผู้รุกรานเต๋า จ้องมองสนามรบที่อยู่ไกลออกไป ในขณะที่ใบหน้าของพวกเขามืดมนและซับซ้อน
พวกเขาไม่ได้เลือกที่จะทะลวงขอบเขตด้วยกำลัง ดังนั้นจึงถูกส่งไปที่แนวหน้าพร้อมกับภารกิจซื้อเวลาให้กับทายาทศักดิ์สิทธิ์สูงสุดคนอื่น ๆ ที่กำลังพยายามทะลวงขอบเขตด้วยกำลัง
อย่างไรก็ตาม เวลาผ่านไปเจ็ดวันแล้ว แต่ไม่มีวี่แววใด ๆ จากเหล่าทายาทศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในการปิดด่านบ่มเพาะ ในทางกลับกัน ผู้ช่วงชิงเฉินซีเป็นเหมือนเทพสังหารที่กวาดล้างมหาสมุทรโลหิตศักดิ์สิทธิ์กำลังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ
ยิ่งไปกว่านั้น ตามวิธีที่เฉินซีต่อสู้ มันเรียบง่ายแต่ก็ทรงพลังและไร้เทียมทาน แล้วจิตใจของทายาทศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่จะไม่ร้อนรุ่มด้วยความวิตกกังวลได้อย่างไร?
“เราจะทำอะไรได้อีก? หากมันฝ่ามาถึงที่นี่จริง ๆ เราได้แต่เสี่ยงชีวิตเข้าแลก!” ทายาทของเผ่าแมงมุมอสูรที่เป็นผู้นำกลุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เสี่ยงชีวิตเราเหรอ?” การแสดงออกของทายาทศักดิ์สิทธิ์อีกสามคนเปลี่ยนไปไม่รู้จบ
เหตุผลที่พวกมันปฏิเสธที่จะทะลวงขอบเขตด้วยกำลัง เนื่องจากพวกมันไม่เต็มใจที่จะเสี่ยงชีวิต ดังนั้นเมื่อพวกมันเผชิญกับการต่อสู้ระหว่างเผ่าผู้รุกรานเต๋าและเฉินซี พวกมันก็ยิ่งไม่เต็มใจที่จะเสี่ยงชีวิตและเผชิญหน้ากับเฉินซีตรง ๆ
“อย่าคิดหนีเลย ชื่อชิงอิงผู้นั้นเป็นคนโหดเหี้ยมและไร้ความปรานีอย่างยิ่ง หากเจ้าหนี้ กรรมทั้งหมดจะตกอยู่ที่เผ่าของเจ้าแน่!”
แมงมุมอสูรเหลือบมองสหายทั้งสามของตนแล้วกล่าว “อย่างไรก็ตาม พวกเจ้าไม่ต้องกังวลไป ผู้ช่วงชิงนั้นคงไม่สามารถฝ่าเข้ามาได้ในสักพักหนึ่ง บางทีสหายเต๋าของเราอาจจะทะลวงเข้าสู่ขอบเขตมหาเทพเต๋าได้สำเร็จ ก่อนเขาจะมาถึง”
คำกล่าวเหล่านี้เป็นรูปแบบหนึ่งของการปลอบใจตนเองอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ยังคงเหมือนเดิม และพวกมันไม่มีอำนาจพอที่จะเปลี่ยนแปลงมัน พวกมันได้แต่หวังว่าหนึ่งในผู้ปิดด่านบ่มเพาะจะสามารถบรรลุสู่ขอบเขตมหาเทพเต๋า ก่อนที่เฉินซีจะมาถึง
ฆ่า!
บนท้องฟ้าเหนือมหาสมุทรเลือดอันห่างไกล กระบี่สีแดงเลือดของเฉินซีเปรียบเสมือนสายฟ้าที่พุ่งทะยานทั่วสารทิศ
ไม่มีใครสังเกตเห็นว่ามีพลังงานมหาศาลที่นำพากลิ่นอายแห่งลิขิตได้หลั่งไหลออกมาจากกระบี่เต๋าวิบัติเป็นครั้งคราว จากนั้นมันก็ถูกเฉินซีดูดซับจนหมด…
………………..

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...