บทที่ 2153 มหาสมุทรคลื่นสีเงิน
………………..
บทที่ 2153 มหาสมุทรคลื่นสีเงิน
อาภรณ์ของเฉินซีสะบัดกระพือขณะที่ก้าวผ่านอวกาศ
ตำหนักอันตระการตาและยิ่งใหญ่มากมายตั้งตระหง่านห่างไกลออกไป มันเหมือนกับแดนเทพนิรันดร์ที่ปรากฏในตำนานเล่าขาน
เฉินซียังไม่คิดจะกวาดล้างสถานที่แห่งนี้ เพราะมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำสำเร็จด้วยความแข็งแกร่งที่มี
อย่างไรก็ตาม แดนก่อกำเนิดบาปก็กว้างใหญ่เกินไป ภายในมันดูเหมือนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว หากแท้จริงแล้วมันคือพื้นที่ราบซึ่งทอดไกลสุดสายตา
พื้นที่เหล่านั้นเทียบได้กับโลกขนาดใหญ่
แดนก่อกำเนิดบาปนั้นเหมือนเหมือนกับแดนมารดากำเนิดบรรพ์ที่ตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์อาศัยอยู่ ที่ราบหลาย ๆ แห่งนั้นก็เป็นเสมือนโลกที่เทพโดยกำเนิดตระกูลต่าง ๆ อาศัยอยู่
ในเวลาไม่นาน ร่างของเฉินซีก็เข้าไปในแดนก่อกำเนิดบาป มันเหมือนกับการเดินทางผ่านดินแดนอันน่าตื่นตาและศักดิ์สิทธิ์
ทุกย่างก้าวคล้ายดั่งการเคลื่อนไหวผ่านอวกาศ รวดเร็วยิ่งกว่าการเคลื่อนย้ายมิติทั่วไปหลายเท่าตัว
อย่างไรก็ดี เฉินซียังเดินไปได้ไม่ถึงสิบก้าวก็พลันมีคลื่นสีเงินอันพร่างพราวตกลงมาจากท้องฟ้าราวม่านน้ำตก
ทันใดนั้น ภาพตรงหน้าเขาก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เฉินซีปรากฏตัวบนมหาสมุทรสีเงิน ความพร่างพราวของมันกว้างไกลไร้ขอบเขต
ขณะที่เขายืนอยู่ตรงนั้น ความว่างเปล่าก็พลันกอดกุมหัวใจ มันทั้งสงบนิ่ง เย็นยะเยือก สิ้นหวัง และมีแต่ความรู้สึกแย่โอบล้อมไปทั่วบริเวณ
อาณาเขตยอดเทวา! มหาเทพเต๋าของผู้รุกรานเต๋าเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว!
เฉินซีไม่แปลกใจแม้แต่น้อย ทันทีที่เขาชักกระบี่เต๋าวิบัติขึ้นมา ความเยือกเย็นก็อาบโชนแววตาอันคมกริบคู่นั้น
ตึง!
ฉับพลันนั้นเอง พื้นผิวราบเรียบของผืนสมุทรสีเงินก็พังทลาย ร่างขนาดมหึมาซึ่งสูงกว่าหกร้อยลี้และเต็มไปด้วยเกล็ดมังกรโผล่พ้นขึ้นมาจากผิวน้ำ แสงสีเงินที่พร่างพรมทั่วทั้งเรือนกายของร่างนั้นเสกสรรให้ดูยิ่งใหญ่เหลือคณนา
ร่างสูงใหญ่นี้มีขนาดมโหฬารจนแทบจะทะลวงไปสุดชั้นฟ้า รัศมีอันน่าเกรงขามและน่าสะพรึงกลัวที่สำแดงออกมาทำให้คนอื่น ๆ รับรู้ได้ในทันทีว่าเขาไม่ใช่มหาเทพเต๋าทั่วไป ๆ แน่!
ไม่ใช่มหาเทพเต๋าที่ใครจะทัดเทียมได้!
เสียงคำรามแผดลั่นจากกระบี่เต๋าวิบัติ ทั่วทั้งใบมีดแดงฉานราวเพลิงผลาญ เฉินซีกวาดสายตาเยือกเย็นยังร่างนั้น มันฉาบไปด้วยจิตสังหารที่ท่วมทะลัก
“ผู้ช่วงชิงเอ๋ย ความผิดที่เจ้าก่อ ต้องชดใช้ด้วยชีวิต!” ร่างที่ทรงพลังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เสียงการเยื้องกรายเฉียบคมดังอสนีบาต ทันทีที่เขาเหยียดนิ้วที่ใหญ่โตราวเสาค้ำฟ้าออกไป มันก็กระแทกเข้ากับร่างของเฉินซีอย่างรุนแรง
…
“อาณาเขตยอดเทวาแห่งมหาเทพเต๋าฉีหยา มหาสมุทรคลื่นสีเงินนั้นน่าเกรงขามอย่างยิ่ง เขาจะต้องจัดการไอ้สารเลวนั่นได้อย่างแน่นอน”
กระแสปราณมากมายเริ่มส่งเสียงสนทนาเมื่อการต่อสู้ปะทุขึ้นภายในอาณาเขตยอดเทวา
“ในความคิดของข้า ที่สหายเต๋าเยียนเจินตายก็เพราะความประมาทของเขาเองนั่นแหละ ยิ่งประกอบกับความแข็งแกร่งที่ท้าทายสวรรค์และคาดคะเนไม่ได้ของเด็กคนนั้นแล้ว เขาก็เลยสามารถเอาชนะสหายเต๋าเยียนเจินได้อย่างง่ายดาย แต่ตอนนี้ไม่เหมือนตอนนั้น สหายเต๋าฉีหยาที่เตรียมตัวมาอย่างดีจะต้องเป็นฝ่ายมีชัยอย่างแน่นอน”
“แต่ข้าไม่คิดเช่นนั้น ตอนนี้เรายังสรุปอะไรมากไม่ได้ ลองคิดดูสิ ปฐมบรรพชนของเราไม่ได้แสดงสัญญาณของการตื่นขึ้นมานานแล้ว แถมเรายังทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง ทว่าเลือดและชีวิตของผู้ช่วงชิงนั้นกลับสามารถปลุกปฐมบรรพชนได้ นี่ไม่เท่ากับว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดาหรอกหรือ? เพราะฉะนั้นแล้วเราจะประมาทเขาไม่ได้เด็ดขาด”
“ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน สุดท้ายก็ยังเป็นแค่จ้าวเอกภพเก้าดารา!”
“จริงอยู่ที่จ้าวเอกภพเก้าดาราไม่ควรค่าแก่การกล่าวถึง แต่เจ้าเองก็เคยเห็นจ้าวเอกภพเก้าดาราฆ่าขุนพลขอบเขตมหาเทพเต๋ามาแล้วมิใช่รึ?”
“ก็นั่น…”
“เอาละ อย่าได้เถียงกันต่อไปเลย เจ้าเด็กเฉินซีนั่นนับว่ามีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแม้แต่ในหมู่ผู้ช่วงชิงด้วยกัน ไม่มีทางที่เรากับเขาจะญาติดีกันได้อยู่แล้ว”
การถกเถียงยังคงดำเนินต่อไป แต่ผลพวงจากการต่อสู้ระหว่างเยียนเจินและเฉินซีนั้นนับว่าหนักหนาสำหรับพวกเขาไม่น้อย ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าที่จะชี้ผลการต่อสู้ด้วยความมั่นใจอีกต่อไป
…
ในเวลาเดียวกัน ณ จวนตระกูลเฉิน ภายในแดนมารดากำเนิดบรรพ์
บรรพชนตระกูลเฉิน เฉินไท่ชงขมวดคิ้ว สองสามวันมานี้เขารู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง ความคิดที่วกวนก่อตัวขึ้นในใจของเขาอย่างอดไม่ได้
คนระดับอย่างเขาแน่นอนว่าต้องรับรู้จัดเจนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้หาได้บังเกิดโดยกะทันหันไม่ ไม่เพียงเท่านั้น ลางสังหรณ์ที่ยากจะอธิบายถูกยังบอกเขาว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่กระนั้น เขาก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่ามันคืออะไรกันแน่
ชายชราอดไม่ได้ที่จะถอนใจยาวเพราะเรื่องนี้
อู๋เซวี่ยฉานที่กำลังดื่มชาอยู่ข้างเคียงคลี่ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “สหายเต๋า จิตของท่านวิ่งซุกซนไปมาเช่นนี้ เห็นทีคงจะมีเรื่องให้กังวลใจอย่างนั้นหรือ?”
เฉินไท่ชงพูดอย่างตรงไปตรงมา “บอกสหายเต๋าตามตรง แม้ว่าศึกผู้พิทักษ์วิถีจะดำเนินไปได้เพียงเดือนเศษ แต่ข้าก็อดรู้สึกกังวลขึ้นมาไม่ได้ โดยเฉพาะในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ตัวข้ารู้สึกไม่สบายใจอยู่ตลอดเวลา”
อู๋เซวี่ยฉานพยักหน้าเข้าใจก่อนจะวางจอกชาลง เขาก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงพูด “ไม่แปลกเลย ก่อนที่ข้าจะพาศิษย์น้องเล็กมาที่นี่ ทั้งอาจารย์อาตี้ซุนและอาจารย์อาเหวินเต้าเจินต่างก็คิดเช่นกันว่าศึกผู้พิทักษ์วิถีนี้เต็มไปด้วยแผนการและหายนะมากมาย มันแตกต่างจากการต่อสู้ในอดีตอย่างสิ้นเชิง”
หางตาของเฉินไท่ชงกระตุก น้ำเสียงของเขาดูตะลึงลานยิ่ง “ในเมื่อท่านรู้อยู่แล้ว เหตุใดจึงไม่ห้ามเฉินซีไม่ให้วิ่งไปหาอันตรายเช่นนั้นเล่า?”
อู๋เซวี่ยฉานส่ายหน้าเบา ๆ “แผนการนี้ประมุขนิกายอำนาจเทวะเป็นคนวางขึ้นมาเอง ไม่มีทางที่เขาจะหลีกเลี่ยงได้”
เฉินไท่ชงขมวดคิ้ว “เพราะเหตุใดกัน?”
อู๋เซวี่ยฉานยิ้ม “เหตุผลนั้นมีเป็นล้านแปดประการ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เกี่ยวข้องกับโซ่กรรมของศิษย์น้องเล็กทั้งนั้น เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องไปที่นั่น”
สิ้นวาจา เฉินไท่ชงเข้าใจทันที อู๋เซวี่ยฉานคงจะรู้อะไรบางอย่าง เพียงแต่ไม่สะดวกใจที่จะตอบแก่พวกเขา เหตุนี้เฉินไท่ชงจึงได้เพียงถอนใจอย่างไม่คิดคาดคั้นคำตอบ “ตอนนี้เต๋าสวรรค์ปรวนแปร หายนะกลืนกินไปทั่วโลก ข้าสงสัยเหลือเกินว่าโลกจะเป็นอย่างไรต่อจากนี้”
ดวงตาของอู๋เซวี่ยฉานหรี่ลง ยากจะคาดเดาความคิด
“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ข้าเชื่อว่าจะสามารถมีชีวิตรอดกลับมาได้อย่างแน่นอน” หมิงที่เงียบอยู่นานอดพูดขึ้นไม่ได้


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...