เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 2164

บทที่ 2164 พันธนาการอัสนีสีชาด

………………..

บทที่ 2164 พันธนาการอัสนีสีชาด

การมาถึงของเฉินซีไม่ได้ทำให้ทุกคนตกใจหรือตะลึงแต่อย่างไร ทว่ากลับทำให้ยอดฝีมือหลายคนประหลาดใจและโกรธมากกว่า

เพราะไม่มีใครคิดว่าเขาจะมา

หลังจากมหาเทพเต๋ากาลวัฏยั้งความหงุดหงิดในใจได้แล้ว เขาก็กวาดสายตาเย็นชาไปทางผู้รุกรานเต๋าที่ยังเหลืออยู่

ในเมื่อคนที่มาถึงที่นี่ไม่ใช่ปฐมบรรพชนของผู้รุกรานเต๋า เขาย่อมไม่สนใจเฉินซีเท่าไหร่

อีกทั้งสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ย่อมต้องเป็นการทำลายศัตรูที่ขวางทาง และหาที่อยู่ของปฐมบรรพชนในส่วนลึกของแดนก่อกำเนิดบาป

มันเอามาเทียบกับผู้ช่วงชิงไม่ได้หรอก

“ทุกคนคงจะไม่คิดถึงเรื่องนี้กันเลยสินะ? คนที่พวกเจ้าอยากให้มาช่วยกลับกลายเป็นผู้ช่วงชิงที่สังหารคนฝั่งเจ้าไปนับไม่ถ้วน” มหาเทพเต๋ากาลวัฏเอ่ยเสียงเรียบ “ทีนี้พวกเจ้ายังจะอยากสู้หัวชนฝา หรือจะยอมหลีกไปแต่โดยดีเล่า?”

พูดจบ สีหน้าของพวกมหาเทพเต๋าจากเผ่าผู้รุกรานเต๋าก็เปลี่ยนเป็นไม่น่ามอง

“เรายอมตายยังดีกว่ายอมสยบให้ศัตรู!” ชายชราคนหนึ่งโมโหพร้อมตะโกนลั่นขึ้นมา

บรรยากาศดุดันรอบข้างพลุ่งพล่านขึ้นอีกครั้ง

“โง่เง่า! เลิกเสียเวลาแล้วโจมตีเถอะ” มหาเทพเต๋าอสนีบาตเอ่ยเสียงเหี้ยม จากนั้นก็พูดกลับเฉินซีที่ยืนอยู่ไกล ๆ “สหายน้อย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า เจ้ากลับค่ายที่มั่นไปก่อนเถอะ!”

แม้จะไม่ได้ว่าอะไรเฉินซี แต่ก็พูดจาโผงผางตรงไปตรงมาเหมือนกับกำลังสั่งอยู่ ซึ่งเฉินซีก็ต้องยอมทำตาม

ที่เขาพูดเช่นนี้ก็เพราะเฉินซียืนขวางระหว่างพวกเขาทั้งสามและผู้รุกรานเต๋าอยู่ ไม่เช่นนั้นมหาเทพเต๋าอสนีบาตคงไม่สนใจเฉินซีเลยด้วยซ้ำ

อีกทั้งเฉินซีเองก็เป็นหนึ่งในผู้พิทักษ์วิถีด้วย จะให้โจมตีชายหนุ่มตอนนี้เลยก็คงไม่ดี

แต่หากเฉินซียังดื้อรั้นไม่ยอมไปไหน มหาเทพเต๋าอสนีบาตก็ไม่คิดจะทิ้งโอกาสสังหารคนที่อาจสร้างปัญหาในอนาคตทิ้งไปแน่

“นับจากวันนี้ไป ข้า เฉินซี จะเป็นคนควบคุมและดูแลทุกอย่างที่นี่” จังหวะนั้นเองที่เฉินซีเงยหน้าขึ้นมามองสามข้ารับใช้เต๋า แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสงบ

พร้อมกันนั้น ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์เก้าสีรอบกายก็เปลี่ยนเป็นรัศมีแสงพุ่งเข้าใส่ร่างเฉินซี ทำให้เขามีกลิ่นอายดุดันมากยิ่งขึ้น

ดวงตาสีดำทั้งสองข้างเป็นดั่งหุบเหวลึกที่ดูดกลืนแสงสว่างทั้งหลายจนหมดสิ้น

ไหล่ทั้งสองผ่าเผยเหมือนขุนเขาสูงสง่า

สันหลังคล้ายเสาหลักผงาดกล้า

ดวงใจเป็นเหมือนตะวันจันทราที่ส่องแสงออกมาชั่วนิจนิรันดร์

ร่างเขาเป็นดั่งเต๋า ทั้งยังให้ความรู้สึกสูงสุดและเป็นนิรันดร์!

ชายหนุ่มยืนอยู่เช่นนั้น กลิ่นอายดุดันไร้รูปแผ่กระจายไปทั่วสารทิศ มันถึงขนาดทำให้รอบกายร่ำร้อง เต๋าก็ยังต้องเศร้าโศก

ทุกคนตกตะลึงกับเหตุการณ์นี้

เผ่าผู้รุกรานเต๋าล้วนมึนงงจนไม่อยากจะเชื่อ เจ้านั่นพูดว่าอะไร? คิดควบคุมพวกเรางั้นหรือ? มั่นใจเหลือเกินนะ!

มหาเทพเต๋าบางคนทั้งโกรธและอับอาย ก่อนหน้านี้สามข้ารับใช้เต๋าอาละวาดไปทั่วเขตแดนของพวกเขา ทั้งยังสังหารคนไปเป็นจำนวนมากโดยไม่ไว้หน้า ตอนนี้กระทั่งผู้ช่วงชิงยังกล้าคิดที่จะชิงอำนาจของเขาไปหน้าตาเฉยเช่นนี้เลยหรือ มันมากเกินไปแล้ว! หรือว่าเจ้านั่นคิดว่าขึ้นขอบเขตมหาเทพเต๋าแล้วจะทำอะไรก็ได้งั้นหรือ?

ผู้รุกรานเต๋าบางคนถึงกับหายโศกเศร้า ทายาทศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์เคยถูกรังแกเช่นนี้ด้วยหรือ? บางคนยั้งตนเองไม่ไหว คิดพุ่งเข้าไปต่อสู้ตัดสินเป็นตายกับเฉินซี แต่ผู้อาวุโสมหาเทพเต๋าของพวกเขาหยุดเอาไว้ และกล่าวผ่านกระแสปราณว่า “อย่าผลีผลาม! ปล่อยให้เจ้าเด็กนั่นกับสามข้ารับใช้เต๋าสู้กันเองไปก่อน”

ทันใดนั้น ยอดฝีมือเผ่าผู้รุกรานเต๋าก็สงบลง แม้ในใจจะยังโกรธแค้น แต่ในเมื่อผู้ช่วงชิงนั่นคิดจะสู้กับสามข้ารับใช้เต๋า พวกเขาย่อมยินดีรับชม

ทว่ามหาเทพเต๋าอาโลกะ กาลวัฏ และอสนีบาตกลับแทบไม่เชื่อหูตนเองยามได้ยิน เด็กนี่บ้าไปแล้วหรือ?

แต่พอเห็นกลิ่นอายดุดันของเฉินซีที่เปลี่ยนไปก็ต้องใจสั่นสะท้าน พร้อมกับรู้ทันทีว่าเด็กคนนี้ไม่ได้พูดเล่น ๆ

อีกอย่าง พวกเขายังรู้สึกตกใจกับกลิ่นอายดุดันของเฉินซีด้วย หายากนักที่สหายน้อยซึ่งเพิ่งขึ้นขอบเขตมหาเทพเต๋าจะมีกลิ่นอายดุดันเช่นนี้ได้

ก่อนหน้านี้พวกเขาตั้งใจดูการต่อสู้ของเฉินซี เลยรู้ดีว่าชายหนุ่มสามารถต่อสู้ข้ามขอบเขตและสังหารสิบมหาเทพเต๋าเผ่าผู้รุกรานเต๋า ทั้ง ๆ ที่ยังอยู่ขอบเขตจ้าวเอกภพเก้าดาราได้

ตอนนี้เฉินซีขึ้นมาเป็นขอบเขตมหาเทพเต๋าแล้ว ฉะนั้นพลังต่อสู้เองก็ควรต้องแกร่งขึ้นด้วยเช่นกัน

แต่การถูกสหายน้อยกระตุกหนวดเช่นนี้ก็ยังรู้สึกโกรธอยู่ดี ใบหน้าของพวกเขาปรากฏแววเคร่งขรึมขึ้นมา

พวกเขาเป็นใครกัน?

มหาเทพเต๋าเผ่าผู้รุกรานเต๋าจำนวนมากตายด้วยน้ำมือของพวกเขามาแล้ว ดังนั้นมีหรือจะหวาดกลัวคนที่เพิ่งขึ้นขอบเขตมหาเทพเต๋าได้?

“เป็นไอ้เด็กบัดซบไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเสียแล้ว! คิดจะสู้กับเราหรือ?” มหาเทพเต๋ากาลวัฏเอ่ยด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ น้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยจิตสังหารอันเยือกเย็นขู่ขวัญ

“เปล่า” เฉินซีส่ายหน้า

ยอดฝีมือเผ่าผู้รุกรานเต๋าเผยแววผิดหวังออกมา พวกเขาหวังว่าเฉินซีจะต่อสู้อย่างดุเดือดกับสามข้ารับใช้เต๋า แต่ก็ไม่คิดเลยว่าชายหนุ่มจะอ่อนแอจนต้านไม่ได้แม้แต่การโจมตีเดียวเช่นนี้

แต่พอนึกถึงท่าทางทระนงที่พูดไว้ก่อนหน้าก็ทำให้พูดไม่ออก คนอย่างชายหนุ่มนี่น่ะหรือที่จะขึ้นครอบครองเผ่าของพวกตนได้?

“น่าขันสิ้นดี!” มหาเทพเต๋าอสนีบาตเอ่ยเสียงเย้ยหยัน ตนคิดว่าเฉินซีคงจะต้านทานไหว แต่ก็ไม่คาดว่าแม้ภายนอกจะดูแข็งแรง ทว่าภายในจะอ่อนแอเช่นนี้เขาจึงรู้สึกดูถูกชายหนุ่มตรงหน้านัก

กระทั่งมหาเทพเต๋าอาโลกะและมหาเทพเต๋ากาลวัฏ ก็ยังประหลาดใจอยู่เล็กน้อยที่ผู้ช่วงชิงคนนี้อ่อนแอกว่าที่คิด

จังหวะนั้นเองที่สายฟ้าสีเลือดซึ่งโอบร่างของเฉินซีเอาไว้พุ่งขึ้นมา พร้อมดึงสายตาจากรอบข้างมาเป็นจุดเดียว

จากนั้นก็คล้ายเป็นกระแสน้ำที่หวนคืนสู่ทะเล มันถูกดูดกลืนหายไปสิ้น ทันใดนั้นร่างสูงไร้รอยขีดข่วนของเฉินซีก็ปรากฏสู่สายตาทุกคนอีกครั้ง

ทั้งยังมีกระแสสายฟ้าสีเลือดส่องสว่างลอยให้เห็นอยู่ที่ปลายนิ้วชี้ข้างขวา มันดูว่าง่ายเป็นอย่างยิ่ง

หัวใจของผู้ชมทั้งหลายเต้นระรัวเมื่อเห็นเหตุการณ์น่าเหลือเชื่อเช่นนี้ ยังไม่ตายอีกหรือ!?

ดีเลย! ชื่อชิงอิงตะโกนลั่นในใจ เขาตื่นเต้นยินดีเป็นอย่างยิ่ง คิดอยู่แล้วว่าเจ้าหมอนี่คงไม่ถูกสังหารง่าย ๆ ไม่เช่นนั้นก่อนหน้านี้เขาจะลงมือช่วยข้าไว้อย่างง่ายดายขนาดนั้นไม่ได้หรอก

เฉินซีมองมหาเทพเต๋าอสนีบาตด้วยใบหน้าสงบ จากนั้นก็เหมือนนึกอะไรขึ้นได้จึงกล่าวว่า “นี่น่ะหรือกลิ่นอายแห่งโชคชะตาของมหาเต๋าแห่งสายฟ้า? ดูท่าข้ารับใช้เต๋าจะไม่ใช่สิ่งมีชีวิตของโลกนี้ ทั้งยังไม่ใช่เทพแต่กำเนิดที่เกิดจากความวิบัติ หากข้าดูไม่ผิด พวกเจ้าน่าจะเกิดมาจากบัญชาเต๋าสวรรค์”

มหาเทพเต๋าอสนีบาตหรี่ตา ตนไม่รู้ว่าเฉินซีรอดมาได้อย่างไร และไม่เข้าใจด้วยว่าเหตุใดการโจมตีก่อนหน้าจึงถูกทำลายและสลายหายไปได้ง่ายดายเช่นนั้น

อีกทั้งยังรู้สึกตกตะลึงและประหลาดใจอยู่เล็กน้อย เพราะเฉินซีเปิดเผยความลับที่อยู่ก้นบึ้งใจของเขาออกมา

“ข้าว่ามันดูแปลก ๆ เด็กนี่เป็นตัวปัญหากว่าที่คิด เตรียมตัวโจมตีได้เลย” นัยน์ตาที่ผ่านกาลเวลามายาวนานของมหาเทพเต๋ากาลวัฏพลันส่องประกาย เขาสังเกตเห็นว่าเฉินซีดูผิดปกติเกินไป ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นอายหรือความแข็งแกร่งก็ล้วนต่างจากผู้ที่เพิ่งขึ้นขอบเขตมหาเทพเต๋าทั้งสิ้น

“แปลกจริง ๆ ด้วย” มหาเทพเต๋าอาโลกะพยักหน้า จิตสังหารปรากฏขึ้นในใจ

“ไอ้บัดซบ! ลองโดนการโจมตีของข้าอีกสักทีเป็นไร!” มหาเทพเต๋าอสนีบาตนั้นใจร้อนและดื้อด้านที่สุดในหมู่ข้ารับใช้เต๋า เมื่อเห็นแบบนี้แล้วเขาก็รู้สึกเหมือนถูกยุยง เพราะเฉินซีสลายการโจมตีของตนได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นจึงตะโกนเสียงลั่นพร้อมเปลี่ยนร่างเป็นโซ่ศักดิ์สิทธิ์สีโลหิตแห่งสายฟ้า ก่อนที่โซ่สวรรค์จะเปลี่ยนเป็นคุกสายฟ้าที่ส่องประกายดุดัน

พันธนาการอัสนีสีชาด!

นี่คือเขตแดนเทพชั้นสูงของมหาเทพเต๋าอสนีบาต ว่ากันว่ามีอำนาจสูงส่งเหนือความคาดหมาย!

เห็นได้ชัดว่ามหาเทพเต๋าอสนีบาตคิดใช้การโจมตีนี้กำจัดเฉินซีเสียอย่างไม่คิดยั้งมือ

ในจังหวะเดียวกันนั่นเอง จิตสังหารก็สะท้อนผ่านนัยน์ตาสีดำสนิทของเฉินซี กระบี่สีกรมพลันปรากฏขึ้นในฝ่ามืออย่างเงียบเชียบ

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]