บทที่ 2165 สังหารข้ารับใช้เต๋า
………………..
บทที่ 2165 สังหารข้ารับใช้เต๋า
มาตรฐานสำหรับกะเกณฑ์ความแข็งแกร่งของมหาเทพเต๋าได้แก่ ความกล้าแกร่งของพลังลิขิตที่มหาเทพเต๋าผู้นั้นครอบครอง
ตัวอย่างเช่น ทันทีที่พันธนาการอัสนีสีชาดที่มหาเทพเต๋าอสนีบาตสรรค์สร้างปรากฏขึ้น ทั้งฟ้าดินก็กลืนหายไปกับสายฟ้า มหาสมุทรเพลิงสีแดงเข้มพลันเดือดพล่าน จิตสังหารมากมายสุมรวมกันอย่างไฟชำระบาป
เหตุน่าสะพรึงกลัวนี้ทำให้สีหน้าของผู้รุกรานเต๋าทั้งหลายที่อยู่ไกลออกไปถึงกับเผือดสี พวกเขาพยายามหาที่กำบังอย่างอุตลุดด้วยไม่ต้องการจะถูกกวาดกลืนเข้าไปในนั้น
เฉินซีไม่ได้หลบเลี่ยง และไม่ได้ถูกบีบให้ต้องเข้าไป ตรงกันข้าม ดูเหมือนว่าเขาจะเต็มใจเดินเข้าไปในนั้นด้วยตัวเอง
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นภายในพันธนาการอัสนีชาดเป็นสิ่งที่อยู่เหนือการมองเห็นของบรรดาผู้ชมทั้งหลาย
แม้แต่มหาเทพเต๋ากาลวัฏและมหาเทพเต๋าอาโลกะก็ทำได้เพียงรอผลลัพธ์อย่างเงียบ ๆ พวกเขาไม่อาจล่วงรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นภายในนั้นได้
เพราะอาณาเขตยอดเทวาแห่งมหาเทพเต๋านั้นมีพลังลิขิต รวมไปถึงความแข็งแกร่งและเจตจำนงของมหาเทพเต๋าแฝงอยู่ภายใน ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดที่มองผ่านมันเข้าไปด้านในได้ เว้นเสียแต่ว่าเจ้าของอาณาเขตนั้นจะยินยอมแพร่งพรายความลับของตน
เปรี้ยง!
สายฟ้าสีแดงฟาดฟันฟ้าดินอย่างดุเดือด หลังจากที่พวกมันกระจายตัวไปทั่วบริเวณ ก็ทำให้ห้วงมิติพลันสิ้นแรงเสถียร มันค่อย ๆ บิดเบี้ยวและตกสู่ความโกลาหลท่ามกลางสรรพสิ่งที่พังพินาศ
เพียงแค่แรงสั่นสะเทือนที่ลั่นออกมา ผู้ชมทั้งหลายก็รับรู้ได้ในทันทีว่าการต่อสู้ภายในพันธนาการอัสนีสีชาดนั้นดุเดือดเพียงไร
…
อารมณ์ของบรรดาผู้รุกรานเต๋าบัดนี้ค่อนข้างซับซ้อน พวกเขาไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการเห็นเฉินซีถูกฆ่า แต่อีกใจหนึ่ง ความตายของมหาเทพเต๋าอสนีบาตก็เป็นสิ่งที่พวกเขาเฝ้ารอ
บางทีการให้ทั้งสองคนนั้นฆ่ากันเองคงจะเป็นเรื่องดีที่สุด
อย่างไรก็ตาม ผู้รุกรานเต๋ารู้ดีว่านั่นเป็นเพียงจินตนาการลม ๆ แล้ง ๆ เท่านั้น สิ่งที่เรียกว่าเหตุผลบอกพวกเขาว่าเฉินซีมีโอกาสน้อยมากที่จะได้รับชัยชนะหากต้องเผชิญกับสิ่งมีชีวิตอย่างมหาเทพเต๋าอสนีบาต
มหาเทพเต๋ากาลวัฏและมหาเทพเต๋าอาโลกะเองก็รู้สึกแปลก ๆ ไม่ต่างกัน พวกเขาไม่คาดคิดเลยมาก่อนเลยว่า ทั้ง ๆ ที่บรรดาผู้รุกรานเต๋าไม่สามารถหยุดยั้งพวกตนจากการช่วงชิงวิญญาณแห่งสังสารวัฏ แต่กลับถูกไอ้สารเลวเฉินซีขวางไว้เสียได้
ถึงขนาดที่ท่าทางผิดวิสัยของเฉินซีนั้นทำให้พวกเขารู้สึกวิตกกังวล คนทั้งสองไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องระมัดระวังตัวเอาไว้
บัดนี้พวกเขาหาได้สนใจผู้รุกรานเต๋าอีกต่อไปไม่ หากแต่มุ่งความสนใจไปยังการต่อสู้ระหว่างเฉินซีและมหาเทพเต๋าอสนีบาตแทน
นั่นก็เพราะเฉินซีไม่ธรรมดาเกินไป
ไม่ว่าพวกเขาจะเต็มใจยอมรับหรือไม่ก็ตาม แต่ความแข็งแกร่งของเฉินซีนั้นเหนือกว่ามหาเทพเต๋าจากบรรดาเผ่าต่าง ๆ ของผู้รุกรานเต๋าอย่างแน่นอน
นั่นก็เพราะเขาสามารถบดขยี้มหาเทพเต๋าถึงสิบคนได้ด้วยตัวเองในขณะที่ยังอยู่เพียงขอบเขตจ้าวเอกภพเก้าดารา
ในยามนี้ ชายหนุ่มบรรลุสู่ขอบเขตมหาเทพเต๋าแล้ว ดังนั้นความแข็งแกร่งของเขาแน่นอนว่าต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ทั้งมหาเทพเต๋ากาลวัฏและมหาเทพเต๋าอาโลกะต่างก็รู้เห็นถึงเรื่องราวเหล่านี้ทั้งหมด พวกเขาไม่กล้าประเมินเฉินซีอย่างผู้เยี่ยมยุทธ์ธรรมดาทั่วไปได้เลย
และใช่ พวกเขายกให้เฉินซีเป็นคู่ต่อสู้คนแรกในแดนก่อกำเนิดบาปที่คู่ควรอย่างแท้จริง
ข้าสงสัยว่าสวรรค์พิโรธกับคนอื่น ๆ จะรู้สึกอย่างไรหลังจากที่ได้เห็นเหตุการณ์นี้? มหาเทพเต๋ากาลวัฏพึมพำกับตัวเอง เขานึกถึงข้ารับใช้เต๋าคนอื่น ๆ ที่กำลังเฝ้าดูการต่อสู้อยู่ในขณะนี้
อย่างไรก็ดี มหาเทพเต๋ากาลวัฏคงจะไม่เคยคิดการมาก่อนว่า มหาเทพเต๋าสวรรค์พิโรธและคนอื่น ๆ ไม่มีทางจะรับรู้ถึงเหตุการณ์เหล่านี้ได้เลย!
…
เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ กระนั้น ร่องรอยการเปลี่ยนแปลงใด ๆ จากพันธาการอัสนีสีชาดก็ยังคงไม่ปรากฏขึ้น
ผู้เยี่ยมยุทธ์จากเผ่าผู้รุกรานเต๋ารู้สึกประหลาดใจ ผู้ช่วงชิงนั่น พอบรรลุขอบเขตมหาเทพเต๋าแล้วก็ช่างน่าเกรงขามจริง ๆ
เมื่อได้รู้เช่นนั้น ความตื่นเต้นก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของพวกเขา ยอดเลย ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการที่ทั้งคู่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้แล้ว
ด้านหนึ่ง มหาเทพเต๋ากาลวัฏและมหาเทพเต๋าอาโลกะลอบสบตากัน ความรู้สึกวิตกกังวลทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เราต้องเข้าไปแทรกแซงในทันที จะปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นต่อไปไม่ได้” มหาเทพเต๋าอาโลกะขมวดคิ้ว
“เห็นด้วยเลย” มหาเทพเต๋ากาลวัฏพยักหน้า
พวกเขาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ คนทั้งสองตั้งใจที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อแทรกแซงการต่อสู้ครั้งนี้สุดกำลัง แล้วจึงค่อยบดขยี้ผู้ช่วงชิงอย่างเฉินซีเสีย
ฉับพลัน เสียงกระบี่ดังเล็ดลอดจากภายในพันธนาการอัสนีสีชาด มันสั่นสะเทือนท้องฟ้าและเขย่าพื้นดินให้ขยับไหว
เสียงกระบี่นั้นคล้ายกับเสียงคำรามแห่งมหาเต๋า มันทำให้มหาเทพเต๋าทั้งหลายจากเผ่าผู้รุกรานเต๋าตัวสั่นระริก ใบหน้าซีดเผือดไร้เลือดไปในทันที
แย่แล้ว! ข้ารับใช้เต๋าทั้งสองตกตะลึง พวกเขาเปิดการโจมตีโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
ตู้ม!
กระนั้น พันธนาการอัสนีสีชาดพลันระเบิดลงต่อหน้าต่อตา มันกลายเป็นละอองสายฟ้าสีแดงที่ส่งเสียงครืนไปทั่วบริเวณโดยรอบ ฉากนี้ทำให้ผู้ชมทั้งหลายต่างหวาดกลัว พวกเขาพยายามหลบซ่อนกันอย่างหักซุกหัวซุน
“ระวัง! เจ้าเด็กนี่เป็นผู้ครอบครองกระบี่สังสารวัฏ!” ขณะเดียวกันนั้นเอง เสียงหวีดแหลมน่าสังเวชของมหาเทพเต๋าอสนีบาตก็ดังขึ้น มันเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ความตกใจ ความโกรธ และความไม่ยินยอม ฟังแล้วก็ให้คล้ายกับเสียงคำรามครั้งสุดท้ายของสัตว์ร้ายที่ถึงวาระ
เสียงของเขาหยุดลงกะทันหัน
มันเป็นกระบี่สีน้ำเงินเข้มที่เต็มไปด้วยรัศมีเก่าแก่ยิ่งใหญ่และคลุมเครือ แม้ว่ามันจะดูลึกลับ แต่ก็มีพลังโจมตีที่รุนแรงราวกับมีวัฏจักรแห่งการเวียนว่ายตายเกิดอยู่ภายในนั้น
บัดนี้สายตาที่บรรดาผู้รุกรานเต๋าทอดมองเฉินซีพลันเปลี่ยนไป มันแฝงไปด้วยความตกใจ ความสงสัย ความกลัว และไม่อยากจะเชื่อสายตา ซึ่งซ่อนความยำเกรงอยู่ในที!
ด้านหนึ่ง สายตาของมหาเทพเต๋ากาลวัฏและมหาเทพเต๋าอาโลกะกลับสะท้อนเพียงภาพของกระบี่สีน้ำเงินในมือของชายเบื้องหน้าเท่านั้น
มันมีทั้งความตกใจ โกรธขึ้ง และความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะครอบครองซึ่งสิ่งนั้น
กระบี่สังสารวัฏ!!
กระบี่ที่กล่าวกันว่าสูญหายไปเมื่อนานมาแล้ว!
ในอดีต เป็นกระบี่เล่มนี้เองที่ทำให้ปฐมบรรพชนของผู้รุกรานเต๋าต้องทนทุกข์จากความโกรธเกรี้ยวของสวรรค์ และเผชิญกับความวินาศในมาตุภูมิหมื่นวิถี หลังจากเหตุการณ์นั้นจิตสำนึกที่นางทิ้งไว้ที่แดนก่อกำเนิดบาปก็เข้าสู่ห้วงนิทราพร้อมกับนำวิญญาณแห่งสังสารวัฏไปด้วย
กระนั้น พวกเขาทั้งสองคนก็ไม่เคยคิดเลยว่ากระบี่สังสารวัฏจะอยู่ในความครอบครองของผู้ช่วงชิงคนนี้!
ปฐมบรรพชนของผู้รุกรานเต๋ารวมวิญญาณแห่งสังสารวัฏในครอบครองไว้ในกระบี่ของตน และเปลี่ยนมันให้เป็นกระบี่สังสารวัฏก่อนที่จะส่งต่อให้เฉินซีอย่างนั้นหรือ? เหตุใดนางจึงทำเช่นนั้น?
ทั้งมหาเทพเต๋ากาลวัฏและมหาเทพเต๋าอาโลกะต่างตกตะลึง พวกเขาโกรธเกรี้ยวและหงุดหงิดยิ่งกว่าอะไรดี ด้วยรู้สึกว่าเรื่องนี้มันยากที่จะยอมรับ
ถึงอย่างนั้น สิ่งนี้ก็ยืนยันได้ว่ามหาเทพเต๋าอสนีบาตได้ตายไปแล้วจริง ๆ ด้วยน้ำมือของกระบี่สังสารวัฏ และเฉินซีก็เป็นเจ้าของมันอย่างแน่นอน!
“เฉินซี มอบกระบี่นั่นให้ข้าซะ แล้วข้าสัญญาว่าจะรักษาศพเจ้าให้งามที่สุด!” มหาเทพเต๋ากาลวัฏสูดหายใจเข้าลึก และพูดค่อย ๆ ทีละคำ แต่ละคำล้วนเต็มไปด้วยจิตสังหารรุนแรง ใบหน้าเรียวเล็กเยือกเย็นราวน้ำแข็ง
ตึง!
พลังลิขิตอันกล้าแกร่งแปรสภาพกลายเป็นสายธารแห่งกาลเวลาอันไหลเชี่ยว ส่งผลให้รัศมีอันสง่างามของเขาปะทุตัวขึ้นและหม่นโลกให้อ่อนแสงลง
ขณะเดียวกันนั้นเอง มหาเทพเต๋าอาโลกะสูดหายใจเข้าสุดปอด จากนั้นแสงจำนวนมากก็ปะทุออกมาจากร่างกายของเขา มันยิ่งใหญ่ ไร้ขอบเขต และน่าตื่นตาตื่นใจเสียจนไม่อาจมีใครลอบมองผ่านม่านแสงนั้นได้ เขาในยามนี้ดูเหมือนเทพผู้อมตะซึ่งเยื้องย่างออกมาจากแสงเรืองรอง
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งสองไม่กล้าประเมินเฉินซีต่ำอีกต่อไป จิตสังหารในใจกระหายการล้างแค้นและปรารถนาในกระบี่สังสารวัฏยิ่งกว่าสิ่งใด
บรรดาผู้เยี่ยมยุทธ์จากเผ่าผู้รุกรานเต๋าประหลาดใจเมื่อเห็นฉากนี้ ราวกับว่าพายุกำลังโหมกระหน่ำอยู่ในใจ สิ่งที่พวกเขากลัวหาใช่ความแข็งแกร่งของข้ารับใช้เต๋าทั้งสองไม่ หากแต่เป็นกระบี่ในมือของเฉินซี!
กระบี่สังสารวัฏ!
สมบัติล้ำค่าที่ของปฐมบรรพชน เหตุใดมันจึงตกไปอยู่ในมือผู้ช่วงชิงได้?
ท่านบรรพชนถูกผู้ช่วงชิงนั่นสังหารอย่างนั้นหรือ? เขาครอบครองมันมาได้อย่างไร?
………………..

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...