เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 2167

บทที่ 2167 หากฟ้าดินไม่มีข้า เฉินซีอยู่ อนธการจะยืนยงเยี่ยงนิรันดร์!

………………..

บทที่ 2167 หากฟ้าดินไม่มีข้า เฉินซีอยู่ อนธการจะยืนยงเยี่ยงนิรันดร์!

มันเป็นเพียงหนึ่งย่างก้าว!

ทว่าฟ้าดินกลับพลิกตาลปัตร!

แสงสว่างเกินคณานับอันเต็มไปด้วยปราณบัญชาแห่งเต๋าสวรรค์เลื่อนลั่นแหลกเป็นเสี่ยง แปรเปลี่ยนเป็นละอองแสงสีม่วงสาดกระจายทั่วทิศ ทั่วทั้ง ‘จุดสิ้นสุดแห่งกาล’ โยกคลอนรุนแรง สะท้านถึงหัวใจของยอดฝีมือผู้รุกรานเต๋าทั้งหลายที่ให้ความสนใจกับศึกนี้อยู่

หรือผลลัพธ์ศึกกำลังจะถูกตัดสิน?

ไม่น่าใช่

ยามเผชิญสถานการณ์เช่นนี้ มหาเทพเต๋ากาลวัฏผู้สั่งสมกำลังเตรียมโจมตีพลันแผดเสียง ทั่วร่างเรืองรอง เสถียรอาณาเขตยอดเทวาอันสั่นสะท้านรุนแรงของตนไว้

แต่สายตาที่มองมายังเฉินซีมิได้มีเพียงความเคร่งขรึม ยังแฝงเค้าตกตะลึง ประหลาดใจ และสับสนงุนงงด้วย

การโจมตีเมื่อครู่นี้เกิดจากพลังบัญชาเต๋าสวรรค์ซึ่งมหาเทพเต๋าอาโลกะชักนำมาด้วยพลังแก่นแท้สสาร อย่าว่าแต่มหาเทพเต๋าผู้ใดในหล้า กระทั่งตัวมหาเทพเต๋ากาลวัฏเองยังต้องสิ้นพลังมหาศาลหากจะรับฤทธาน่าสะพรึงกลัวจากมัน

แต่เฉินซี… จบทุกอย่างในหนึ่งก้าวเท้า! ทำลายการโจมตีของมหาเทพเต๋าอาโลกะลงได้!

เหตุอันเกินคาดคิด มิอาจเข้าใจนี้ทำให้มหาเทพเต๋ากาลวัฏเลี่ยงความตะลึงเหลือเชื่อมิได้

พรวด!

ขณะเดียวกัน ร่างของมหาเทพเต๋าอาโลกะสะท้าน กระอักเลือดคำโตอย่างกลั้นไม่ไหว ใบหน้าซึ่งเดิมขึงขังเผยเค้าตกตะลึง ยังมิกล้ายอมเชื่อว่าไพ่ตายของตนจะถูกทำลายลงง่ายเพียงนี้ ยิ่งกว่านั้น ตัวเขากระทั่งเกิดผลข้างเคียง!

หลังก้าวเท้าครั้งนี้ ปราณของเฉินซีมิได้แข็งแกร่งขึ้นเลย มันดูเหมือนสมุทรศูนย์รวมแห่งธาร บรรยากาศราวถูกสกัดทิ้ง ทำให้เขายิ่งดูสำรวมเก็บตัวเงียบ

เพียงรูปลักษณ์ภายนอกลำพัง เขาก็ดูแค่เป็นผู้มีหน้าตาและการวางตัวไม่ธรรมดาสักหน่อย แต่ไร้ปราณผู้แข็งแกร่งแม้เพียงเสี้ยว

ทว่าแม้เขาจะยืนเฉยกับที่ ปราณกาลเวลาและแสงสว่างกลับไม่อาจคืบใกล้เขา และยังทำให้เขายิ่งดูร้ายกาจและลึกลับขึ้นเสียแทน

“บางที ข้าเฉินซีอาจถูกสังหารได้หากนภาผนึกเทพจู่โจมมาสุดกำลัง แต่แค่อำนาจเสี้ยวเดียวของมันนั้นเกินคณนามือนัก โดยเฉพาะแค่อำนาจบัญชาที่จิตวิญญาณอันเกิดจากนภาผนึกเทพใช้ การโจมตีเช่นนี้หาควรค่ากล่าวถึงไม่” เฉินซีกล่าวเสียงเรียบราวกำลังวิจารณ์ผู้น้อยยามบกพร่อง

แต่เขากำลังเผชิญหน้ามหาเทพเต๋าอาโลกะ ตัวตนน่าสะพรึงกลัวอันเป็นอันดับสองในหมู่สิบสามข้ารับใช้เต๋าแห่งภูเขาผนึกเทพ

ในด้านความอาวุโส เขาอายุมากกว่าเฉินซีเกินนับเท่า ส่วนระยะเวลาการอยู่ในขอบเขตมหาเทพเต๋า ก็เนิ่นนานเกินเฉินซีจะเทียบได้

ยามนี้ การโจมตีสูงสุดของเขากลับถูกประเมินว่าอ่อนด้อย จึงทำให้สีหน้าของมหาเทพเต๋าอาโลกะแดงก่ำ เจียนกระอักเลือดด้วยโทสะสุมอก ไอ้เด็กเวรน่าฆ่านี่! เจ้ามัน… มัน… วอนตายโดยแท้!

แต่วาทะของเฉินซีทำให้มหาเทพเต๋ากาลวัฏเกิดความพรั่นพรึง รู้สึกคลับคล้ายว่าผู้ช่วงชิงคนนี้มิได้คุยโวเกินจริง

เพราะถึงอย่างไร จะมีมหาเทพเต๋าผู้ใดในหล้าทำได้เช่นเฉินซีบ้าง? พวกเขารับการประสานจู่โจมจากสองข้ารับใช้เต๋าหลังเพิ่งบรรลุขอบเขตมหาเทพเต๋าได้ง่าย ๆ เช่นอีกฝ่ายหรือ?

หรือผู้ใดก็ทลายการโจมตีสูงสุดของมหาเทพเต๋าอาโลกะได้เพียงหนึ่งก้าวเท้า?

ด้วยเหตุนี้ หากจะพูดว่าเฉินซีลำพองทะนงตัว ทั้งสองคงโง่งมสายตาสั้นยิ่งนัก

ขณะที่ความคิดมากมายแล่นพล่านในมโนสำนึกของมหาเทพเต๋ากาลวัฏและอาโลกะ เฉินซีก็เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ “ยามนี้ ข้าจะให้พวกเจ้าได้ประสบว่าแสงสว่างแท้จริงเป็นเช่นไร”

ทันทีที่วาทะถูกเอ่ย หัวใจของมหาเทพเต๋ากาลวัฏก็สั่นสะท้าน คลับคล้ายสัมผัสอันตรายสุดขั้ว

ขณะที่มหาเทพเต๋าอาโลกะเริ่มหัวเราะด้วยโทสะสุมใจ เจ้านี่อยากให้ข้าเผชิญพลังแห่งแสงเนี่ยนะ?

เฉินซีดูสุดเฉยเมยต่อเรื่องทั้งมวล ยามกล่าวจบ แสงสว่างสายหนึ่งพลันพุ่งออกจากร่าง มันกระจ่างใสเช่นแก้ว เจิดจรัสเกินตะวันผลาญ ทันทีที่ปรากฏ มันก็เรืองรองด้วยอำนาจยิ่งใหญ่ทันที

เมื่อมองจากไกล ๆ เฉินซีก็เหมือนเป็นลักษณ์จำแลงแห่งแสง มองลงจากเหนือสรรพชีวิต

แย่แล้ว! ม่านตาของมหาเทพเต๋ากาลวัฏหดตัว โคจรพลังเต็มที่อย่างไม่หยุดคิด

ขณะเดียวกัน มหาเทพเต๋าอาโลกะผู้เจียนบ้าด้วยโทสะพลันเผยสีหน้าตะลึงค้าง ร่างชะงักแน่นิ่ง เพราะมันคือปราณแห่งแสงจริงแท้ แต่เขาไม่เคยพบแสงอันบริสุทธิ์ สาดส่อง และยิ่งยงได้เพียงนี้!

ต้องทราบว่า เขาคือมหาเทพเต๋าอาโลกะ!

เพียงสมญานี้ลำพังก็เผยระดับความสำเร็จในเต๋าแห่งแสงของเขาได้แล้ว บนมหาเต๋านี้ ไร้ผู้ใดในหล้าเทียบตนได้!

ทว่าขณะนี้ เขากลับได้เห็นพลังแห่งแสงอันไม่เคยประจักษ์ สัมผัสปราณแห่งแสงอันทำให้ไร้ทางเลือกนอกจากร่างสะท้าน

เป็นไปได้เช่นไร?

เพราะผลกระทบที่เขาได้รับจากการตระหนักทราบว่าไอ้หนูคนหนึ่งซึ่งเพิ่งบรรลุขอบเขตมหาเทพเต๋าก้าวล้ำเขาบนวิถีเต๋าอันภาคภูมิสูงสุดไปแล้ว มหาเทพเต๋าอาโลกะจึงเกือบไม่อาจรักษาความเยือกเย็นไว้ได้!

ขณะนี้ เสียงของเฉินซีกึกก้องทั่วฟ้าดินเยี่ยงวจีมหาเต๋า ทำนองแห่งธรรมชาติ “หากฟ้าดินไม่มีข้า เฉินซีอยู่ อนธการจะยืนยงเยี่ยงนิรันดร์!”

ทุกถ้อยคำเลื่อนลั่นเช่นอัสนี เจือปราณมหาเต๋าอันเกินธรรมดา ยามสอดคล้องเป็นประโยคก็ดูราวมหาเต๋าทั่วโลกหล้าสนั่นลั่นรุนแรง

แม้คำเหล่านั้นจะเรียบง่ายเฉียบขาดอย่างยิ่ง แต่เจือด้วยน้ำเสียงอหังการถือตนกว่าครั้งใด

หากฟ้าดินไม่มีข้า เฉินซีอยู่ ตราบกาลล้วนสิ้นแสง อนธการจะยืนยงเยี่ยงนิรันดร์!

ทั่วโลกหล้า จะมีมหาเทพเต๋าผู้ใดกล้าเอ่ยคำต้องห้ามของภูเขาผนึกเทพอันปกคลุมด้วยบัญชาและกฎเต๋าสวรรค์เช่นนี้บ้าง?

โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาเห็นร่างของมหาเทพเต๋ากาลวัฏพุ่งออกมาจากภายใน สีหน้าของพวกเขาก็แปรเปลี่ยน หรือผู้ช่วงชิงจะตกตายไปแล้ว? พวกเขาไม่มีแม้แต่เวลาสร่างตะลึง ก็ต้องตกใจกันอีกครั้งยามสังเกตเห็นมหาเทพเต๋ากาลวัฏเปลี่ยนสภาพเป็นเส้นแสง พุ่งหนีไปไกลทันทีที่ปรากฏ ความเร็วสูงส่งสุดขั้ว หายวับรวดเร็วไร้ร่องรอย

ทว่าผู้อาวุโสในหมู่ผู้รุกรานเต๋าบางตัวตนซึ่งมีการบ่มเพาะสูงส่งต่างทราบทันทีว่ามหาเทพเต๋ากาลวัฏเหมือนกำลังหนีหัวซุกหัวซุน!

หรือว่า….

ในตอนนั้นเอง ร่างของเฉินซีปรากฏจากท่ามกลางรัศมีศักดิ์สิทธิ์ทั่วนภา

เพียงพริบตา ทั่วทิศก็ตกอยู่ในความเงียบสงัด!

ในเมื่อมหาเทพเต๋ากาลวัฏหนีกระเจิง แล้วมหาเทพเต๋าอาโลกะเล่าอยู่หนใด? หรือจะตายไปแล้ว?

ยอดฝีมือจากเผ่าผู้รุกรานเต๋าทั้งหลายตะลึงจิตหลุด เพราะสถานการณ์นี้เกินเข้าใจไปไกลโข มิคาดคิดสักนิดว่าเฉินซีที่พวกตนคาดว่าคงตายแน่จะรอดมาได้!

เรื่องเกินเข้าใจเป็นที่สุดคือ ตัวตนน่าสะพรึงกลัวอย่างมหาเทพเต๋ากาลวัฏหนีกระเจิงหัวซุกหัวซุน และกระทั่งมหาเทพเต๋าอาโลกะยังหายสิ้นไร้ร่องรอย!

มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?

ทันทีที่เขาปรากฏตัว เฉินซีทำเพียงกวาดสายตามองไปไกล ก็สบร่างอันหนีกระเจิงของมหาเทพเต๋ากาลวัฏได้ทันที แล้วรอยยิ้มเฉยชาอันเล็กจ้อยก็ยกขึ้นที่มุมปาก

เขามิได้ไล่ตาม ทว่าเพียงไม่กี่อึดใจต่อมา หนึ่งเสียงแผดร้องอันตกใจและเดือดดาลสุดขีดก็เลื่อนลั่นมาจากแสนไกล “เวรเอ๊ย! นี่มันพลังอะไรกัน! เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? ทำไมกัน?”

ปรากฏว่านั่นคือเสียงของมหาเทพเต๋ากาลวัฏ ทว่ามันเจือด้วยความหวาดผวาและสิ้นหวังอันถมทวี

ยอดฝีมือจากเผ่าผู้รุกรานเต๋าทั้งหลายได้ยินแล้วก็ขวัญสะท้าน ทั่วร่างยะเยือกหนาว เพราะพวกเขาสังเกตพบทันทีว่าปฏิกิริยาผิดปกติของมหาเทพเต๋ากาลวัฏเหมือนจะเกี่ยวข้องกับเฉินซี!

แต่ว่า… เขาทำเช่นนี้ได้อย่างไร?

“เฉินซี! หรือเจ้าตั้งใจจะไร้ปรานีจนตายไปข้างกันจริง ๆ? ทั้งหมดนี้เป็นคำสั่งของนิกายอำนาจเทวะ ศัตรูของเจ้าคือนิกายอำนาจเทวะต่างหาก!” เสียงของมหาเทพเต๋ากาลวัฏดังลั่นขึ้นอีกครั้งอย่างสุดสิ้นหวัง “เราหามีความแค้นใดต่อกันไม่ ครั้งนี้เป็นความผิดเราเอง ข้าหวังว่าเจ้าจะให้โอกาสข้าได้กลับตัว ไว้ชีวิตข้าเถิด ได้หรือไม่?”

ยอดฝีมือจากเผ่าผู้รุกรานเต๋าทั้งหลายต่างผงะ หัวใจสั่นสะท้านเกินควบคุม ปรากฏว่ามหาเทพเต๋ากาลวัฏยอมรับผิด! เขากำลังขอความเมตตาจากผู้ช่วงชิงซึ่งเพิ่งบรรลุขอบเขตมหาเทพเต๋า!!

ไม่อาจเข้าใจได้เลย!

“ความผิดของเจ้า ชดใช้ได้เพียงความตาย” เฉินซียังคงยืนนิ่งกับที่ สองมือไพล่ไว้เบื้องหลัง น้ำเสียงเยือกเย็นเฉยชา ไร้ซึ่งอารมณ์อื่นใด

หลังจากความเงียบครู่ มหาเทพเต๋ากาลวัฏก็แผดเสียงสนั่นโสต แล้วอีกหนึ่งชั่วครู่ เขาก็ทิ้งทุกการขัดขืน เหมือนสัมผัสแล้วว่าความตายอยู่ไม่ไกลนัก และถามด้วยน้ำเสียงคับข้อง “บอกได้หรือไม่ ว่านี่คือพลังอะไรกัน? เหตุใดจึงหยุดข้ามิให้จากไปได้? กระทั่งแยกจิตสำนึกของข้าจากโลกภายนอกได้ด้วย….”

เฉินซีครุ่นคิดพักหนึ่ง ก่อนจะพินิจไปรอบ ๆ และกล่าวไม่กี่คำด้วยเสียงแผ่วเบาในยามท้าย “นี่คืออาณาเขตยอดเทวาของข้าเอง”

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]