เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 2168

บทที่ 2168 พบกันอีกครั้ง

………………..

บทที่ 2168 พบกันอีกครั้ง

ณ สถานที่ห่างไกลจากแดนก่อกำเนิดบาป

สถานที่แห่งนี้เกือบจะเป็นสมรภูมิที่สอง มหาสมุทรโลหิตศักดิ์สิทธิ์ ตราบใดที่มีคนมาถึงที่นี่ก็ต้องผ่านค่ายที่มั่นซึ่งเป็นของผู้พิทักษ์เต๋า เพื่อกลับไปสู่โลกภายนอกอย่างรวดเร็ว

มหาเทพเต๋าอาโลกะ มหาเทพเต๋ากาลวัฏ และมหาเทพเต๋าอสนีบาตได้เข้าไปในแหล่งกำเนิดแห่งบาปเต๋าผ่านทางค่ายที่มั่น ก่อนที่พวกเขาจะออกเดินทางเพื่อช่วงชิงดวงจิตสังสารวัฏ

แต่ในขณะนี้ มหาเทพเต๋าอสนีบาตกลับถูกสังหารอย่างน่าสังเวชภายใต้กระบี่สังสารวัฏ ในขณะที่มหาเทพเต๋าอาโลกะประสบชะตากรรมที่น่าสังเวชยิ่งกว่า เพราะเขาเสียชีวิตภายใต้มหาเต๋าแห่งแสงสว่าง ที่เขาเชี่ยวชาญมากที่สุด

ข้ารับใช้เต๋าคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ มหาเทพเต๋ากาลวัฏหนีหัวซุกหัวซุนด้วยความตื่นตระหนก

มหาสมุทรโลหิตศักดิ์สิทธิ์อยู่ไม่ไกล และสถานที่ตั้งค่ายที่นำไปสู่โลกภายนอกนั้นอยู่อีกด้านหนึ่งของมหาสมุทร

ในยามปกติ การเดินทางในระยะทางเพียงเท่านี้จะใช้เวลาเพียงชั่วครู่สำหรับตัวตนเช่นมหาเทพเต๋ากาลวัฏ

ทว่าตอนนี้ ระยะทางดังกล่าวเป็นเหมือนหุบเหวระหว่างความเป็นความตาย และมหาเทพเต๋ากาลวัฏไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้เลย!

ความหวังของเขาอยู่ตรงหน้า แต่ไม่อาจคว้ามาได้ นั่นก็เพียงพอให้เขาคลุ้มคลั่งแล้ว!

มหาเทพเต๋ากาลวัฏก็ไม่มีข้อยกเว้น ใบหน้าที่ซีดเซียวเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและอับจนปัญญา ดวงตาเฒ่าชราเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจและความคับข้องใจ

ดูเหมือนเขาจะสูญเสียพลังทั้งหมด และนั่งยอง ๆ ด้วยความหดหู่ใจ พลางจ้องมองไปอีกฟากหนึ่งของมหาสมุทรโลหิตศักดิ์สิทธิ์ ท่าทางคล้ายสูญเสียดวงวิญญาณ และเจอทางตัน

เขาเป็นวิญญาณที่เกิดจากบัญชาเต๋าสวรรค์ สามารถควบคุมพลังแห่งกาลเวลาตั้งแต่กำเนิดมา ยิ่งไปกว่านั้น เขายังอยู่ในอันดับสองในบรรดาสิบสามข้ารับใช้เต๋า จนถึงทุกวันนี้ เขามักจะดูถูกสิ่งมีชีวิตทั้งหมดเหมือนราชันผู้ครอบครองพลังอันศักดิ์สิทธิ์อันไร้ขอบเขต

ทว่าบัดนี้….

เขาหวาดกลัวเยี่ยงสุนัข!

หรือเลวร้ายยิ่งกว่า!

มหาเทพเต๋ากาลวัฏใกล้จะพังทลายจากการประสบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ไม่คิดเลยว่า นอกจากพลังสังสารวัฏแล้ว ยังมีคนที่สามารถฆ่าตัวตนเช่นพวกเขาได้จริง ๆ

ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่เคยคิดเลยว่า ตนจะถูกบีบให้ตกสู่สภาวะเช่นนี้โดยผู้ช่วงชิงที่เพิ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตมหาเทพเต๋า

ส่วนที่น่าขันที่สุด คือกลิ่นอายที่คุ้นเคยอย่างยิ่งได้แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของอีกฝ่ายกลับเป็นพลังแห่งกาลเวลา เป็นรูปแบบหนึ่งของพลังแห่งกาลเวลาที่แม้แต่เขา ผู้เป็นมหาเทพเต๋ากาลวัฏยังไม่เคยเห็นมาก่อน!

พลังนี้โผล่ขึ้นมาอย่างไร้ร่องรอย ปกคลุมพื้นที่อันกว้างใหญ่ของโลกนี้ และเติมเต็มมาตั้งแต่ครั้งโบราณกาล

พลังนี้น่ากลัวอย่างยิ่ง เพราะแม้แต่มหาเทพเต๋ากาลวัฏยังไม่สามารถหลบหนีหรือหลีกเลี่ยงมันได้เลย เขาทำได้เพียงเฝ้าดูอย่างจนปัญญา เมื่อพลังชีวิตและอายุขัยในตัวถูกพรากไปอย่างไร้ความปรานี

ผิวของเขาเหี่ยวย่น พลังชีวิตถูกสูบ กระดูกถูกลมกัดกร่อนและหายไปทีละนิด ผมยาวกลายเป็นสีขาวเหมือนหิมะ ก่อนที่จะร่วงหล่นเป็นกระจุก… .

นี่คือพลังแห่งกาลเวลา!

มหาเทพเต๋ากาลวัฏคุ้นเคยกับมันดี แต่ก็ไม่คุ้นเคยในเวลาเดียวกัน เพราะเขาไม่เคยสัมผัสกับพลังแห่งกาลเวลาเช่นนั้นมาก่อน

สิ่งนี้ทำให้เขานึกถึงมหาเทพเต๋าอาโลกะที่เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้ และรู้สึกขมขื่นในใจ ไม่นึกเลยว่าข้าจะต้องตายด้วยน้ำมือของพลังที่คุ้นเคยมากที่สุด เช่นเดียวกับมหาเทพเต๋าอาโลกะ…

นี่คืออาณาเขตยอดเทวาของคนผู้นั้นเหรอ?

มหาเทพเต๋ากาลวัฏเงยหน้าขึ้นด้วยความยากลำบาก และการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็เหมือนต้องเค้นพละกำลังทั้งหมดในกาย เขาในยามนี้ดูเหมือนศพที่กำลังจะเน่าเปื่อย และสลายไปกับสายลม

แต่ทำไมข้าถึงไม่เห็นมันล่ะ?

มหาเทพเต๋ากาลวัฏ มึนงง ฟ้าดินนั้นไร้ขอบเขตและเงียบสงบเช่นเคย ซึ่งเขาไม่สามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันเป็นเอกลักษณ์ของอาณาเขตยอดเทวาได้อย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตาม มหาเทพเต๋ากาลวัฏมั่นใจมากว่า มันยังคงอยู่ที่นั่น แม้จะมองไม่เห็น แต่ก็มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง!

ไม่เช่นนั้นเขาคงมาถึงอีกฟากหนึ่งของมหาสมุทรและหลบหนีไปแล้ว ไม่อยู่ให้ถูกกัดเซาะด้วยพลังแห่งกาลเวลาอันไม่มีที่สิ้นสุด และรอให้ความตายมาถึงเช่นนี้แน่

มิฉะนั้น….

มหาเทพเต๋ากาลวัฏรู้สึกท้อแท้และหดหู่ อย่างไรก็ต้องตายอยู่ ไยยังต้องคิดมากอีก?

ใช่แล้ว ความตายกำลังมาเยือน ดังนั้นมันไม่สำคัญ ไม่ว่าข้าจะรู้สึกไม่เต็มใจหรือสิ้นหวังแค่ไหนก็ตาม

ฟิ่ว! ฟิ่ว!

คลื่นลมพัดมา จากนั้นร่างของมหาเทพเต๋ากาลวัฏก็กลายเป็นธุลีที่หายไปในอวกาศ กลายเป็นความว่างเปล่า กลิ่นอายและร่องรอยทั้งหมดถูกกำจัดออกไปจากโลก

มหาเทพเต๋ากาลวัฏเสียชีวิตไปเช่นนั้น แม้ในห้วงสุดท้ายของชีวิต ก็ยังไม่สามารถทราบได้อย่างแน่ชัดว่าเฉินซีทำสิ่งนี้สำเร็จได้อย่างไร และมันก็กลายเป็นคำถามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา ก่อนที่เขาจะสิ้นชีพไป

แดนก่อกำเนิดบาป

เฉินซีซึ่งยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบ ๆ ได้ถอนสายตาและกวาดไปที่ผู้เยี่ยมยุทธ์ของเผ่าผู้รุกรานเต๋าที่ยืนอยู่ข้างหลัง

ในบรรดาทายาทศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ที่นี่ มีมหาเทพเต๋าไม่กี่สิบคนเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ยังมีลูกหลานจำนวนมากจากเผ่าต่าง ๆ ภายในแดนก่อกำเนิดบาป ซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยความรกร้าง

แต่ไม่ว่าเป็นใคร ใบหน้าของพวกเขาทั้งหมดก็เต็มไปด้วยความงุนงง ประหลาดใจ หวาดกลัว และแม้กระทั่งแสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์

เพราะพวกเขาไม่เคยคิดเลยว่า การต่อสู้ที่พวกเขาคิดว่าเป็นการต่อสู้จนตัวตาย กลับต้องจบลงในลักษณะนี้

ผู้ช่วงชิงไม่ตาย ตรงกันข้าม ข้ารับใช้เต๋าทั้งสามกลับถูกบดขยี้อย่างต่อเนื่อง!

“เพราะข้ากำลังจะไปต่อสู้กับข้ารับใช้เต๋าเหล่านั้น เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เสียงที่สงบและไม่แยแสดังขึ้น แต่ร่างของเฉินซีหายไปในขอบฟ้า

ชื่อชิงอิงและคนอื่น ๆ ต่างตกตะลึง อารมณ์ที่ซับซ้อนยากอธิบายพุ่งเข้าสู่หัวใจของพวกเขาทุกคน

ในเวลานี้ ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจฉับพลัน ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเข้าใจเฉินซีผิดมาตั้งแต่ต้น เพราะคนผู้นี้ไม่ใช่ศัตรูของพวกเขา และดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์กับปฐมบรรพชนของพวกเขาด้วยซ้ำ!

อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้อธิบายอะไรเลยสักคำ ซ้ำยังบดขยี้มหาเทพเต๋าอาโลกะ มหาเทพเต๋ากาลวัฏ และมหาเทพเต๋าอสนีบาตให้ด้วย!

ตอนนี้เฉินซีกำลังจะจัดการกับข้ารับใช้เต๋าคนอื่น ๆ อีกด้วย ทำไมล่ะ? คำตอบก็ชัดเจนในตัวเอง เขาตั้งใจขจัดปัญหาที่อาจเกิดขึ้น เพื่อความอยู่รอดของเผ่าพวกเขา!

เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ และหวนนึกถึงท่าทีที่พวกเขามีต่อเฉินซี รวมถึงถ้อยคำเยาะเย้ยเหยียดหยาม…. ผู้เยี่ยมยุทธ์ทั้งหมดจากเผ่าผู้รุกรานเต๋าก็รู้สึกถึงอารมณ์ที่ซับซ้อนอย่างมากในใจ

ทั้งความรู้สึกไม่ดีและความเกลียดชังที่มีต่อเฉินซีลดลงอย่างมาก และหลายคนถึงกับเริ่มยอมรับตัวตนของเฉินซี

หืม?

ทันทีที่มาถึงเบื้องหน้ามหาสมุทรโลหิตศักดิ์สิทธิ์ เฉินซีก็หยุดเคลื่อนไหวทันทีและมองไกลออกไป

มีร่างหนึ่งวูบไหวเข้ามา เขามีท่าทางที่เยือกเย็นและสง่างาม มีรูปลักษณ์งดงาม ดูชัดเจนราวกับอยู่ในโลกอื่นดุจสรวงสวรรค์

เขาสะพายหอกสีแดงเข้มดุจโลหิตอยู่บนหลัง ทั้งยังแผ่กลิ่นอายที่ครอบครองโดยผู้ที่เพิ่งบรรลุสู่ขอบเขตมหาเทพเต๋าเท่านั้น

แท้จริงแล้วเขาคือ ชื่อฉู่เกอจากตระกูลชื่อระดับสูงของตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์!

แต่ทำไมเขาถึงมาที่นี่? เฉินซีตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ไม่สนใจชื่อฉู่เกออีก ทะยานไปยังมหาสมุทรโลหิตศักดิ์สิทธิ์

“เฉินซี!” ทว่ากลับเป็นชื่อฉู่เกอที่ร้องเรียกเขา

“มีอันใด?” เฉินซีขมวดคิ้ว เขาไม่มีความประทับใจที่ดีต่อชื่อฉู่เกอนัก แต่ก็ไม่อาจกล่าวได้ว่าเกลียดมากเช่นกัน

“ข้าต่อสู้มาตลอดทาง ในที่สุดก็ทะลวงขอบเขตไปเมื่อวานนี้ ข้ามั่นใจว่าข้ามีความสามารถพอที่จะต่อสู้กับเจ้าในตอนนี้” ชื่อฉู่เกอมีท่าทางสงบขณะกล่าวอย่างเยือกเย็น ดวงตาเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง

“ข้าให้โอกาสเจ้าแล้ว หยุดทำตัวเองขายหน้าเสียที” เฉินซีเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา

ชื่อฉู่เกอดูเหมือนจะไม่แยแสกับเรื่องนี้ “อย่าเข้าใจผิด ตั้งแต่ข้าเริ่มบ่มเพาะจนถึงตอนนี้ ข้าชื่อฉู่เกอไม่เคยทำตามคำสั่งของผู้ใด การฆ่าเจ้าไม่มีความหมายสำหรับข้าเลย”

เฉินซีจมอยู่กับความคิด “แล้วทำไมเจ้าถึงทำเช่นนี้?”

ชื่อฉู่เกอเงียบไปสักพัก ก่อนจะกล่าวว่า “ตั้งแต่ข้าเริ่มบ่มเพาะมาตั้งแต่อายุยังน้อย ข้ามุ่งความสนใจไปที่เส้นทางไปสู่ เต๋าของตัวเองอย่างต่อเนื่อง และข้าก็ไม่สนใจสิ่งอื่นใดในโลก แต่หลังจากที่เจ้าปรากฏตัว ข้าจึงได้ตระหนักได้ว่า แม้แต่ข้าก็ยังรู้สึกอิจฉา ไม่เต็มใจ และตั้งคำถามถึงความแข็งแกร่งของตัวเอง ดวงจิตแห่งเต๋าของข้า… อยู่ในความสับสนวุ่นวายอย่างสิ้นเชิง….”

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]