บทที่ 2170 ไป
………………..
บทที่ 2170 ไป
ค่ายที่มั่นค้อนมหันตา
บรรยากาศภายในค่ายหนักหน่วงขึ้นมา
นับตั้งแต่ม่านแสงในการต่อสู้แดนก่อกำเนิดบาปแตกสลายลง บรรยากาศในค่ายก็เงียบสงัดมาตั้งแต่ตอนนั้น
ข้ารับใช้เต๋าทั้งหลายเผยสีหน้ามากมายหลายแบบยามคิดเรื่องหนักใจ
พวกเขาเห็นดอกบัวศักดิ์สิทธิ์เก้าสีจำนวนมากปรากฏขึ้นปกคลุมแดนก่อกำเนิดบาป ก่อนที่ม่านแสงจะแตกสลายลง เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า ปฐมบรรพชนแห่งผู้รุกรานเต๋าปรากฏตัวแล้ว
ข้ารับใช้เต๋าลำดับที่หนึ่ง มหาเทพเต๋าสวรรค์พิโรธ ถึงขนาดบอกว่าร่างหลักของปฐมบรรพชนแห่งผู้รุกรานเต๋าถูกทำลายไปนานแล้ว เหลือเพียงเศษเสี้ยวจิตสำนึกไว้เท่านั้น อีกทั้งมันยังไม่แกร่งเท่ากาลวัฏ อาโลกะ และมหาเทพเต๋าอสนีบาตรวมพลังกันด้วย
ทว่าพวกเขารออยู่นานก็ไม่เห็นร่องรอยว่า สามข้ารับใช้เต๋าจะกลับมาพร้อมกับดวงจิตสังสารวัฏเลย ดังนั้นจึงได้แต่ยืนตกตะลึงอยู่เช่นนี้
หรือจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นภายในแดนก่อกำเนิดบาป?
ไม่มีใครอาจล่วงรู้ถึงคำตอบได้
กระทั่งมหาเทพเต๋าสวรรค์พิโรธยังไม่อาจล่วงรู้สิ่งที่เกิดขึ้นภายในแดนก่อกำเนิดบาปได้อีกต่อไป
จริง ๆ แล้วเรื่องนี้แปลกอยู่บ้าง เพราะปฐมบรรพชนผู้รุกรานเต๋าเหลือเพียงจิตสำนึกไว้เท่านั้น เหตุใดนางจึงสามารถยับยั้งข้ารับใช้เต๋าลำดับที่หนึ่ง ไม่ให้ล่วงรู้ถึงการณ์ภายในแดนก่อกำเนิดบาปได้กัน?
ทว่าข้ารับใช้เต๋าลำดับที่หนึ่ง ก็ไม่ได้อธิบายอะไร ดังนั้นข้ารับใช้เต๋าคนอื่น ๆ จึงไม่คิดถาม
แต่เมื่อเวลาผ่านไป บรรยากาศก็ยิ่งหนักหน่วงลงเรื่อย ๆ
ถึงแม้ว่าบริวารเต่าลำดับที่ห้า ลำดับที่สิบเอ็ด และลำดับที่สิบสาม ที่ไม่เห็นด้วยกับการร่วมมือกับนิกายอำนาจเทวะก็ยังมิวายรู้สึกกังวลใจขึ้นมา
พวกเขาเพียงแต่ไม่เห็นด้วยกับพวกมหาเทพเต๋ากาลวัฏ แค่ไม่เห็นด้วยเท่านั้นไม่ได้ทำให้พวกเขาถึงขั้นเข้าห้ำหั่นกันได้
รวมถึงการที่พวกเขาบ่มเพาะด้วยกันมานานตั้งแต่เกิดขึ้นมา ทุกคนจึงรู้สึกเหมือนเป็นพี่น้องกัน ความสัมพันธ์ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานนับปี เป็นความสัมพันธ์ที่ไม่อาจทำลายได้ไปนานแล้ว แค่การทะเลาะเล็กน้อยไม่อาจทำให้พวกเขาหันมาเป็นศัตรูกันได้
จึงไม่แปลกที่ข้ารับใช้เต๋าลำดับที่ห้า และคนอื่น ๆ จะรู้สึกเป็นห่วงพวกมหาเทพเต๋ากาลวัฏที่ตอนนี้ก็ยังไม่กลับมา
ทันใดนั้น ประตูวิหารในค่ายที่เดิมทีปิดสนิทก็พลันเปิดออก จากนั้นเงาร่างโอ่อ่าก็เดินออกมาจากด้านใน
เงาร่างนี้ราวกับเกิดจากแสงบริสุทธิ์ควบแน่นออกมา ไม่อาจมองใบหน้าได้ชัดเจน ทว่ากลิ่นอายดุดันก็เหนือชั้นจนน่ากลัว แต่ละย่างก้าวเต็มไปด้วยกลิ่นอายสูงสง่า คล้ายว่ามีอำนาจปกครองไปทั่วทั้งจักรวาล
เขาคือข้ารับใช้เต๋าลำดับที่หนึ่ง มหาเทพเต๋าสวรรค์พิโรธ!
เขามีพลังแห่งการพิพากษาในบัญชาเต๋าสวรรค์!
ใจข้ารับใช้เต๋าทั้งหลายสั่นสะท้านเมื่อได้เห็นข้ารับใช้เต๋าลำดับที่หนึ่ง ปรากฏตัวขึ้นในเวลาเช่นนี้ ทั้งยังสังเกตเห็นว่าสถานการณ์ดูไม่ปกติ
แน่นอนว่าข้ารับใช้เต๋าลำดับที่หนึ่ง ปรากฏตัวขึ้นแล้วก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ทุกคน เตรียมพร้อมรบเสีย นี่อาจจะเป็นศึกที่อันตรายที่สุดเท่าที่พวกเราเคยมีเลยก็ได้” น้ำเสียงเฒ่าชราเผยแววโหดเหี้ยม
ว่าไงนะ!?
ข้ารับใช้เต๋าคนอื่น ๆ หรี่ตาเล็กน้อย
“แดนชำระบาปทมิฬ สุญตา และวิญญาณสัประยุทธ์ ข้ารู้ว่าพวกเจ้าทั้งสามคนไม่อยากร่วมมือกับอำนาจเทวะ ข้าไม่โทษเจ้า แต่ก็ต้องวางความคิดทั้งหลายแล้วต่อสู้ไปพร้อมกัน” ข้ารับใช้เต๋าลำดับที่หนึ่ง กวาดสายตามองไปยังบริวารต่อลำดับที่ห้า ลำดับที่สิบเอ็ด และลำดับที่สิบสาม ระหว่างพูด ใช้น้ำเสียงออกคำสั่งที่ไม่อาจต่อต้านได้
ข้ารับใช้เต๋าลำดับที่ห้า และคนอื่น ๆ ได้แต่พยักหน้าพร้อมกันเงียบ ๆ เพราะเขารู้ดีว่าข้ารับใช้เต๋าลำดับที่หนึ่ง ไม่ได้พูดไปอย่างนั้น
สีหน้าของข้ารับใช้เต๋าลำดับที่หนึ่ง ดูคลายลงเล็กน้อย จากนั้นก็กวาดสายตามองลำดับที่หก เจ็ด และแปด แล้วกล่าวขึ้น “พวกเจ้าสามคนยืนยันอยู่ฝ่ายกลางมาตลอด ตอนนี้เจ้าต้องเลือกแล้ว”
ข้ารับใช้เต๋าลำดับที่หก มหาเทพเต๋าเบญจธาตุและข้ารับใช้เต๋าลำดับที่แปด มหาเทพเต๋าเหวโลหิตพยักหน้า “หากสถานการณ์เลวร้าย ข้าย่อมไม่อยู่เฉย ๆ แน่”
มีเพียงข้ารับใช้เต๋าลำดับที่เจ็ด มหาเทพเต๋าสูจิที่ยังเงียบอยู่นาน “ข้าอยากรู้เหตุผล”
ข้ารับใช้เต๋าลำดับที่หนึ่งเข้าใจนิสัยข้ารับใช้เต๋าลำดับที่เจ็ดเป็นอย่างดีจึงไม่ได้โกรธอะไร
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกวาดสายตามองทุกคน รู้ว่าอย่างไรก็คงปิดต่อไปไม่ได้ ดังนั้นจึงสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วค่อย ๆ เอ่ยขึ้น “กาลวัฏ อาโลกะ และอสนีบาต… จากไปแล้ว”
น้ำเสียงชรานั้นหนักหน่วงและเศร้าโศกยิ่ง
ทันใดนั้นรอบข้างก็พลันเงียบสนิท
ใจข้ารับใช้เต๋าสะท้าน ไม่อาจคุมความตกตะลึงในจิตใจได้ เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้อย่างไรกัน? จะมีใครที่สามารถสังหารข้ารับใช้เต๋าเช่นเราได้?
สวรรค์พิโรธคงไม่พูดเรื่องเช่นนี้เล่น ๆ หากกาลวัฏและคนอื่น ๆ ตายไปแล้วจริง ๆ แล้วตายด้วยฝีมือใคร?
อารมณ์ทั้งหลายพลุ่งพล่านดังคลื่นน้ำ หวีดหวิวผ่านในใจ ทำเอาเปลี่ยนสีหน้าเผยแววเศร้าโศกตกตะลึง
“แล้วรู้หรือไม่ว่าฝีมือใคร?” ข้ารับใช้เต๋าลำดับที่เจ็ดเอ่ยเสียงเย็น ใบหน้ายังคงเรียบเฉยดั่งหินผา ทว่าเจือจิตสังหารเยือกเย็นไว้อยู่
“เดี๋ยวเราก็รู้กันแล้ว” ข้ารับใช้เต๋าลำดับที่หนึ่งเอ่ยเนิบช้า


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...