บทที่ 2193 สังหารอาจารย์
………………..
บทที่ 2193 สังหารอาจารย์
ภาพเบื้องหน้าของเขาวูบไหว จากนั้นเฉินซีก็มาถึงท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว
ดาวจำนวนนับไม่ถ้วนโคจรอย่างต่อเนื่องเป็นวัฏจักรตามวิถีต่าง ๆ ทางเดินเป็นเหมือนเครื่องหมายของมหาเต๋า บ้างก็ยาว บ้างก็สั้น บ้างก็คดเคี้ยว บ้างก็ตรงดุจหอก บ้างก็วนเป็นวงกลม ดูเหมือนวิถีอันลึกซึ้งของอักขระยันต์ต่าง ๆ
เฉินซีรู้สึกเหมือนว่าเขาสามารถมองเห็นมือที่มองไม่เห็น ซึ่งใช้โลกเป็นกระดาษยันต์อักขระ มีดวงดาวมากมายเป็นพู่กันยันต์อักขระ และใช้เคล็ดวิชารังสรรค์ยันต์อักขระที่เหนือจินตนาการเพื่อแสดงให้เห็นถึงความลึกซึ้งของมหาเต๋าอย่างเต็มที่ มันลึกซึ้งจนเกินบรรยาย
เหตุดังกล่าวคุ้นเคยกับเฉินซีมาก
มันคุ้นเคยจนถึงจุดที่เขารู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับไปสมัยที่เขายังเด็กอยู่
ในเวลานั้น เขาเป็นตัวซวยที่ผู้คนทั่วทั้งเมืองหมอกสนเยาะเย้ย และแม้ว่าเขาจะบ่มเพาะอย่างอุตสาหะ แต่การบ่มเพาะของเขาก็ไม่สามารถทะลวงผ่านได้เลย
เหตุการณ์ทั้งหมดดำเนินไปจนกระทั่งคืนหนึ่งที่เงียบสงบ เมื่อเขาสังเกตเห็นจี้หยกที่อยู่ในแม่กุญแจอายุยืนที่เขาครอบครอง และเขาก็เข้าไปในเคหาลึกลับ
ในขณะนั้น มันเหมือนกับว่าพลังที่มองไม่เห็นได้นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงในโชคชะตาของเขา ซึ่งได้เปิดประตูสู่โลกแห่งความฝันและไม่เป็นจริงให้กับเฉินซี
เขาเห็นภาพดาวจำนวนนับไม่ถ้วนที่ปกคลุมท้องฟ้าเป็นครั้งแรกหลังประตูนั้น และเขาก็เห็นเทวรูปของฝูซีที่นั่นเช่นกัน
เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ตอนนี้ เขาก็ตระหนักว่าจริง ๆ แล้วเขาได้กลายเป็นศิษย์ของเขาเทพพยากรณ์ และเป็นศิษย์ของฝูซีตั้งแต่นั้นมา
ฝูซี!
ชื่อนี้ปรากฏนับครั้งไม่ถ้วนตลอดชีวิตของเฉินซี
ตั้งแต่เขายังเด็กจนบัดนี้
ตั้งแต่เมืองหมอกสน ดินแดนทางใต้ ราชวงศ์ซ่ง สมรภูมิบรรพกาล แดนภวังค์ทมิฬ ภพเซียน แดนเทพโบราณ และมาตุภูมิหมื่นวิถีในขณะนี้
สิ่งที่น่าหัวเราะก็คือ แม้จนถึงขณะนี้ เขาจะบรรลุขอบเขตมหาเทพเต๋า หลอมรวมเข้ากับแผนภาพวารีหลากที่สมบูรณ์ และเมื่อเห็นความลับของมหาวิถี เฉินซีก็ไม่เคยพบกับฝูซีเลย!
พวกเขาเป็นอาจารย์และศิษย์ แต่กลับไม่เคยพบกันเลย ดังนั้นความสัมพันธ์ดังกล่าวจึงเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อจริง ๆ
อย่างไรก็ตาม เฉินซีตระหนักดีว่าอาจารย์ฝูซีของเขา มีผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อชีวิตของเขา อันที่จริงฝูซีมักจะอยู่ข้างหลังเขาตลอดชีวิตและเส้นทางการบ่มเพาะของเขา
ฝูซี อู๋เซวี่ยฉาน หลีหยาง จี้อวี๋ ตี้ซุน เหวินเต้าเจิน…. พวกเขาทั้งหมดเป็นคนของเขาเทพพยากรณ์ และดูเหมือนพวกเขาเป็นตัวแทนของฝูซี ซึ่งทุกคนต่างก็มี ‘ตราประทับ’ ที่ฝูซีทิ้งไว้เบื้องหลัง
แม้แต่เคล็ดวิชาที่เฉินซีบ่มเพาะ ยันต์เทวะที่เขาครอบครอง…. ทั้งหมดล้วนมีร่องรอยของฝูซีอยู่
พวกเขาไม่เคยพบกันเลย แต่ฝูซีกลับอยู่ทุกหนทุกแห่ง
เมื่อมองย้อนกลับไปในตอนนี้ เฉินซีก็ตระหนักชัดว่าอาจารย์ฝูซี ได้กลายเป็นสิ่งที่คอยค้ำจุนจิตใจของเขาไปจนสุดขั้วหัวใจ
เป็นเคหาของฝูซีที่เขาได้รับมรดก และทำให้เขาได้รับเคล็ดวิชาทุกประเภท
มันเป็นรูปแบบหนึ่งของอิทธิพลที่ไร้สุ้มเสียงโดยสิ้นเชิงและไม่อาจรับรู้ถึงมันได้ แต่มันได้เปลี่ยนชีวิตของเฉินซีอย่างมากมาย
มันเหมือนกับวัฏจักรของเหตุและผลในตอนนี้
เนื่องจากทุกสิ่งที่ฝูซีทำเพื่อเขา แม้ว่าเขาจะตระหนักดีว่ามาตุภูมิหมื่นวิถีนั้นอันตราย แต่เฉินซีก็ยังคงเดินทางมาที่นี่อย่างเด็ดเดี่ยว เพราะเขาต้องการช่วยเหลืออาจารย์ของเขาที่ไม่เคยพบมาก่อน
นี่คือผลกระทบ
เฉินซีรู้แจ้งทุกอย่างแล้ว ดังนั้นแม้เขาจะรู้ว่านิกายอำนาจเทวะได้วางกับดักนี้ และรู้ว่ามันอันตรายอย่างยิ่ง เฉินซีก็ยังเลือกที่จะเข้าไป
เฉินซีตระหนักดีว่าจ้าวนิกายอำนาจเทวะได้ทำสิ่งนี้ เพราะเขาต้องการใช้สิ่งนี้เพื่อสั่นคลอนและทำลายดวงจิตแห่งเต๋าของเขา!
ความภักดีและอารมณ์ คือช่องโหว่ที่อ่อนแอที่สุดในดวงจิตแห่งเต๋าของเขา
บัดนี้จ้าวนิกายอำนาจเทวะได้จองจำขังฝูซีและคนอื่น ๆ ไว้ที่นี่ ซึ่งชะตากรรมของพวกเขาก็หลุดพ้นจากการควบคุมของพวกเขาเมื่อนานมาแล้ว เช่นเดียวกับที่จ้าวนิกายอำนาจเทวะกล่าวไว้ ผลลัพธ์จะเหมือนเดิมไม่ว่าเฉินซีจะช่วยเหลือพวกเขาหรือไม่ก็ตาม
เนื่องจากฝูซีถูกจองจำ จึงเป็นไปไม่ได้ที่เฉินซีจะนิ่งเฉย เพราะมันจะทำให้ดวงจิตแห่งเต๋าของเขาไม่มั่นคงอย่างแน่นอน
หากฝูซีถูกฆ่า ก็เป็นไปไม่ได้ที่เฉินซีจะไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ และเขาก็จะต้องทนทุกข์ทรมานกับดวงจิตแห่งเต๋าของเขาเช่นกัน
ดังนั้นไม่ว่าเฉินซีจะพยายามช่วยฝูซีหรือไม่ก็ตาม ก็ไม่ได้สร้างความแตกต่างให้กับจ้าวนิกายอำนาจเทวะมากนัก มันเหมือนกับทางตัน ทั้งยังเป็นสิ่งที่มุ่งเป้าไปที่ความภักดีและอารมณ์ของเฉินซี!
…
“ไฉนถึงยังมา ทั้งที่รู้ว่าไม่ควร” เสียงถอนหายใจดังก้องและสะท้อนผ่านดวงดาวจำนวนนับไม่ถ้วน
สายตาของเฉินซีเพ่งไปที่ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวในระยะไกล เขาเห็นชายชราผู้เรียบง่ายสวมชุดผ้าฝ้ายนั่งขัดสมาธิเหนือดวงดาว ผมสีขาวของเขาห้อยลงมาด้านหลังอย่างหลวม ๆ ในขณะที่เขานั่งเหนือดวงดาวและมองลงมาจากด้านบน ก็แผ่กลิ่นอายอันกว้างใหญ่และลึกลับอย่างอธิบายไม่ได้
ฝูซี!
เมื่อนานมาแล้ว เฉินซีมักใช้เทวรูปของฝูซีมาเพื่อทำให้จิตใจของเขาสงบลง แล้วเขาจะจำคนที่เขาเห็นแต่ไกลในฐานะอาจารย์ของเขา ซึ่งเขาไม่เคยพบมาก่อนได้อย่างไร
ในขณะนี้ ฝูซีนั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่น ขณะที่ดวงดาวจำนวนนับไม่ถ้วนโคจรอยู่รอบ ๆ ตัวเขา เขาทรงพลังและเคร่งขรึม สายตาที่เขาจ้องมองไปที่เฉินซีก็เผยให้เห็นถึงอารมณ์ที่ซับซ้อน ซึ่งรวมถึงความรู้สึกสูญเสียและความพึงพอใจ
อีกฝ่ายคือฝูซีจริง ๆ!
เฉินซีแน่ใจว่ามันไม่ใช่ ‘ตราประทับ’ หรือเจตจำนง และมันคือร่างกายที่แท้จริงของฝูซี!
เพียงชั่วพริบตาเดียว ความตื่นเต้นที่อธิบายไม่ได้ก็ทะลักเข้าสู่หัวใจของเขา และทำให้ดวงตาของเฉินซีดูลึกซึ้งแต่ก็สุกใส
เสียงของเขาแผ่วเบาและมีร่องรอยของความขมขื่นที่สุดจะพรรณนา
ใบหน้าหล่อเหลาของเขาถูกปกปิดด้วยสีหน้าที่ซับซ้อนอย่างยิ่ง ในขณะที่รอยเลือดสีแดงสดก็ไหลออกมาจากริมฝีปากแต่ก็หายไปเกือบจะในทันที
“เจ้าฆ่าอาจารย์เหรอ?” ทันใดนั้น เสียงตะโกนที่ชัดเจน ซึ่งมีน้ำเสียงที่สง่างามเป็นพิเศษก็ดังขึ้น
ทันใดนั้น ลำแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีก็ปรากฏขึ้นในระยะไกล และจากนั้นก็ทอดยาวไปทั่วท้องฟ้าขณะที่มันเข้ามาใกล้ มีร่างที่บริสุทธิ์และสง่างามไร้ขอบเขตยืนอยู่บนลำแสงศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าสี
ขณะที่นางยืนอยู่ที่นั่น นางดูเหมือนเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดกราบไหว้ ไม่ว่านางจะไปที่ไหนก็ตาม
หนี่หวา!
เฉินซีลุกขึ้นยืน และเขาก็ระบุตัวตนของนางได้ทันทีเมื่อสังเกตเห็นกลิ่นอายบริสุทธิ์อันไร้ขอบเขตกำจายออกมา
“ไม่ ข้ากำลังช่วยอาจารย์ของข้า” เฉินซีส่ายศีรษะ ความโศกเศร้าซึ่งไม่สามารถกำจัดออกไปได้เข้าปกคลุมหว่างคิ้วของเขา
“ช่วยเขาเหรอ? หากเจ้าต้องการช่วยเขา เจ้าก็ไม่ควรมาที่นี่! ตอนนี้แทนที่จะคิดหาทางหลบหนี เจ้ากลับฆ่าอาจารย์ของตัวเอง! เจ้ามันอำมหิตนัก!” เสียงของหนี่หวาพุ่งสูงขึ้นราวกับเสียงคำรามของเต๋า และนางก็โกรธมาก
สีหน้าของเฉินซีซีดลงเล็กน้อย ซึ่งใคร ๆ ก็สังเกตเห็นได้ชัดว่าเขากำลังดิ้นรนและมึนงงจากภายในดวงตาสีดำสนิทของเขา ผ่านไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะกล่าวว่า “ผู้อาวุโส ท่านอาจารย์กล่าวว่า พวกเจ้าทุกคนเคยเห็นชีวิตและความตาย”
หนี่หวากล่าวอย่างเย็นชา “นั่นไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะฆ่าอาจารย์ของเจ้าได้!”
เฉินซีส่ายศีรษะ “ท่านเข้าใจผิดในสิ่งที่ข้าพยายามจะบอก ข้าแค่อยากถามท่านว่าท่านสามารถมอบชีวิตของท่านให้ข้าได้หรือไม่ หากข้าสามารถล้มจ้าวนิกายอำนาจเทวะได้”
แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีที่พราวและกว้างใหญ่ไหลผ่านร่างกายของหนี่หวา และส่องสว่างไปทั่วทั้งบริเวณ แต่ในท้ายที่สุด ดูเหมือนนางจะคิดอะไรบางอย่างได้และกล่าวว่า “บอกข้าสิ เจ้ามีความมั่นใจมาจากไหน?”
เฉินซีกล่าวว่า “ข้าไม่สามารถบอกท่านได้”
หนี่หวาเงียบไป
ฟึ่บ!
ในขณะนี้ ร่างของเฉินซี ก็หายไปในอากาศ ชั่วครู่ต่อมา เขาก็ปรากฏตัวต่อหน้าหนี่หวา แล้วเขาก็ฟาดฝ่ามือใส่คอนางเบา ๆ
ร่างกายของหนี่หวาทรุดลง ในขณะที่พลังชีวิตในตัวนางหายไป
ร่างของเฉินซีแกว่งไปมา หลังจากที่ทำสิ่งนี้ และสีหน้าของเขาก็ซีดลง เขาอดไม่ได้ที่จะถูหน้าผาก และดูเหมือนเขากำลังระงับบางสิ่งบางอย่างอย่างเข้มแข็ง
ในท้ายที่สุด เขาก็อดไม่ได้ที่จะกระอักเลือดออกมาเต็มปาก
เฉินซีอดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างขมขื่นและถอนหายใจ “ตามที่คาดไว้ ความภักดีและอารมณ์เป็นสิ่งที่อันตรายที่สุด ข้าตระหนักดีว่าการกระทำของข้าถูกต้อง แต่ข้าไม่สามารถหลีกเลี่ยงการประณามจากดวงจิตแห่งเต๋าของข้าได้….”
………………..

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...