บทที่ 2197.2 ลงทัณฑ์
………………..
บทที่ 2197.2 ลงทัณฑ์
“มันจะเป็นแบบนั้นไปได้อย่างไร? เหตุใดข้าถึงมองเรื่องนั้นไม่ออก?”
“เจ้าโกหก! พวกเจ้าทุกคนโกหก! ทั้งฟ้า ดิน ทุกสรรพสิ่งเป็นเพียงม่านควัน! เป็นพวกเจ้า! เป็นพวกเจ้าที่ทำให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น!!”
ผมของจ้าวนิกายอำนาจเทวะกระเซอะกระเซิง ใบหน้าซีดเซียวส่งเสียงหวีดคำรามอย่างบ้าคลั่ง แม้จะดูเหี้ยมเกรียม หากก็มีเพียงความสับสนและสิ้นหวังที่แฝงอยู่ในท่าทางนั่น
“อันที่จริง ข้าต้องขอบใจที่เจ้าช่วงชิงแผนภาพวารีหลากไปจากข้า เพราะมันทำให้ข้าสามารถเข้าใจในมหาวิถีของตนได้ จริงอยู่ที่ข้าต้องสูญเสียแผนภาพวารีหลากไป แต่สิ่งที่ข้าได้ตอบแทนคืนมาคือดวงจิตแห่งเต๋าที่แท้จริง!” เฉินซีพูดเนิบช้า
บอกตามตรงว่าเขาเองก็แอบถอนใจอยู่นาน ชะตากรรมของเขาเชื่อมโยงกับแผนภาพวารีหลากอย่างใกล้ชิดตั้งแต่ก่อนที่เขาจะเกิด ตลอดเส้นทางการบ่มเพาะจวบจนปัจจุบัน เขารวบรวมชิ้นส่วนของมันมาอย่างยาวนานและอาศัยพลังนั้นเพื่อฟันฝ่าอุปสรรคนานัปการที่เคยได้พบพาน
ตอนที่มาถึงมาตุภูมิหมื่นวิถีเป็นครั้งแรก เขาเองก็คิดเช่นเดียวกันว่าความลับที่แท้จริงของมหาวิถีคือการควบคุม พลังปฐมกาลภายในดินแดนแห่งนี้
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่แผนภาพวารีหลากถูกพรากไป และภายใต้ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตนั้น ในที่สุดเฉินซีก็มองเห็นวิถีที่แท้จริงของตน เขามองเห็นมหาวิถีที่ก้าวข้ามมาตุภูมิหมื่นวิถีและเหนือกว่าพลังปฐมกาลอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อน!
นั่นคือวิถีของเขา!
วิถีซึ่งสะท้อนตัวตนภายใน!
และนั่นคือตัวเขาเอง ตัวตนที่ปราศจากพลังของแผนภาพวารีหลาก ปราศจากพลังสังสารวัฏ ไม่ว่าจะพลังศักดิ์สิทธิ์ เต๋าแห่งกระบี่ จิตวิญญาณ หรือการหยั่งรู้ในเต๋าใด ๆ ล้วนไร้ซึ่งขอบเขตแบ่งชั้น
ก่อนที่ความตายจะเยือนย่ำ สิ่งเหล่านั้นถูกพรากไปสิ้นแล้ว เมื่อเขาสูญเสียทุกสิ่ง ชายหนุ่มจึงเหลือเพียง ‘ความว่างเปล่า’ เมื่อไร้ซึ่งสรรพสิ่ง หมอกควันก็คลายบดบัง เปิดเส้นทางให้มองเห็นหลาย ๆ สิ่งที่อยู่เบื้องนอก
นี่คือทัณฑ์สวรรค์
ตัวอักษรของคำว่าทัณฑ์สวรรค์ ‘劫’ นั้น ประกอบขึ้นจากคำว่า ‘去力’ ซึ่งหมายถึงขจัดพลังออกไป
ความหมายของมันก็คือการกำจัดพลังทั้งหมดเพื่อหวนคืนสู่ตัวตนที่แท้จริง!
และนี่คือเส้นทางสู่เต๋าของเฉินซี
มันข้ามผ่านขอบเขตที่เรียกว่าขีดจำกัดของโลก อยู่เหนือพลังปฐมกาล และไปได้ไกลยิ่งกว่ามาตุภูมิหมื่นวิถี!
เส้นทางนี้อยู่เหนือสามภพ อยู่เหนือเต๋านับร้อยพัน และอยู่เหนือขอบเขตของขีดจำกัดทั้งปวง!
นับแต่โบราณจนถึงปัจจุบันยังไม่มีใครเคยเห็นหรือรับรู้เรื่องเช่นนี้มาก่อน ทว่าบัดนี้ เฉินซีได้กลายเป็นคนแรกที่ก้าวข้ามเส้นแบ่งนั้นไปได้สำเร็จ!
หากเปรียบมาตุภูมิหมื่นวิถีเป็นดั่งเมล็ดพันธุ์ ความโกลาหลในสามภพนั้นคือช่วงเวลาแห่งการงอกใบอ่อน บรรดาโลกทั้งหลายทั้งปวงและมหาเต๋าที่ไร้ขอบเขตเป็นดั่งบุปผาตามก้านใบ และสิ่งที่ทำให้ดอกไม้เหล่านั้นเบ่งบาน สดใส ก็คือสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย
แต่หากมาตุภูมิหมื่นวิถีเป็นเมล็ดพันธุ์ แล้วในที่อื่น ๆ นั้นจะมีเมล็ดพันธุ์ที่ต่างออกไปหรือไม่? และใครที่เป็นคนหว่านเมล็ดเหล่านั้น?
คำถามนี้ ไม่ใช่ใครจะมองเห็นคำตอบโดยง่าย
สิ่งที่ไม่รู้ก็เหมือนประตูที่มองไม่เห็น!
บัดนี้เฉินซีได้ผลักบานประตูให้เปิดออก และทอดมองไปยังเส้นทางที่สะท้อนถึงตัวตนของเขาเอง
นี่คือความแตกต่างของการบรรลุและตรัสรู้
ทั้งจ้าวนิกายอำนาจเทวะ ฝูซี หนี่หวา และคนอื่น ๆ ทั้งหมด ปลายเส้นทางของมหาวิถีในสายตาของพวกเขาคือพลังปฐมกาล
มีเพียงเฉินซีเท่านั้นที่รู้ว่ามันยังไม่ใช่จุดสิ้นสุด เพราะปลายทางที่แท้จริงทอดยาวไปไกลเหนือประตูบานนั้น!
เมื่อเขาเข้าใจสิ่งนั้นแล้ว เขาก็สามารถมองทะลุเข้าไป ควบคุม และมองเห็นความแตกต่างของพวกมันอย่างชัดเจน
เป็นตอนนี้เองที่เฉินซีบรรลุซึ่งสภาวะดังกล่าว
ไม่ว่าเมื่อใดที่เขาต้องการ เขาก็สามารถเปลี่ยนร่างกายเป็นสังสารวัฏ เป็นแผนภาพวารีหลาก เป็นโลกและดวงดาวนับดารดาษบนจักรวาลกว้างใหญ่ ไม่มีอะไรที่เขาไม่อาจเป็นได้ ด้วยเหตุนี้ เขาจึงสามารถดำรงอยู่ได้ในทุกหนทุกแห่ง
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ไม่มีสิ่งใดที่ริอ่านเป็นขวากหนามทิ่มแทงเฉินซีได้อีกต่อไป เพราะแม้ว่าเขาจะไม่อาจควบคุมพวกมันได้ แต่ก็ไม่มีสิ่งใดที่จะอยู่เหนือไปกว่าเขาอีกแล้ว!
วิถีแห่งตัวต้นไร้ซึ่งขีดจำกัด!
จิตใจของจ้าวนิกายอำนาจเทวะพังทลายลงอย่างไม่เหลือชิ้นดี ผมที่ยุ่งเหยิงปรกไปทั้งใบหน้าซีดขาว กายที่ไร้ซึ่งความรู้สึกถูกอารมณ์ครอบงำให้ทนทรมาน หากมองให้ลึกลงไป จะเห็นว่าดวงจิตแห่งเต๋าของเขานั้นแหลกสลายสิ้นแล้ว!
เขาในยามนี้ไม่ต่างคนที่ตกอยู่ในสภาวะสิ้นหวังและคลุ้มคลั่ง ทั้งเกียรติยศ ศักดิ์ศรี ความหยิ่งผยองใด ๆ คล้ายถูกพรากไปไม่หลงเหลือ เช่นเดียวกับสติปัญญาและความเก่งฉกาจที่ปลาสนาการไปประหนึ่งไม่เคยมีมา
ดูเหมือนว่าเขาจะสูญเสียซึ่งทุกสิ่ง ชายผู้เคยเย่อหยิ่งยิ่งกว่าใคร ๆ บัดนี้คล้ายคนหลงทางที่มีสภาพไม่ต่างอะไรจากยาจก ไม่สิ มันย่ำแย่ยิ่งกว่ายาจกเสียอีก
ไม่เพียงเท่านั้น เขาไม่ได้สังเกตเลยว่าเฉินซีได้จากไปนานมากแล้ว ไม่มีแม้แต่ร่องรอยที่ถูกทิ้งเอาไว้ ราวกับว่าอีกฝ่ายไม่เคยมีตัวตนมาก่อน
ครั้งแรกที่พวกเขาพบกันในมาตุภูมิหมื่นวิถี ดวงจิตแห่งเต๋าของเฉินซีต้องทนทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดนานัปการที่เกิดจากความรู้สึกของตัวเอง ทว่าในท้ายที่สุด จ้าวนิกายอำนาจเทวะซึ่งได้ช่วงชิงแผนภาพวารีหลากและครอบครองพลังปฐมกาลก็กลายเป็นคนเสียสติก่อนจะเข้าไปสู่สังสารวัฏ
ครั้งที่สองที่พวกเขาพบกัน จ้าวนิกายอำนาจเทวะมองดูม่านแสงซึ่งแสดงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนที่เขาจะเข้าสู่สังสารวัฏ ในท้ายที่สุด จิตใจของเขาก็สูญเสียการควบคุมและกลายเป็นคนวิปลาส
จะเป็นอย่างไรหากการเผชิญหน้าครั้งที่สองปรากฏอยู่บนม่านแสงด้วย?
ตอนนี้เอง จ้าวนิกายอำนาจเทวะทอดมองไปยังม่านแสงทั้งสอง ม่านแสงแรกแสดงเหตุการณ์ตอนที่เฉินซีเข้ามาในมาตุภูมิหมื่นวิถีเป็นครั้งแรก
ในขณะที่ม่านแสงฉากที่สองนั้นกำลังแสดงภาพการเผชิญหน้าครั้งที่สองของพวกเขา สิ่งที่น่ากลัวก็คือร่างของจ้าวนิกายอำนาจเทวะบนม่านแสงฉากที่สองก็กำลังมองไปที่ม่านแสงแรกเช่นกัน…
เขาเฝ้ารอเฉินซี แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้ากลับมีเพียงม่านแสงสองอันเท่านั้น
จิตใจของเขาแตกสลายอีกครั้ง
ทั้งที่ไม่มีศัตรูอยู่เบื้องหน้า แต่กลับไม่อาจมองเห็นซึ่งความจริง ไม่แม้จะหลงเหลือดวงจิตแห่งเต๋าใด ๆ
นั่นคือสิ่งที่จ้าวนิกายอำนาจเทวะต้องเผชิญในการเผชิญหน้า ‘ครั้งที่สาม’
และจะเป็นอย่างไรหากแม้แต่การเผชิญหน้าครั้งที่สามก็ยังอยู่ในม่านแสงเช่นกัน?


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...