บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 221

บทที่ 221 ขึ้นคร่อม

บทที่ 221 ขึ้นคร่อม

เฉินซีรู้สึกว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่คับขัน เนื่องจากประกายในดวงตาของฟ่านอวิ๋นหลานนั้นแผดเผาและพุ่งพล่านเสมือนกับเป็นคบเพลิงสองดวงที่ลุกโชน ยิ่งไปกว่านั้น มันคือเปลวไฟแห่งตัณหา ซึ่งทำให้นางไม่หลงเหลือเหตุผลอีกต่อไป

ส่วนในอีกด้านหนึ่ง ชิงซิ่วอี้ก็ส่งเสียงครวญครางออกมาราวกับเสียงร้องของลูกแมวที่เต็มไปด้วยเสน่ห์อันเย้ายวน ซึ่งมันปลุกเร้าหัวใจให้รู้สึกซาบซ่านอย่างที่อธิบายไม่ถูก

ปัง

เมื่อเฉินซีได้ยินเสียงครวญครางนี้ เขาก็รู้สึกว่าจิตวิญญาณของตนเองสั่นไหว ในขณะที่ความปรารถนาที่กำลังพลุ่งพล่านอยู่ในใจนั้น เป็นดั่งคลื่นยักษ์ที่โหมกระหน่ำและไม่อาจสกัดกั้นได้อีกต่อไป เนื่องจากมันได้ถาโถมไปยังทุกส่วนของร่างกายอย่างดุเดือด ถึงแม้จะมีเศษเสี้ยวของเหตุผลที่ยังคงดิ้นรนอย่างยากลำบาก แต่มันก็เป็นเพียงความพยายามที่ไร้ประโยชน์ เพราะดูเหมือนว่ามันพร้อมที่จะถูกกำจัดโดยตัณหาที่ไร้ขอบเขตได้ทุกเมื่อ

“ให้… ให้ข้า…” เสียงพึมพำของฟ่านอวิ๋นหลานดังขึ้นที่ข้างหูของเฉินซี และทันใดนั้น ไม่ทราบว่านางไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน นางพลิกตัวขึ้นมา จากนั้นโผตัวเข้าสู่อ้อมแขนของเฉินซี

เฉินซีตกใจอย่างสุดขีด เขาสัมผัสได้ถึงร่างกายที่อ่อนนุ่มและอวบอิ่ม ที่ร้อนแรงดั่งมีเปลวไฟกำลังคุกรุ่น ซึ่งกำลังกดทับหน้าอกของเขาอย่างแนบแน่น แม้ว่าร่างของพวกเขาจะถูกขวางกั้นด้วยเสื้อผ้าที่ขาดวิ่น แต่ก็ยังรู้สึกได้ถึงความอ่อนนุ่มและอวบอิ่มของร่างนี้

ดูเหมือนว่าเขาจะพบเจอกับสถานที่สำหรับระบายความปรารถนาที่กำลังพุ่งพล่านอยู่ในใจ ซึ่งมันได้กระตุ้นร่างกายของเขาจนสั่นสะท้านอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้เขารู้สึกถึงความสุขและความพึงพอใจเป็นอย่างมาก

แต่เหตุผลสุดท้ายที่ยังคงเหลืออยู่ ดูเหมือนมันจะย้ำเตือนเขาว่า หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้อีกต่อไป เขาจะต้องกลายเป็นสัตว์ป่าที่ขับเคลื่อนด้วยตัณหา ดังนั้น เขาจึงร้องออกมาว่า “เจ้…า”

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะทันได้กล่าวออกไป ฟ่านอวิ๋นหลานก็จูบไปที่ปากของเขาด้วยริมฝีปากสีแดงสดอันบอบบางของนาง จากนั้นจึงใช้ลิ้นของนางพัวผันเข้ากับลิ้นของเฉินซี เสมือนกับงูตัวน้อยที่บิดตัวไปมาเข้าหากัน

ทันใดนั้น ร่างของเฉินซีก็รู้สึกราวถูกฟ้าผ่า และจิตใจของเขาก็ว่างเปล่าในทันที เหตุผลสุดท้ายที่ยังคงอยู่ในตัวเขา ถูกครอบงำด้วยตัณหาอันไร้ขอบเขตทันที และคล้ายมีเสียงหนึ่งกำลังดังกังวาลอยู่ในใจของเขาตอนนี้ซึ่งมันบอกให้เขาระบายตัณหาที่กำลังพลุ่งพล่านอยู่ในใจออกไป!

ตั้งแต่เฉินซีเริ่มบ่มเพาะมาจนถึงตอนนี้ เขาต้องแบกรับภาระต่าง ๆ มากมายอยู่เสมอมา ทำให้เขาไม่มีอารมณ์ที่จะสนใจความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงเลยแม้แต่น้อยเนื่องจากเขาได้อุทิศตนให้กับการบ่มเพาะเพื่อที่จะยกระดับความแข็งแกร่งของตนเอง

แต่เขากลับไม่คาดคิดมาก่อนว่า เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเช่นนี้จะเกิดขึ้นในระหว่างการเดินทางไปยังห้วงทะเลทรายมรณะในครั้งนี้ ซึ่งในตอนแรก เขาถูกชิ่งซิ่วอี้ไล่ตามด้วยเจตนาฆ่า แต่ทันใดนั้น ฟ่านอวิ๋นหลานก็ปรากฏตัวขึ้นและด้วยเหตุบังเอิญต่าง ๆ ก็ทำให้พวกเขาทั้งสามคนต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกไปด้วยกัน ซึ่งมันเป็นสถานการณ์ที่ทำให้พวกเขาไม่สามารถควบคุมหรือไม่อาจหลบหนีได้แต่อย่างใด

ในขณะนี้ พวกเขาไม่เหมือนกับผู้บ่มเพาะที่มุ่งมั่นสู่เส้นทางแห่งเต๋าอีกต่อไป แต่กลับเป็นเหมือนมนุษย์ปุถุชนทั่วไปที่ต้องดิ้นรนในโลกมนุษย์จากเรื่องต่าง ๆ อย่างขมขื่น ซึ่งอันได่แก่ การเกิด การตาย ความเจ็บป่วย ความชรา ความโลภ ความโกรธและความหลง

พวกเขาพากันจมดิ่งอยู่ในห้วงทะเลแห่งกิเลสตัณหาจนไม่มีกำลังพอที่จะข้ามไปสู่แดนปารามิตา

แม้ว่าจิตใจของเฉินซีจะได้รับการขัดเกลาจนแข็งแกร่งเหมือนเหล็ก และเจตจำนงของเขาก็เป็นดั่งภูเขาสูงตระหง่านที่ยากจะสั่นคลอน แต่ในขณะนี้ เขากลับไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

ปัง

กระแสปราณหยินจำนวนมหาศาลเข้าสู่ร่างกายของเฉินซี เสมือนกับสายฝนที่ตกลงมาจากท้องฟ้าหลังจากผ่านความแห้งแล้งเป็นเวลานาน มันได้หล่อเลี้ยงซ่อมแซมเส้นลมปราณและจุดชีพจรที่บาดเจ็บเสียหายอย่างหนักของเขาด้วยความเร็วที่น่าอัศจรรย์ ทุกส่วนในร่างกายของเขาดูเหมือนกำลังโห่ร้องและกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ นอกจากนี้ จิตวิญญาณของเขาก็สับสนวุ่นวาย ทำให้เขารู้สึกราวกับกำลังโอบกอดจักรวาล ท่องไปในสวรรค์และพิภพอย่างเพลิดเพลินจนหนำใจ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]