บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 245

บทที่ 245 ไล่ล่าอย่างบ้าระห่ำ

บทที่ 245 ไล่ล่าอย่างบ้าระห่ำ

เฉินซีกำลังหลบหนี

บัดนี้เขาได้ผสานเคล็ดวาตะเหินทะยานร่วมกับเต๋ารู้แจ้งแห่งนภาและสายลม ส่งให้ร่างกายเคลื่อนที่รวดเร็วดั่งลมพายุพัดพาห่างออกไปมากกว่าหกลี้ภายในพริบตา และเคลื่อนไปด้วยความเร็วนั้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งหายไปในห้วงทะเลทรายมรณะซึ่งกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา

เหตุที่ต้องรีบหนีเพราะหลังจากที่เขาถูกส่งออกมาจากขุมทรัพย์เฉียนหยวน ตอนแรกก็คิดว่าจะได้พักหายใจหายคอบ้าง แต่ไม่คาดคิดว่าทันทีที่ทะยานลงสู่พื้นดินกลับพบพวกของหวงฝู่ฉงหมิง หลิวเฟิ่งฉือ หม่านหงและคนอื่นอยู่ไม่ไกลกันนั้นเอง

แม้แต่อันเชี่ยนอวี้ หวังเต้าซวี่ รวมทั้งเจิ้นหลิวชิงก็ปรากฏว่าอยู่ไม่ไกลออกไปเท่าใดนัก

ถ้ามีแค่คนหรือสองคน เฉินซีก็ไม่เคยนึกกลัวที่จะต่อสู้กับพวกนั้นอยู่แล้ว

แต่นี่เป็นคนทั้งกลุ่ม! อีกทั้งเป็นผู้บ่มเพาะพลังขอบเขตแกนทองคำหยินหยางรุ่นเยาว์แห่งราชวงศ์ซ่งทั้งสิ้น!

ที่ร้ายยิ่งกว่าคนเหล่านี้เกลียดเฉินซีเข้ากระดูกดำและมีเจตนาแน่วแน่ที่จะฆ่าเขาให้ได้ ดังนั้นเมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ ชายหนุ่มจำต้องเลือกทางหนีเอาตัวรอดเท่านั้น

ฟิ้ววว! ฟิ้ววว! ฟิ้ววว!

เสียงท้องฟ้าถูกฉีกดังหวีดแหลมเสียดแทงแก้วหูมาจากข้างหลัง แม้ไม่หันไปมองเฉินซีก็รู้ว่าพวกหวงฝู่ฉงหมิงและคนอื่น ๆ ยังคงบินติดตามเขามาอย่างไม่ลดละ สถานการณ์ของเขาเวลานี้นับว่าเฉียดฉิวเป็นอย่างยิ่ง

เฉินซีรู้อยู่แก่ใจถึงสาเหตุที่กลุ่มคนไล่ตามเขาอย่างเอาเป็นเอาตายเช่นนี้

เพราะสมบัติล้ำค่าตั้งมากมายที่เขาครอบครองนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นเจดีย์บำเพ็ญทุกข์ ระเบียนแดนมรณะหรือแม้แต่พู่กันพิพากษามาร แต่ละอย่างล้วนเป็นของล้ำค่าซึ่งเทียบเท่ากับวัตถุโบราณอมตะทั้งสิ้น

นอกจากนี้เขาได้กวาดเอาสิ่งของจากขุมสมบัติจำพวกโอสถเหลวหยกนภาจำนวนเกือบแสนเม็ด ค่ายกลกระบี่ที่มาจากกระบี่ระดับปฐพีขั้นสูงนับหมื่นเล่มและยังมีวัตถุหายากอีกนับไม่ถ้วน มูลค่าของสมบัติล้ำค่าเหล่านี้มีจำนวนมีมากพอที่จะทำให้ใครต่อใครแทบเป็นบ้าทีเดียว

ยังไม่กล่าวถึงระหว่างการทดสอบในขุมสมบัติทั้งสามครั้ง เขายังได้กระบวนยุทธ์ระดับเต๋าครึ่งขั้น เพลงหมัดมหาทำลายล้าง โอสถทิพย์กำเนิดเต๋าที่อัดแน่นด้วยมหาเต๋าแห่งปฐพีและสลักสวรรค์ ซึ่งมีมูลค่าสูงเกินจินตนาการ

หากรวมสมบัติล้ำค่าทั้งหมดเข้าด้วยกันแล้ว แม้แต่เซียนสวรรค์ก็อาจมีความโลภจนถึงขั้นเกิดฆ่ากันตายเพื่อแย่งชิงมาไว้ครอบครอง นับประสาอะไรกับหวงฝู่ฉงหมิงและคนพวกนั้น

มนุษย์ยอมตายเพื่อแสวงหาโชคลาภเช่นเดียวกับสัตว์เดรัจฉานที่ยอมตายเพื่อแสวงหาอาหาร คำพูดนี้ยังใช้ได้กับทุกยุคยสมัย

เฉินซีรู้ถึงสถานการณ์ของตนในเวลานี้ดี เมื่อใดที่เขาถูกจับได้ต่อให้ไม่ตายก็คงเลี้ยงไม่โต ถึงเวลานั้นสมบัติล้ำค่าที่มีไว้ในครอบครองก็จะถูกปล้นเอาไปจนหมดไม่มีเหลือ เขาไม่มีทางยอมให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นโดยเด็ดขาด

เพราะเหตุนี้ตอนที่พยายามหลบหลีก เขาจึงไม่กล้าผ่อนฝีเท้าแม้สักขณะ เส้นประสาทตึงเปรี๊ยะกับกรามที่ขบกันจนขึ้นสันนูน ปราณแท้ กำลังกายและจิตวิญญาณทั้งหมดในกายทะยานถึงขีดสุดอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในขณะภาวะจิตกลับเย็นดุจก้อนน้ำแข็งสมองครุ่นคิดวิธีจัดการกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่

‘หวงฝู่ฉงหมิงและคนอื่นเป็นผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยาง ตราบใดที่ปราณแท้ของพวกเขามีโอสถมาเสริมพลังได้อย่างเพียงพอก็จะสามารถไล่ตามข้าต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ ข้าจะต้องหาที่ซ่อนตัวโดยเร็วที่สุด มิฉะนั้น ก่อนที่กำลังของข้าจะหมดลงและอาจกลายเป็นลูกไก่ในกำมือถึงตอนนั้นสถานการณ์ของข้าจะยิ่งแย่ไปกว่านี้…’

‘แต่ข้าจะหนีไปทางไหน สุสานอสูรร้ายอย่างนั้นหรือ เข้าไปในเขตพายุฝนฟ้าคะนองจะดีกว่าไหม หรือจะออกสู่ทะเลวิญญาณมรณะดี?’

“เฉินซี…ข้าจะให้โอกาสเจ้าครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย หยุดและจงเชื่อฟัง…ส่งสมบัติล้ำค่าทั้งหมดมาแล้วข้าจะไว้ชีวิตให้แก่เจ้า มิฉะนั้นถ้าให้ข้าจับได้ อย่าว่าแต่ตัวเจ้าเลย แม้แต่ญาติสนิทมิตรสหายก็ต้องถูกฝังไปพร้อมกันกับเจ้าด้วย!” ครู่หนึ่งขณะที่เฉินซีกำลังครุ่นคิดหาวิธีหลบหนีให้พ้นนั่นเอง เสียงกล่าวอย่างเย็นชาและเหี้ยมเกรียมของหวงฝู่ฉงหมิงก็ดังไล่หลังมาทันที คำพูดนั้นแฝงเจตนาสังหารอย่างเปิดเผย

ทว่าเฉินซีกลับทำหูทวนลม และยังตั้งหน้าทะยานหนีอย่างรวดเร็วโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดยั้งแม้แต่น้อย เขาเคยมีประสบการณ์ถูกคุกคามอย่างหนักหน่วงมาหลายครั้งหลายหน ซึ่งไม่ได้ทำให้เขากังวลใจอะไรมากนัก

แต่คำพูดท้ายประโยคที่แฝงเจตนาฆ่าอย่างแรงกล้าของหวงฝู่ฉงหมิง กลับทำให้เกิดแรงกระตุกวูบในใจของชายหนุ่มขึ้นมาทันที มีคนเคยพูดไว้ว่าอย่าให้ผู้บริสุทธิ์ต้องรับเคราะห์ คำขู่ของหวงฝู่ฉงหมิงเพื่อให้เฉินซียอมจำนนโดยคิดที่จะทำลายญาติสนิทมิตรสหายของเขา จะเป็นตราบาปที่ไม่อาจให้อภัย!

“เจ้ากำลังคิดว่าจะหนีได้อย่างไรสินะ ฮึ่ม! ต่อให้พระหนีได้แต่วัดไม่วิ่งตาม เจ้าก็จะหนีอย่างนั้นหรือ ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าตัวตนที่แท้จริงของเจ้าเป็นใคร ข้าจะไปจับตัวญาติพี่น้องสหายของเจ้ามาฆ่าให้หมด ทีนี้จะได้เห็นกันว่าเจ้าจะไม่ยอมให้จับและไม่ทำตามอยู่อีกไหม!” เสียงคำรามอย่างโหดเหี้ยมของหวงฝู่ฉงหมิงดังไล่หลังมาอีกครั้ง

ทันทีที่ได้ยินในใจของเฉินซียามนี้เปี่ยมล้นด้วยเจตนาสังหารที่พุ่งทะยานสุดกู่ สิ่งที่ชายหนุ่มเกลียดที่สุดและยอมไม่ได้คือใครก็ตามข่มขู่เขาโดยใช้ชีวิตสหายและคนในครอบครัวเป็นเดิมพัน เวลานี้เขามีเฉินฮ่าวเป็นญาติเพียงคนเดียวบนโลกใบนี้ ถ้าเฉินฮ่าวถูกหวงฝู่ฉงหมิงจับไปฆ่า เขาจะไม่มีวันให้อภัยตัวเองอย่างเด็ดขาด

“หึ!” เฉินซีสูดลมหายใจ จากนั้นจึงรวบรวมพลังที่มีทั้งหมดกำหนดตำแหน่งทิศทาง ก่อนจะทะยานออกไป

ขณะนี้ในใจของเขาไม่ได้คิดอะไรอีกนอกจากมีเพียงอย่างเดียว — เร่งกลับเมืองหมอกสนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะเฉินฮ่าวและบ้านตระกูลเฉินซึ่งสร้างใหม่ก็อยู่ที่นั่นด้วย…

ถึงกระนั้นดูเหมือนว่าเขาจะลืมไปว่าบริเวณนั้นคือห้วงทะเลทรายมรณะที่อยู่ด้านข้างของเทือกเขาแดนเถื่อนตอนใต้ ซึ่งห่างจากเมืองหมอกสนนับแสนลี้ จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะใช้พลังบ่มเพาะในปัจจุบันทะยานรวดเดียวโดยไม่หยุดพักเพื่อให้ถึงเมืองหมอกสนโดยเร็ว เว้นเสียแต่เขาจะบรรลุขอบเขตแกนทองคำหยินหยางและมีโอสถมาเสริมปราณแท้ มิฉะนั้นต่อให้ใช้พละกำลังทั้งหมดที่มีก็อาจผ่านไปได้แค่ครึ่งทางเท่านั้น

ทว่าเวลานี้เฉินซีไม่ได้คิดอะไรอีก เขาเหมือนคนหัวดื้อที่เสียสติไปแล้ว

เขาคิดอยู่อย่างเดียว ปกป้องน้องชาย…เฉินฮ่าว!

เจ้าบ้า เห็นแก่สมบัติจนไม่คำนึงถึงชีวิตของตัวเองจริง ๆ!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]