บทที่ 263 จารึกยันต์เทวะ
บทที่ 263 จารึกยันต์เทวะ
เฉินซีนั่งขัดสมาธิอยู่ในโลกแห่งดารา ท้องฟ้าที่นี่มีมนต์ขลังเป็นอย่างยิ่ง ราวกับว่ามีพื้นดินที่มองไม่เห็นถูกวางอยู่บนท้องฟ้า เมื่อเขานั่งอยู่บนนั้น ก็ไม่มีความรู้สึกอึดอัดแม้แต่น้อย
ที่เบื้องหน้าของเขาคือแก่นศัสตราที่เก่าแก่และเรียบง่าย
หลังจากเวลาผ่านไปนาน เมื่อไม่มีร่องรอยของความคิดที่ทำให้ไขว้เขวอยู่ในใจของเขาอีกต่อไป มือของเฉินซีก็เคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน นิ้วของเขาตวัดไปมาอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ปลายนิ้วได้กลายเป็นภาพติดตาอยู่กลางอากาศ และพวกมันดูเหมือนผีเสื้อที่บินผ่านดอกไม้และมีความเร็วที่ไม่มีสิ่งใดเทียบได้
ชึบ! ชึบ! ชึบ!
มันเหมือนกับเสียงของฝูงผึ้งกำลังกระพือปีก และบนนิ้วมือทั้งสิบของเฉินซีก็มีดวงแสงหมุนวนไปรอบ ๆ เสมือนกับระลอกคลื่นวงกลมในทะเลสาบ ซึ่งมันช่างสวยงามอย่างแท้จริง
นี่คือเคล็ดวิชาการขัดเกลาศัสตราที่จี้อวี๋ถ่ายทอดให้แก่เขา มันเป็นการเปิดช่องวางที่เพียงพอที่จะจารึกยันต์เทวะไว้ที่แก่นศัสตรา
ตราประทับที่ลึกล้ำจำนวนมากถูกประทับลงบนแก่นศัสตรา ทำให้เกิดช่องว่าง ซึ่งค่อย ๆ ขยายขึ้นภายในแก่นศัสตรา และถ้าใช้กระแสจิตท่องลงไปในช่องว่างนี้ จะพบว่าช่องว่างนี้มีขนาดกว้างราวสองลี้และว่างเปล่าโดยสิ้นเชิง แต่เมื่อมองจากภายนอก แก่นศัสตราจะมีความยาวเพียงสี่ฉื่อ
หลักการของมันก็คล้ายกับการจัดวางวัตถุขนาดใหญ่ในวัตถุขนาดเล็ก เช่นเดียวกับเคล็ดวิชาปรับแต่งคลังเก็บสมบัติวิเศษ ที่พัฒนาพื้นที่ขนาดใหญ่ภายในพื้นที่ขนาดเล็กของคลังเก็บสมบัติวิเศษ
‘ยันต์เทวะพฤกษาครามมีความสามารถในการให้กำเนิดดวงจิตวิญญาณของแก่นศัสตรา ดังนั้นข้าจะเริ่มจากสิ่งนี้ก่อน’ เฉินซีหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่จะระลึกถึงโครงสร้างของอักขระยันต์ต่าง ๆ ที่มีอยู่ในยันต์เทวะพฤกษาครามอีกครั้ง จากนั้นเขาก็ขับเคลื่อนจิตสัมผัสเทพของเขาให้พุ่งเข้าไปในช่องว่างที่พัฒนาขึ้นภายในแก่นศัสตรา
นี่เป็นพื้นที่ว่างเปล่าอย่างสมบูรณ์ เฉินซีสำรวจมันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะโคจรปราณแท้ในร่างกายของเขา เพื่อควบแน่นพวกมันจนเป็นเส้นที่ละเอียดเหมือนขนของวัว และภายใต้การควบคุมของจิตสัมผัสเทพ เส้นนี้จะค่อย ๆ เคลื่อนตัวเพื่อจารึกอักขระลงบนพื้นที่ที่ว่างเปล่านี้
อันที่จริง วิธีการลงอักขระยันต์เช่นนี้คล้ายกับการใช้กระดาษยันต์และพู่กันวาดยันต์ เพียงแต่ใช้จิตสัมผัสเทพแทนมือของเขา ใช้ปราณแท้แทนที่หมึก และใช้พื้นที่แทนกระดาษยันต์
ฟ่อ~ ฟ่อ~ ฟ่อ~ ฟ่อ~
ในทันใดที่อักขระยันต์ที่ลึกล้ำและยืดหยุ่นปรากฏขึ้นในพื้นที่นี้ พวกมันก็ถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีฟ้าที่สว่างไสว จนค่อย ๆ เปลี่ยนอักขระยันต์สีฟ้า จากนั้นพวกมันก็เริ่มบิดตัวและแปรเปลี่ยนเป็นโครงสร้างที่แตกต่างกัน แต่มันไม่ได้พัวพันจนยุ่งเหยิงเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังเผยให้เห็นโครงสร้างที่เป็นระเบียบสวยงาม
เมื่อมองจากระยะไกล อักขระยันต์ที่ค่อย ๆ จารึกลงบนพื้นที่นั้น เป็นเหมือนต้นอ่อนเล็ก ๆ ที่แผ่กิ่งก้านสาขาที่เรียวยาวและหนาทึบออกไป มันพยายามที่จะแผ่ขยายออกไปรอบ ๆ พวงแล้วพวงเล่า จากนั้นจึงค่อย ๆ เติบโตจนใบไม้และดอกไม้สีฟ้าจำนวนมากผลิดอกออกผล กระบวนการทั้งหมดนี้เป็นธรรมชาติยิ่งนัก ลึกล้ำ งดงาม และไม่มีร่องรอยของงานประดิษฐ์เลยแม้แต่น้อย
ซึ่งมันเป็นเพียงโครงสร้างอักขระยันต์รูปแบบหนึ่งในยันต์เทวะพฤกษาคราม และมีโครงสร้างอักขระยันต์อย่างน้อยหลายแสนรูปแบบอยู่ภายในยันต์เทวะพฤกษาครามทั้งหมด ทำให้มันหนาแน่น ซับซ้อน และกว้างใหญ่ดั่งท้องทะเล
นับว่าโชคดี หลังจากผ่านประสบการณ์กับคัมภีร์กระบี่หมื่นบรรจบ ความสามารถในการคาดการณ์ของเฉินซีก็ได้บรรลุขอบเขตที่ทรงพลังเป็นอย่างมาก ยิ่งกว่านั้น เขายังประสบความสำเร็จในด้านการสร้างอักขระยันต์เป็นอย่างสูง มิฉะนั้น แค่มองดูอักขระยันต์ที่มากมายมหาศาลเหล่านี้ก็อาจทำให้สายตาพร่ามัว นับประสาอะไรกับการแยกแยะความแตกต่างและการใช้งานของแต่ละอักขระยันต์
แต่ถึงอย่างนั้น เฉินซีก็ต้องระมัดระวังและจิตใจของเขาจะต้องมีสมาธิอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แม้ว่าจะเป็นเพียงการจารึกโครงสร้างอักขระยันต์ของยันต์เทวะพฤกษาคราม ตราบใดที่เกิดข้อผิดพลาดเพียงเล็กน้อย เขาจะต้องเริ่มจารึกมันใหม่ตั้งแต่ต้น และผลลัพธ์เช่นนี้จะเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถยอมรับได้อย่างแน่นอน
หากลองทบทวนดูแล้ว การจารึกยันต์เทวะพฤกษาครามเพียงชนิดเดียวต้องใช้เวลาในการจารึกถึงห้าปี หากเกิดความผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า จะต้องเสียเวลาไปกับมันถึงเพียงใด?
ดังนั้น เฉินซีจึงได้ตัดสินใจตั้งแต่ต้นว่าเขาจะต้องประสบความสำเร็จเท่านั้น และจะไม่ยอมให้เกิดความล้มเหลวเป็นอันขาด!
เป็นเพราะแรงกดดันนี้จึงทำให้จิตใจของเขามีสมาธิเป็นอย่างมาก และไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของความคิดที่ทำให้ไขว้เขวในจิตใจของเขา มีเพียงโครงสร้างอักขระยันต์ที่ลึกล้ำและสง่างามในสายตาของเขาเท่านั้น ในขณะนี้ แม้ว่าคนธรรมดาจะเข้าใกล้เฉินซี เขาก็คงไม่สังเกตเห็นการมาถึงของบุคคลนั้นได้อย่างสิ้นเชิง
“หืม?” หลังจากผ่านไปสามชั่วยาม เมื่อเขามองไปที่ลวดลายอักขระยันต์ที่เขาจารึกไว้ในพื้นที่ด้านในของแก่นศัสตรา จู่ ๆ ความรู้สึกที่คุ้นเคยได้ทำให้หัวใจของเขาสูบฉีดทันที
ลวดลายอักขระยันต์นี้ได้รวมโครงสร้างอักขระยันต์นับร้อยแบบเข้าด้วยกัน เมื่อมองจากระยะไกล มันเหมือนใบไม้สีฟ้าชอุ่มที่แกว่งไกวไปมาตามแรงลม และเส้นใบของมันก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ซึ่งเผยให้เห็นพลังที่ล้นเหลือวนเวียนอยู่ภายใน
‘เหตุใดข้าถึงรู้สึกเหมือนเคยเห็นมันมาก่อนนะ?’
คิ้วของเฉินซีขมวดแน่น จู่ ๆ ความทรงจำก็ปรากฏขึ้นในหัวของเขา ทำให้เขาสามารถระลึกได้ทันทีว่า ‘อักขระจ้าววิญญาณแห่งดาราพฤกษาที่สองบนแผ่นหลังของข้า ก็อยู่ในรูปลักษณ์ของใบไม้เช่นเดียวกันไม่ใช่หรือ’
‘ไม่แปลกใจเลยที่ข้าจะรู้สึกคุ้นเคย อักขระจ้าววิญญาณแห่งดาราพฤกษาที่สองนี้เป็นลวดลายอักขระยันต์ชนิดหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้น มันยังบรรจุอยู่ในยันต์เทวะพฤกษาคราม เป็นไปได้หรือไม่ว่าผู้อาวุโสฝูซีได้อ้างอิงจากยันต์เทวะนี้ เพื่อสร้างวิชาร่างแปลงดาราสังหารเอกภพ? หรืออาจเป็นเพราะอักขระจ้าววิญญาณแห่งดาราพฤกษาที่สองทำให้ผู้อาวุโสฝูซีสามารถเข้าใจยันต์เทวะพฤกษาครามได้?’ เฉินซีรู้สึกคลุมเครือว่าไม่ใช่แค่ยันต์เทวะพฤกษาครามเท่านั้น แต่ยันต์เทวะอีกสี่ชนิดที่เหลือจะต้องเกี่ยวข้องกับวิชาร่างแปลงดาราสังหารเอกภพอย่างแน่นอน
‘บางที หากข้าสามารถเข้าใจแก่นแท้ของยันต์เทวะทั้งห้าประเภทนี้แล้ว มันอาจส่งผลที่คาดไม่ถึงต่อการบ่มเพาะทักษะแปรสภาพร่างกายของข้าได้…’ เฉินซีไม่ได้ครุ่นคิดอีกต่อไปและหมกมุ่นอยู่กับการจารึกอักขระยันต์อีกครั้ง
เวลาผ่านไปทีละนิด ผ่านไปเจ็ดวันโดยไม่รู้ตัว
ในช่วงเวลาเจ็ดวันนี้ เฉินซีเป็นเหมือนก้อนหินที่ปราศจากการรับรู้จากโลกภายนอก เขามุ่งความสนใจไปที่การจารึกอักขระยันต์อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย นอกจากจิตสัมผัสเทพในทะเลแห่งจิตสำนึกของเขาเหือดแห้งและปราณแท้ภายในท้องทะเลแห่งลมปราณของเขาจะแห้งผาก เขาจึงจะตื่นขึ้นมาจากห้วงสมาธิทันที
เมื่อตื่นขึ้นจากห้วงสมาธิ เขาเริ่มบ่มเพาะในขณะที่นั่งสมาธิเพื่อฟื้นพละกำลังโดยไม่ให้เสียเวลาเลยแม้แต่น้อย
นับว่าโชคดีที่ภายในเจดีย์บำเพ็ญทุกข์ มีวารีวิญญาณอยู่มากมายและมันก็เพียงพอที่จะฟื้นฟูปราณแท้ของเขาในช่วงเวลาอันสั้น ในขณะที่การฟื้นตัวของพลังวิญญาณของเขา ต้องการเพียงแค่ทำสมาธิและเฝ้าจินตภาพรูปปั้นเทพเจ้าฝูซีเท่านั้น
‘ในเวลาเจ็ดวันที่ผ่านมานี้ ข้าได้จารึกโครงสร้างอักขระยันต์อย่างน้อยสองพันแบบ หากยึดตามความเร็วนี้ ตราบเท่าที่ไม่มีอะไรไม่คาดคิดเกิดขึ้น ข้าจะจารึกยันต์เทวะพฤกษาครามสำเร็จภายในห้าปี…’ หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วยาม เฉินซีก็ตื่นขึ้นจากการนั่งสมาธิ เขาสัมผัสได้ว่าพลังวิญญาณและปราณแท้ได้ฟื้นฟูสู่สภาพที่ดีที่สุด อีกทั้งยังไม่มีอาการเหนื่อยล้าทางร่างกายและจิตใจใด ๆ ดังนั้นเขาจึงลงมือจารึกอักขระยันต์อีกครั้งหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...