บทที่ 264 วิกฤตกระแสสัตว์อสูร
บทที่ 264 วิกฤตกระแสสัตว์อสูร
แก่นศัสตราส่งเสียงดังอย่างชัดเจนและไพเราะ
ในขณะนี้ บนพื้นผิวของแก่นศัสตราที่เก่าแก่และเรียบง่าย มีชั้นแสงสีฟ้าที่กระเพื่อมเป็นระลอก ๆ อย่างแผ่วเบา ราวกับกระแสน้ำที่ไหลริน ซึ่งให้ความรู้สึกถึงดวงจิตวิญญาณที่ยากจะอธิบาย
หากมองเข้าไปในแก่นศัสตรา ก็จะพบกับโลกที่เขียวขจีและอุดมสมบูรณ์ซึ่งก่อตัวขึ้นอยู่ภายใน อักขระยันต์ที่หนาแน่นเสมือนกิ่งก้านและใบของเถาวัลย์ที่กะพริบไปมาราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า ขณะที่พวกมันปลดปล่อยพลังชีวิตออกมาอย่างพลุ่งพล่าน
‘ข้าทำสำเร็จแล้ว!’
เฉินซีถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเขาเห็นภาพนี้ และเขาก็ไม่อาจทนได้อีกต่อไป จึงทิ้งตัวลงนอนบนพื้น ความอ่อนล้าที่ไร้ขอบเขตภายในร่างกายของเขาเป็นเหมือนกับกระแสน้ำที่ฉุดดึงเขาให้ดำดิ่ง ทำให้เขาเข้าสู่ดินแดนแห่งความฝันโดยไม่รู้ตัว
เป็นเวลาห้าปีแล้วที่พลังทั้งหมดของเขาได้ทุ่มเทให้กับการจารึกอักขระยันต์ ทำให้เฉินซีเป็นเหมือนสายธนูที่ขึงตึง แม้ว่าร่างกายของเขาจะดูปกติดี แต่การใช้ความแข็งแกร่งของจิตใจและปราณวิญญาณของเขาก็เพิ่มขึ้นในทุกวันที่ผ่านไป หากเป็นคนอื่นที่ทำสิ่งเดียวกันโดยไม่กินไม่ดื่มและไม่พักผ่อนเป็นเวลาต่อเนื่องถึงห้าปี พวกเขาจะต้องถูกทรมานด้วยกิจวัตรที่ซ้ำซากจำเจ จนร่างกายและจิตใจของพวกเขาไม่อาจทนได้อีกต่อไป
แต่อักขระยันต์นั้นกว้างใหญ่เหมือนมหาสมุทรและไม่ยอมให้เกิดความผิดพลาดเลยแม้แต่น้อย
แม้แต่ปรมาจารย์ด้านการสร้างอักขระยันต์ ก็ไม่มีความมั่นใจที่จะจารึกยันต์เทวะพฤกษาครามให้สำเร็จ
นอกจากความสามารถในการเข้าใจเกี่ยวกับเต๋าแห่งยันต์อักขระที่ไม่ธรรมดาของเฉินซีแล้ว ที่เขาสามารถบรรลุความสำเร็จดังกล่าวได้ก็มาจากความมุมานะ ความดื้อรั้น และแรงกดดันอันเข้มงวดที่เขาวางไว้กับตัวเอง ซึ่งไม่ยินยอมให้มีความผิดพลาดใด ๆ
‘เดิมที ข้าคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะประสบความสำเร็จในการทดลองแค่ครั้งเดียว ใครจะไปคาดคิดว่าเจ้าเด็กน้อยคนนี้กลับสร้างความประหลาดใจแก่ข้าได้? ฮ่า ๆๆ นายท่านมีผู้สืบทอดที่แท้จริงแล้ว บางทีเขาอาจขึ้นไปบนเขาเทพพยากรณ์ได้ในสักวันหนึ่งและแข่งขันกับบรรดาศิษย์พี่ศิษย์น้องของเขาได้…’ จี้อวี๋มองไปยังเฉินซีที่กำลังนอนหลับสนิท และรู้สึกภาคภูมิใจต่อความสำเร็จของเฉินซีอยู่เช่นกัน เขายืนอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่งก่อนจะหันหลังกลับและจากไป
มีเพียงเฉินซีเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในโลกแห่งดารา
เขาหลับสนิทอยู่ท่ามกลางจักรวาลที่เต็มไปด้วยดวงดาว หมอกเพลิง และทางช้างเผือกที่ล้อมรอบอยู่ชั่วนิรันดร์ ทำให้เขาดูเหมือนกับหยดน้ำในมหาสมุทรหรือฝุ่นผงที่ยากจะมองเห็น
ในช่วงเวลาต่อมา แสงดาวอันเย็นยะเยือกที่ไร้ขอบเขตได้ส่องลงมาจากทั่วทุกมุมราวกับว่าพวกมันมีสติปัญญาและหลั่งไหลลงมาห่อหุ้มร่างกายทั้งหมดของเฉินซี
เมื่อมองจากระยะไกล เฉินซีซึ่งกำลังอาบอยู่ภายใต้แสงดาวนั้น ดูเหมือนกับเขากำลังหลับอยู่ในเปลือกไข่ และแสงดาวที่สาดส่องลงมา กำลังแทรกซึมไปทุกส่วนของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นเส้นเอ็น เนื้อหนัง เส้นลมปราณ จุดชีพจร และอวัยวะภายใน นอกจากนี้ สิ่งสกปรกที่ซุกซ่อนอยู่ภายในร่างกาย ก็ดูเหมือนจะได้รับการชำระล้างและขับออกมา ทำให้ร่างกายของเฉินซีบริสุทธิ์และไร้ที่ติมากยิ่งขึ้น
แม้แต่ปราณวิญญาณของเขาก็ดูเหมือนจะได้รับการหล่อเลี้ยง ถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งของมันจะไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่ปราณวิญญาณของเขาก็บริสุทธิ์และแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
หากจิตสัมผัสเทพในอดีตของเฉินซีเป็นเหมือนชิ้นส่วนของหยกที่ยังไม่ได้รับการเจียระไน สิ่งสกปรกบนพื้นผิวของหยกที่ยังไม่ได้รับการขัดเกลานี้จะถูกขจัดออกไป และเผยให้เห็นเนื้อแท้ที่แวววาว เรียบเนียนไร้ที่ติ และใสกระจ่างดั่งผลึกแก้ว
หลังจากที่เฉินซีตื่นขึ้นจากการหลับใหลและเริ่มจารึกยันต์เทวะไฟโลกันต์ เขาก็สัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน เขาสังเกตเห็นว่าปราณแท้ของเขาสามารถควบคุมได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น ทำให้ความเร็วในการจารึกโครงสร้างอักขระยันต์ของเขารวดเร็วมากขึ้นกว่าเดิม
เมื่อเทียบกับตอนที่เขาจารึกยันต์เทวะพฤกษาคราม มันเร็วมากกว่าเดิมถึงสองเท่า!
‘แม้ว่าความแข็งแกร่งของพลังวิญญาณของข้าไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่มันกลับบริสุทธิ์ มั่นคง และยืดหยุ่นยิ่งกว่าเดิม หรือเป็นเพราะข้าจารึกโครงสร้างอักขระยันต์ตลอดทั้งวันทั้งคืนเป็นเวลาห้าปี?’
เฉินซีรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนนี้ แต่ก็ไม่สามารถสรุปเหตุผลทั้งหมดได้ ไม่นานนัก เขาก็มุ่งความสนใจไปที่การจารึกอักขระยันต์อีกครั้ง
โครงสร้างอักขระยันต์ของยันต์เทวะไฟโลกันต์นั้น ไม่ได้ด้อยไปกว่ายันต์เทวะพฤกษาครามเลยแม้แต่น้อย ยิ่งกว่านั้น โครงสร้างอักขระยันต์เหล่านี้ไม่มีแม้แต่อันเดียวที่ดูเหมือนกัน พวกมันมีลักษณะที่เกรี้ยวกราดและดุร้าย เสมือนกับเปลวไฟที่ไม่อาจควบคุมได้ ดังนั้นความยากในการจารึกจึงยิ่งมากขึ้น และเขาต้องใช้พลังงานมากขึ้นเพื่อควบคุมเส้นทางของอักขระยันต์
แต่ทั้งหมดนี้ก็ไม่สามารถทำให้เฉินซีต้องรู้สึกกังวล ด้วยประสบการณ์จากการจารึกยันต์เทวะพฤกษาครามและประกอบกับการเปลี่ยนแปลงของพลังวิญญาณของเขา ทำให้เขาไม่รู้สึกว่าการจารึกยันต์เทวะไฟโลกันต์ในตอนนี้จะยากเย็นแสนเข็ญ
เวลาได้ผ่านไปห้าปีโดยไม่รู้ตัว
ด้วยวิธีนี้ ลูกไฟที่ร้อนแรงได้ลอยขึ้นอย่างฉับพลันในโลกแห่งดารา ซึ่งดูเหมือนกับเป็นวิหคเพลิงที่ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ราวกับอีกาทองคำที่กำลังกระพือปีก และดอกไม้ไฟที่พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าก่อนจะผลิบานอย่างงดงาม ปรากฏการณ์อันน่าอัศจรรย์เช่นนี้ดำรงอยู่ไปสักระยะ ก่อนที่มันจะสลายหายไป
‘ยันต์เทวะไฟโลกันต์สำเร็จแล้ว!’ ดวงตาของเฉินซีเป็นประกายในขณะที่เขามองไปที่แก่นศัสตราในมือของเขา
เปลวไฟที่มองเห็นได้ราง ๆ ปลิวว่อนอยู่รอบ ๆ แก่นศัสตรา เปลวไฟนี้เกือบจะโปร่งแสง ไม่แผดเผาไม่รุนแรง แต่กลับให้ความรู้สึกที่อบอุ่นและอ่อนโยนแก่ผู้อื่น
พื้นผิวของแก่นศัสตราที่ดำสนิทแต่เดิมนั้นกลายเป็นมันเงา เพราะลักษณะของเปลวไฟนี้เหมือนกับบ่อน้ำสีเข้มที่ใสกระจ่างและโปร่งแสง
‘ในตอนนี้ แก่นศัสตราสร้างเสร็จเพียงบางส่วนเท่านั้น และยังขาดยันต์เทวะอีกสามชนิด ข้าสงสัยนักว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น หลังจากที่จารึกแก่นศัสตราด้วยยันต์เทวะทั้งห้าแล้ว?’ เฉินซีคาดหวังไว้เล็กน้อย
หลังจากพักผ่อนอยู่สองสามวัน เขาก็ไม่ได้คิดจะหยุดและเริ่มจารึกยันต์เทวะสยบปฐพี!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...