บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 268

บทที่ 268 สี่ขอบเขตสิบสองระดับแห่งเต๋ารู้แจ้ง

บทที่ 268 สี่ขอบเขตสิบสองระดับแห่งเต๋ารู้แจ้ง

ตาข่ายสีทองเกิดขึ้นจากแสงกระบี่ขนาดเล็กและคมกริบจำนวนนับไม่ถ้วนบนท้องฟ้า มันห่อหุ้มปิดกั้นทุกสิ่งรอบทิศทาง ทำให้เฉินซีที่อยู่ข้างใต้ไม่อาจหลบหนีได้

แต่เขาไม่ได้คิดจะหนีอยู่แล้ว!

ชิ้ง!

เสียงครวญเย็นยะเยือกและแผ่วเบาของกระบี่ดังขึ้น เป็นกระบี่เรียบง่ายเก่าแก่เล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมือของเฉินซี กระบี่เล่มนี้ยาวสามจั้งเก้าชุ่น ด้ามกระบี่ยาว บางทว่าแข็งแรง ตัวกระบี่เป็นสีดำสนิท สันกระบี่มีความหนักและยื่นออกมาดั่งสันเขา ยิ่งทำให้กระบี่คมขึ้นพร้อมกับมีประกายแวววาว ตัวใบมีดนั้นคมมาก ส่องประกายแสงระยิบระยับ

กระบี่เล่มนี้เป็นศัสตราที่ชายหนุ่มได้ขัดเกลาในโลกแห่งดารามาเป็นเวลายี่สิบห้าปี — ยันต์ศัสตรา!

ยันต์เทวะพฤกษาครามคือตัวกระบี่ คอยหล่อเลี้ยงจิตนึกคิดของยันต์ศัสตรา

ยันต์เทวะไฟโลกันต์คือผิวกระบี่ คอยชำระสิ่งสกปรกไม่บริสุทธิ์ทั้งหลายของยันต์ศัสตราออกไป

ยันต์เทวะสยบปฐพีคือสันกระบี่ ทำให้ยันต์ศัสตรามีความแข็งแกร่งขึ้น

ยันต์เทวะผสานธาตุคือใบมีดของกระบี่ ขัดเกลาให้คมกระบี่ของยันต์ศัสตรายิ่งเฉียบคม

ยันต์เทวะคงคาทมิฬคืออักขระบนกระบี่ ชะล้างความยืดหยุ่นของยันต์ศัสตรา

นอกจากนั้น ฐานกระบี่ยังได้รับการขัดเกลาจากเคียวแห่งการสังหาร ซึ่งเป็นวัสดุอมตะที่ใช้ในการขัดเกลาสมบัติวิเศษอีกด้วย

ยันต์เทวะทั้งห้าประเภทและเคียวแห่งการสังหาร สร้างวิธีที่ทำให้ยันต์ศัสตรากลายเป็นอาวุธที่มีโอกาสแข็งแกร่งได้อีกมาก ทว่ายันต์เทวะทั้งห้ายังมีแค่รูป ยังไม่ได้มีเต๋ารู้แจ้ง เขตแดนเต๋า และ ‘พลัง’ ของสวรรค์และโลกผสานรวมเข้าไปด้วย และยังไม่ต้องกล่าวถึงการกลั่นรวมพลังฟ้าดินเข้าไปในตัวอาวุธเลย ดังนั้นจึงนับว่ามันเป็นเพียงยันต์ศัสตราที่มีเพียงเปลือกนอกเท่านั้น

กระนั้นพลังของกระบี่ก็ยังคงค่อนข้างน่าตกใจทีเดียว ครั้งหนึ่งเฉินซีเคยใช้กระบี่ระดับล้ำลึกขั้นสุดยอดมาทดสอบความคมของมัน ผลที่ได้คือยันต์ศัสตราน่าเกรงขามอย่างยิ่ง เพราะมันเฉือนกระบี่ระดับล้ำลึกขั้นสุดยอดนั่นออกเป็นสองส่วนได้อย่างง่ายดายดั่งหั่นเต้าหู้

สิ่งสำคัญที่สุดคือยันต์ศัสตรานี้มียันต์เทวะทั้งห้าชนิดโคจรและส่งเสริมซึ่งกันและกันอยู่ ทำให้เกิดผลน่าอัศจรรย์ต่าง ๆ ทั้งยังขยายพลังของเต๋ารู้แจ้งอีกด้วย!

ฟู่~! ฟู่~!

เสียงการไหลเวียนของอากาศที่แตกซ่าน เย็นเฉียบราวกับใบมีดดังขึ้น เฉินซีหรี่ตาลง และพบว่าอีกไม่นานตาข่ายสีทองที่ปกคลุมท้องฟ้าจะกดลงมา คลื่นอากาศซัดเข้าหาจนเปลือกตารู้สึกเจ็บ

“กระบี่หลีแห่งอัคคี!” เฉินซีไม่ได้ลังเล จากนั้นเขาก็ยกข้อมือขึ้นเบา ๆ ทำให้ยันต์ศัสตราพลันตวัดขึ้น ซัดพลังเข้าใส่ตาข่ายทองเหนือศีรษะ มหาเต๋าแห่งอัคคีพลันกลายเป็นคลื่นเพลิงม้วนตัวส่งเสียงคำรามลั่น

กรร!

เสียงคำรามของสัตว์ร้ายที่ปัจจุบันไม่เคยมีใครได้ยินดังขึ้น และเสียงหอนหนักหน่วงสะเทือนสวรรค์และโลกก็ดังตามมา

หลังจากนั้นทุกคนก็เห็นแสงไฟที่น่าสะพรึงกลัวพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า มันเป็นกระทิงตัวสีแดงเข้มที่มีความสูงกว่าสิบจั้ง ลำตัวยาวเก้าจั้ง กีบของมันย่ำลงบนเปลวไฟโหมกระหน่ำ ทั่วร่างอาบไปด้วยเปลวเพลิงคลั่ง เขาหนึ่งเดียวบนหัวคล้ายกับดาบโค้งแทงขึ้นฟ้า ส่องแสงสีแดงเลือดที่ราวกับจะหลอมละลายนภาออกมา

“สัตว์ศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล กระทิงเพลิงนรก!”

“ดูแล้วสัตว์ร้ายตัวนี้เป็นสัตว์วิญญาณก่อกำเนิด พัฒนามาจากแก่นมหาเต๋าแห่งอัคคี เป็นรูปลักษณ์หนึ่งของเต๋ารู้แจ้งแห่งไฟ มีเพียงผู้บ่มเพาะที่มีเต๋ารู้แจ้งแห่งไฟและใช้กระบวนยุทธ์ระดับเต๋าเท่านั้นถึงจะสามารถสร้างปรากฏการณ์เช่นนี้ได้!”

“น่าอัศจรรย์จริง! หรือความเข้าใจในมหาเต๋าแห่งอัคคีของเฉินซีได้บรรลุถึงระดับหนึ่งขั้นเริ่มต้นแล้ว?”

กระทิงเพลิงนรกทะยานขึ้นสู่ฟ้า ส่งเสียงก้องกังวานไปในโลกา ฟ้าดินราวกับถูกแต้มด้วยแสงสว่างโชติช่วง เมื่อเห็นฉากนี้ ทุกคนต่างนึกถึงกฎของความจริงในโลกแห่งการบ่มเพาะที่พวกตนยึดมั่นมาโดยตลอด

เช่นว่า ไม่ว่าจะเป็นมหาเต๋าหรือเต๋ารอง เต๋ารู้แจ้งทั้งหลายในใต้หล้าล้วนแบ่งออกเป็นขอบเขตแรกรู้ ขอบเขตเริ่มต้น ขอบเขตขั้นสูง และขอบเขตสมบูรณ์ ตามระดับความเข้าใจ ทุกขอบเขตแบ่งออกเป็นสามระดับ ดังนั้นขอบเขตทั้งสี่และสิบสองระดับนี้ยังถูกเรียกว่าสี่ขอบเขตแห่งหอสิบสองชั้นสู่สวรรค์ของเต๋ารู้แจ้ง

ความหมายของคำเหล่านี้เรียบง่ายมาก เต๋ารู้แจ้งสามารถใช้เป็นบันไดสู่สวรรค์ได้ มันถูกแบ่งออกเป็นสิบสองชั้นในสี่ขอบเขต ผู้ที่บ่มเพาะไปทีละขั้นจะมีเมฆาช่วยดันฟ้าขึ้นสูงและขึ้นสู่ความเป็นอมตะได้

เมื่อผู้บ่มเพาะเข้าใจเต๋ารู้แจ้งก็จะได้อยู่ในขอบเขตเริ่มต้น สามารถเกิดปรากฏการณ์ที่เต๋ารู้แจ้งก่อรูปร่างขึ้นมาอย่างกระทิงเพลิงนรกตรงหน้าได้ ด้วยเป็นปรากฏการณ์ที่จะเกิดขึ้นเมื่อมหาเต๋าแห่งอัคคีอยู่ในขอบเขตเริ่มต้น ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อผู้บ่มเพาะเข้าใจเต๋ารู้แจ้งถึงขั้นนี้ก็จะสามารถเริ่มกลั่นเขตแดนเต๋าได้แล้ว!

สิ่งที่ต้องกล่าวเป็นพิเศษคือ การที่เต๋ารู้แจ้งเกิดรูปขึ้นได้จะทำได้จากมหาเต๋าเท่านั้น ไม่อาจใช้เต๋ารองได้

กรร! กรร!

ท่ามกลางเสียงคำราม กระทิงเพลิงนรกทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าวิ่งอาละวาดไปทั่ว กีบของมันเหมือนผนึกทลายนภา ทุกย่างก้าวสั่นสะเทือนเลือนลั่น ฉีกตาข่ายทองที่ปกคลุมท้องฟ้าออกอย่างง่ายดาย สะบัดเขาเพียงคราเดียว ตาข่ายจากกระบี่เพลิงทองคำก็กระเด็นไป ก่อนจะถูกกระทืบซ้ำจนแตกเป็นเสี่ยง ๆ ด้วยกีบเท้าเพลิงคุกรุ่น

ในชั่วพริบตา ตาข่ายนภาเพลิงทองคำของเว่ยเยว่จื่อก็ถูกสะบั้น ไม่อาจเป็นอันตรายอีกต่อไป กระทิงเพลิงนรกเองก็หายไปพร้อมกัน

เฉินซีย่อมตั้งใจทำเช่นนี้ เพราะยังไม่อยากสังหารเว่ยเยว่จื่อ หลังจากปิดด่านบ่มเพาะเป็นเวลาสามสิบปีในโลกแห่งดารา นอกจากยี่สิบห้าปีแรกของการขัดเกลายันต์ศัสตราแล้ว เขายังใช้เวลาห้าปีที่เหลือเพื่อทำความเข้าใจเต๋ารู้แจ้ง และฝึกฝนเคล็ดกระบี่หมื่นบรรจบและเพลงหมัดมหาทำลายล้าง ทั้งยังทำสมาธิและบ่มเพาะพลังไปด้วย

ดูท่าเพราะการเสริมสร้างจิตวิญญาณจากการกลั่นยันต์เทวะทั้งห้าชนิด เฉินซีจึงเข้าใจทั้งสองวิชาที่แตกต่างกันได้อย่างสิ้นเชิงระหว่างฝึกฝน ยิ่งไปกว่านั้น ความสามารถในการโคจรและคาดเดาเต๋ารู้แจ้งของเขายังน่าเกรงขามยิ่งขึ้นเช่นกัน

น่าเสียดายที่ไม่มีคู่ซ้อมในโลกแห่งดาราจึงไม่รู้ว่าการบ่มเพาะเต๋าแห่งการต่อสู้ของตนก้าวหน้าไปเพียงไหน ตอนนี้เขาย่อมคิดใช้เว่ยเยว่จื่อ คู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งผู้นี้เพื่อสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงของพลังในช่วงหลายปีที่ผ่านมาของตน

‘เต๋ารู้แจ้งกำลังก่อรูปอย่างนั้นหรือ? ตามความแตกต่างของระดับและขอบเขตเต๋ารู้แจ้งแล้ว มหาเต๋าแห่งอัคคีของข้าอยู่ที่ขอบเขตแรกรู้ น่าจะอยู่ที่ระดับ 3 คงจะได้รับแรงสนับสนุนจากยันต์ศัสตราจึงทำให้เกิดเป็นกระทิงเพลิงนรกเช่นนี้ได้…’ เฉินซีทราบถึงระดับความเข้าใจมหาเต๋าแห่งอัคคีของตนเป็นอย่างดี ไม่ใช่เพียงมหาเต๋าแห่งอัคคีเท่านั้น แต่มหาเต๋าอื่น ๆ ก็น่าจะอยู่ขอบเขตแรกรู้ และระดับสูงที่สุดยังอยู่ที่ระดับ 3 เท่านั้น กว่าจะข้ามไปเต๋ารู้แจ้งขอบเขตเริ่มต้นได้ นับว่าหนทางยังอีกยาวไกลนัก

การที่ใช้กระบี่ไปเมื่อครู่แล้วเกิดร่างกระทิงเพลิงนรกขึ้นก็เป็นเพราะยันต์ศัสตราในมือ

ตอนใช้กระบี่หลีแห่งอัคคี เขาสังเกตได้ว่ายันต์เทวะสยบปฐพีที่อยู่บนผิวยันต์ศัสตราโคจรอย่างกะทันหัน เพราะมีปราณแท้ไหลเข้าไป อักขระยันต์ที่มีมากดั่งน้ำในมหาสมุทรก็พากันส่งเสียงสะท้อน นำพาความแข็งแกร่งที่ช่วยเสริมพลังให้กระบี่หลีแห่งอัคคี ทำให้เกิดภาพแบบเมื่อครู่ได้

โดยสรุป มันคือผลเสริมพลังของยันต์ศัสตราให้กับเต๋ารู้แจ้งที่ทำให้เฉินซีสามารถเข้าใจเต๋ารู้แจ้งแห่งไฟและทะลวงขอบเขตเริ่มต้นที่สามารถสร้างกระทิงเพลิงนรกขึ้นมาได้

แน่นอนว่าการที่มีกระบวนยุทธ์ระดับเต๋ากับคัมภีร์กระบี่หมื่นบรรจบอยู่ก็ไม่อาจละเลยได้เช่นกัน หนึ่งในแปดกระบวนท่ากระบี่เยี่ยมยุทธ์ภายในนั้นคือ กระบี่หลีแห่งอัคคีเป็นวิชากระบี่ที่ใช้ประโยชน์จากมหาเต๋าแห่งอัคคี เมื่อควบรวมกับการเสริมพลังของยันต์ศัสตรา ก็สามารถสร้างผลอันน่าอัศจรรย์ใจอย่างไม่น่าเชื่อขึ้นมา

‘เป็นไปได้อย่างไร?!’

ตอนนี้ กระทั่งเว่ยเยว่จื่อผู้จองหองอวดดียังตกใจ และความไม่สบายใจดั่งเถาวัลย์เลื้อยก็เข้ามาเกาะกุมหัวใจ

มหาเต๋าแห่งอัคคีระดับ 3 ขอบเขตเริ่มต้น เขาจะไม่ตกใจเลยหากได้พบกับขอบเขตการรู้แจ้งเต๋าเช่นนี้ในผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางฝีมือฉกาจ แต่พอได้เห็นจากเฉินซีจึงทำให้เขาไม่อาจยอมรับได้

สหายที่อยู่ขอบเขตแกนทองคำหยินหยางครึ่งขั้นสามารถเข้าใจเต๋ารู้แจ้งได้ถึงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?

ยิ่งไปกว่านั้น วิชากระบี่นั่นก็เป็นกระบวนยุทธ์ระดับเต๋าชัด ๆ!

ผู้บ่มเพาะจากเมืองเล็ก ๆ ที่อยู่ห่างไกลไปได้กระบวนยุทธ์ระดับเต๋ามาจากที่ใดกัน? หรือว่าปัจจุบันนี้มีอยู่เกลื่อนถนนหนทางไปหมดแล้ว?

แต่ไม่ว่าจะคาดเดาอย่างไร ในที่สุดเว่ยเยว่จื่อก็เริ่มรู้สึกว่าเจ้าเด็กขอบเขตแกนทองคำหยินหยางครึ่งขั้นที่คิดว่าจะกำจัดได้ง่าย ๆ กลับสามารถตอบกลับได้ เขาจึงไม่กล้าประมาทอีกต่อไป

“เจ้ามีวิชาน่าเกรงขามอะไรอยู่อีก? ใช้มาให้หมดไปเลย!” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเฉยเมย แต่แท้จริงกลับใจร้อนอยู่เล็กน้อยด้วยอยากทดสอบวิชากระบี่

แท้จริงแล้ว ตั้งแต่เริ่มสู้จนถึงตอนนี้เขายังไม่ได้ใช้กำลังเต็มที่ด้วยซ้ำ แม้จะประมืออยู่กับผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางขั้นสมบูรณ์แบบก็ตาม

ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ใจกลางห้วงทะเลทรายมรณะ พลังบ่มเพาะก็มากพอจะสังหารผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางขั้นกลางได้แล้ว เขาจึงสามารถประมือกับผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางอย่างองค์ชายหวงฝู่ได้

ส่วนตอนนี้ เขาปิดด่านบ่มเพาะอยู่ในโลกแห่งดารามาสามสิบปี ขาดเพียงผ่านบททดสอบแห่งลมและไฟเพื่อได้ขึ้นมาสู่ขอบเขตแกนทองคำหยินหยาง ดังนั้นพละกำลังจึงเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าหนึ่งระดับหากเทียบกับแต่ก่อน ควบคู่ไปกับการรู้แจ้งเต๋า กระบวนยุทธ์ระดับเต๋า และสมบัติวิเศษทั้งหลายของเขาล้วนเป็นของชั้นยอด ทำให้มีความสามารถในการข้ามขอบเขตสังหารศัตรูได้

เป็นเรื่องที่รู้กันทั่วไปว่าเมื่อผู้บ่มเพาะเข้าต่อสู้จะมีหลายปัจจัยนักที่กระทบการต่อสู้ ทั้งพลังบ่มเพาะ ความเข้าใจเต๋ารู้แจ้ง กระบวนยุทธ์ระดับเต๋า ประสบการณ์การต่อสู้ พรสวรรค์ด้านการต่อสู้ และความแกร่งของสมบัติวิเศษ ทุกอย่างล้วนเกี่ยวข้องกับความแข็งแกร่งยามต่อสู้ทั้งสิ้น ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหากมีใครแกร่งด้านหนึ่ง แต่หากแกร่งทุกด้านนั่นนับว่าน่าสะพรึงกลัวนัก!

ด้านพลังบ่มเพาะ พลังบ่มเพาะของเฉินซีอยู่ที่ขอบเขตแกนทองคำหยินหยางครึ่งขั้น ทั้งเคล็ดวิชากระเรียนเหมันต์และเคล็ดวิชามิติทมิฬที่ฝึกฝนล้วนเป็นวิชาแปรสภาพปราณชั้นยอดที่ทำให้ปราณแท้หนาแน่นกว่าผู้บ่มเพาะทั่วไปประมาณสิบเท่า!

ด้านเต๋ารู้แจ้ง เขาก็เข้าใจเต๋ารู้แจ้งมากกว่าสิบประเภท ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งหมดยังเป็นมหาเต๋า ไม่มีอันไหนเป็นเต๋ารองเลย ดังนั้นเขาจึงเหนือกว่าผู้บ่มเพาะธรรมดามาก

ด้านกระบวนยุทธ์ระดับเต๋า เคล็ดกระบี่หมื่นบรรจบได้รับการยอมรับจากผู้คนในโลกแห่งการบ่มเพาะของราชวงศ์ซ่งว่าเป็นวิชากระบี่ที่ฝึกฝนได้ยากที่สุด หากจะจำแนกโดยละเอียด เช่นนั้นวิชากระบี่ของเขาก็เทียบได้กับกระบวนยุทธ์ระดับเต๋าชั้นยอดได้เช่นกัน

ด้านประสบการณ์การต่อสู้ หลังจากเฉินซีออกจากเมืองหมอกสนมาก็ต่อสู้ไม่หยุดหย่อน หากเป็นในแง่ของอันตรายและประสบการณ์การต่อสู้อันมากหลาย คนอย่างเว่ยเยว่จื่อย่อมไม่อาจเทียบเคียงได้เลย

ด้านพรสวรรค์ในการต่อสู้ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความเข้าใจและการควบคุมการต่อสู้ของแต่ละคน ในแง่นี้อาจกล่าวได้ว่าเฉินซีน่าตะลึงและหาที่เปรียบมิได้ ก่อนหน้าที่อยู่ขอบเขตก่อกำเนิด เขาสามารถใช้ยันต์ลิ่มน้ำแข็งช่วยเหลือเฉินฮ่าวกับไป๋หว่านฉิงจากเงื้อมมือหัวหน้าผู้ดูแลตระกูลหลี่ได้สำเร็จ ตลอดเส้นทางที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ ความเข้าใจที่เฉียบคมยามต่อสู้กับการควบคุมสถานการณ์อย่างดีเยี่ยม ทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างถอนหายใจด้วยความชื่นชม

ด้านสมบัติวิเศษ ถ้าเป็นเมื่อก่อน นี่อาจเป็นจุดอ่อนของเฉินซี เนื่องจากข้อจำกัดในการบ่มเพาะ เขาจึงใช้ได้เพียงสมบัติวิเศษระดับล้ำลึกขั้นสุดยอดกับการโจมตีเต็มกำลังเท่านั้น ไม่สามารถต่อกรกับสมบัติวิเศษระดับปฐพีในมือของผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางได้เลย แต่ตอนนี้กลับต่างออกไปเพราะมียันต์ศัสตรา ซึ่งเหนือกว่าสมบัติวิเศษระดับล้ำลึกขั้นสุดยอดไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังเหลือพื้นที่ให้พัฒนาได้อีก ดังนั้นจึงนับว่าเป็นอาวุธชั้นสูงทีเดียว

หลากหลายด้านเหล่านี้ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของความแข็งแกร่งในตัวชายหนุ่ม หากนับวิชาขัดเกลากายา พลังอิทธิฤทธิ์ วิชาบ่มเพาะที่เข้าใจ ความแข็งแกร่งของจิตใจ วิชาโจมตีดวงวิญญาณที่มี คนจำนวนมากคงได้ตกตะลึงจนแทบสิ้นใจแน่

‘บัดซบ! ให้ตายเถอะ!’ สีหน้าของเว่ยเยว่จื่อดำมืดยิ่ง ท่าทีเย็นชาเย่อหยิ่งหายไปกลายเป็นส่งกลิ่นอายสังหารดุดันเย็นยะเยือก แม้เสียงเฉินซีจะแผ่วเบา แต่เป็นดั่งศรนับไม่ถ้วนที่ทิ่มแทงจิตใจ ทำให้รู้สึกโกรธเกรี้ยวและอับอายเป็นยิ่งนัก

“การโจมตีเพียงครั้งเดียวก็ทำเอาฟ้าสะเทือน ซัดพลังออกไปได้ทุกทิศ ในขณะที่เพลิงทองคำปกคลุมฟ้าด้วยพลังทำลายล้าง ทำให้ดินฟ้าแยกจากยามสิ่งชั่วร้ายถูกทำลาย โลกเปลี่ยนไปแต่กระบี่ยังคงเดิม… เฉินซี ข้าจะให้เจ้าได้สัมผัสกับกระบวนท่าสังหารสามกระบวนท่าของกระบี่เพลิงทองคำ ฝนกระบี่สังหาร!”

ตู้ม!

เว่ยเยว่จื่อระเบิดพลังออกมา กระบี่ในมือลอยเหนือฟ้าเป็นดั่งธารน้ำสายใหญ่ไหลผ่านผืนนภา ประกายแสงสีทองเรืองรองออกมา ขณะที่คลื่นน้ำเคลื่อนกระทบฝั่ง จิตสังหารหนาแน่นสะท้านฟ้าสะเทือนดิน มหาธารปราณกระบี่ไหลมาบรรจบ เกิดเสียงดังครืนครั่นและก่อเกิดเป็นน้ำวน

ยามนี้ทั้งสวรรค์และปฐพีถูกห่าฝนกระบี่สีทองปกคลุมจนหมด!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]