บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 269

บทที่ 269 ความสิ้นหวัง

บทที่ 269 ความสิ้นหวัง

ฟึ่บ! ฟึ่บ!

ปราณกระบี่มากมายโปรยปรายลงมาจากฟากฟ้า เพียงแค่ปราณกระบี่สายเดียวก็สามารถเชือดเฉือนท้องฟ้า เมื่อปราณกระบี่นับไม่ถ้วนกระหน่ำลงมาในขณะนี้ ทำให้อากาศว่างเปล่าโดยรอบถูกเจาะจนเป็นรูพรุน และส่งเสียดหวีดหวิวแหลมคมจนแก้วหูของผู้คนอื้ออึง

ทว่าภายใต้ฝนปราณกระบี่สีทองนับไม่ถ้วน เฉินซีเป็นเหมือนภูตผีที่โบยบินไปมาโดยไร้ทิศทาง และปีกนภาดาราบนแผ่นหลังของเขาก็กระพืออย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้ไม่ได้รับการบาดเจ็บใด ๆ แม้แต่นิดเดียว

ฟิ้ว!

ร่างของชายหนุ่มได้หายไปจากจุดนั้นด้วยความเร็วที่เหนือจินตนาการจนไม่อาจอธิบายได้ เพียงชั่วพริบตาก็ทะยานห่างออกไปถึงร้อยยี่สิบจั้ง และปรากฏที่เบื้องหน้าของเว่ยเยว่จื่อ จากนั้นยันต์ศัสตราของเขาก็แทงออกไปอย่างดุเดือด

คลื่นกระบี่พวยพุ่งออกมา ยิ่งไปกว่านั้นมีสัตว์ร้ายที่เหมือนวานรวารีกำลังอาละวาดอยู่ภายในเต๋ารู้แจ้งแห่งสายน้ำที่พลุ่งพล่าน ทำให้กระบวนท่านี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายที่ดุร้ายและกดดันอย่างมหาศาล

กระบวนท่ากระบี่ที่น่าตกตะลึงในครั้งนี้คือ กระบี่ข่านแห่งวารีของเคล็ดกระบี่หมื่นบรรจบ!

หลังจากการจารึกยันต์เทวะคงคาทมิฬในยันต์ศัสตราสำเร็จแล้ว เต๋ารู้แจ้งแห่งสายน้ำของเขาก็เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ยามที่แทงกระบี่จะปรากฏวานรวารีอันดุร้ายออกมา!

อย่างไรก็ตาม ผู้คนดูเหมือนจะเห็นว่า เมื่อเทียบกับความเร็วของเคล็ดวิชาตัวเบาของเฉินซีแล้ว การโจมตีดูเหมือนจะช้ากว่าเล็กน้อย แต่นี่ก็เป็นความตั้งใจเช่นกัน เนื่องจากเขาตั้งใจจะใช้เว่ยเยว่จื่อเป็นเป้าซ้อมมือ เพื่อทดสอบความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของตนเอง

แต่สำหรับเว่ยเยว่จื่อ การโจมตีที่รวดเร็วเหมือนกับผุดขึ้นมาจากกลางอากาศ ก่อให้เกิดความหวาดกลัวจนดวงวิญญาณแทบหลุดออกจากร่างจนไม่กล้าลังเลอีกต่อไป จากนั้นด้วยสัญชาตญาณอันเฉียบคม จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนกระบวนท่ากระบี่อย่างกะทันหัน ทำให้ม่านพลังกระบี่สีทองขวางกั้นอยู่ที่เบื้องหน้า

ฟู่!

ทว่าภายใต้การโจมตีอันดุเดือดของยันต์ศัสตรา ม่านพลังกระบี่สีทองที่ขวางกั้นอยู่ดูเหมือนกับแผ่นกระดาษที่ฉีกขาด ในขณะที่เว่ยเยว่จื่อฉวยโอกาสนี้เพื่อล่าถอยออกไปกว่าสี่สิบจั้ง

ผลลัพธ์นี้อยู่ในความคาดหมายของชายหนุ่มจึงอดยิ้มออกมาไม่ได้ จากนั้นเขาก็พุ่งเข้าหาเว่ยเยว่จื่ออีกครั้งโดยปราศจากความลังเล

เมื่อเทียบกับองค์ชายหวงฝู่กับผู้บ่มเพาะคนอื่น ๆ แล้ว ความแข็งแกร่งของเว่ยเยว่จื่อด้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด และไม่อาจทำอันตรายใด ๆ ต่อเฉินซีได้ แต่ด้วยความแข็งแกร่งที่มีอยู่ก็เพียงพอที่เขาจะถูกใช้เป็นเป้าซ้อมมือ

ปัง! ปัง! ปัง!

ท้องฟ้าสั่นสะเทือน พื้นดินแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ และกระแสอากาศพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า เฉินซีกับเว่ยเยว่จื่อกำลังต่อสู้อยู่กลางอากาศ คนทั้งสองเป็นผู้บ่มเพาะวิถีกระบี่ ดังนั้นปราณกระบี่ที่ปลดปล่อยออกมาจึงสร้างความเสียหายให้แก่สนามฝึกซ้อมอย่างยับเยิน ทำให้พื้นดินทั้งหมดไหม้เกรียมและแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ จนเกือบจะเป็นซากปรักหักพัง หากไม่ใช่เพราะเฉินซีจงใจควบคุมทิศทางการต่อสู้ จวนตระกูลเฉินคงจะราบเป็นหน้ากลอง!

แต่ถึงกระนั้น กระแสอากาศอันน่าสะพรึงกลัวที่เกิดจากการต่อสู้ก็ไม่ต่างกับพายุที่ผลักดันเหล่าผู้ชมให้ล่าถอยซ้ำแล้วซ้ำเล่า เนื่องจากเกรงว่าตนเองจะได้รับผลกระทบ

หลังจากที่ถอยห่างจากสนามฝึกซ้อมไปราวสองลี้ ทุกคนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทว่าความประหลาดใจได้เกิดขึ้น เนื่องจากไม่มีผู้ใดคาดคิดว่า… เฉินซีจะสามารถต่อสู้กับผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางขั้นสมบูรณ์แบบได้ และดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้สึกตึงมือใด ๆ และยังได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด

ในบรรดาผู้คนที่อยู่ในตอนนี้ มีเพียงเฉินฮ่าวเท่านั้นที่รู้ว่าผู้เป็นพี่ชายไม่ได้ใช้กำลังเต็มที่มาตั้งแต่แรก มีหลายครั้งที่สามารถฆ่าเว่ยเยว่จื่อได้ แต่กลับจงใจชะลอการเคลื่อนไหวให้ช้าลง เพื่อให้เว่ยเยว่จื่อสามารถหลบหนีจากความตาย ฉากเหล่านี้เหมือนเฉินซีกำลังเป็นแมวที่เล่นกับหนูอย่างไรอย่างนั้น…

“หรือว่าท่านพี่กำลังทดสอบเคล็ดวิชากระบี่ของเขา?”

หลังจากคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เฉินฮ่าวก็ตระหนักได้ทันที มุมปากจึงยกยิ้ม รู้สึกว่าความกังวลทั้งหมดมอดม้วยหายไป ทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายจนยากพรรณนา ดูเหมือนว่าตราบใดที่พี่ชายยังอยู่ ภยันตรายใด ๆ ก็มิอาจคุกคามเขากับตระกูลเฉินได้อีกต่อไป!

ในทำนองเดียวกัน หลินชิวหลิง ศิษย์หญิงของนิกายกระบี่เบญจธาตุก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติเช่นกัน การบ่มเพาะของนางบรรลุถึงขอบเขตแกนทองคำหยินหยางขั้นสูง และแม้ว่าจะไม่สามารถเทียบกับเว่ยเยว่จื่อผู้เป็นศิษย์พี่ใหญ่ได้ แต่กล่าวได้ว่าเหนือล้ำที่สุดในหมู่ผู้ชม ด้วยความสามารถอันเฉลียวฉลาด ทำให้สังเกตเห็นได้ในทันทีว่าศิษย์พี่ใหญ่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย!

“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้?“

“เจ้าคนน่ารังเกียจผู้นี้เห็นได้ชัดว่ามีฐานการบ่มเพาะที่ขอบเขตแกนทองคำหยินหยางครึ่งขั้นเท่านั้น แต่เหตุใดจึงสยบศิษย์พี่ใหญ่ได้?”

หลินชิวหลิงไม่กล้าเชื่อสายตาของตนเองเช่นกัน ความเย่อหยิ่งจองหองบนใบหน้าอันงดงามจางหายไป นางสูดลมหายใจเข้าลึกและพยายามสงบสติอารมณ์ ก่อนที่จะเริ่มไตร่ตรองการเคลื่อนไหวของชายหนุ่มอย่างระมัดระวัง

การกระทำเช่นนี้ ทำให้สังเกตเห็นถึงความจริงที่น่าตกตะลึง เต๋ารู้แจ้งแห่งไฟขอบเขตเริ่มต้น เต๋ารู้แจ้งแห่งสายน้ำขอบเขตเริ่มต้น เต๋ารู้แจ้งแห่งโลหะขอบเขตเริ่มต้น เต๋ารู้แจ้งแห่งพฤกษาขอบเขตเริ่มต้น เต๋ารู้แจ้งแห่งผืนดินขอบเขตเริ่มต้น… ยิ่งไปกว่านั้น เต๋ารู้แจ้งเหล่านี้ยังสามารถก่อตัวขึ้นมาเป็นรูปเป็นร่างได้อีกเช่น อนิจจา! ชายผู้นี้ได้หยั่งรู้ถึงมหาเต๋าของธาตุทั้งห้าอย่างแท้จริง!

แต่สิ่งที่ทำให้หนังศีรษะของนางด้านชาเป็นพิเศษ ก็คือความเร็วของเฉินซีที่รวดเร็วมหาศาล ซึ่งเหนือกว่าศิษย์พี่ใหญ่มากกว่าสองเท่า มันสามารถเทียบได้กับการย่นมิติ ยิ่งไปกว่านั้น ปีกที่มองเห็นได้อย่างคลุมเครือบนด้านหลังยังแผ่สยาย อีกทั้งยังปล่อยกลิ่นอายเก่าแก่และอ้างว้างออกมา ซึ่งมันก็คือกลิ่นอายของปราณจ้าววิญญาณ เห็นได้ชัดว่าปีกคู่นั้นเป็นหนึ่งในเคล็ดวิชาตัวเบาของพลังอิทธิฤทธิ์ที่ทรงพลัง!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]