บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 272

บทที่ 272 สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์แห่งเบญจธาตุ

บทที่ 272 สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์แห่งเบญจธาตุ

ฟึ่บ!

ร่างของเฉินซีปรากฏขึ้นที่ด้านข้างของกำแพงเมืองทันที เขาใช้กระบี่ฟันไปยังสัตว์อสูรที่หนิงเต้าฟู่พัวพันอยู่โดยไม่กล่าวอะไรสักคำ ความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรตนนี้อยู่ที่ขอบเขตเคหาทองคำ แต่มันกลับส่งเสียงร้องโหยหวนก่อนที่จะล้มตายอย่างน่าอนาถ

ในบรรดาผู้คนที่เฝ้าระวังบนกำแพงเมือง หนิงเต้าฟู่ ผู้อาวุโสของสำนักหมอกสนมีฐานการบ่มเพาะที่สูงที่สุด แต่คู่ต่อสู้ของเขาคือจิ้งจอกเพลิงวายุ ซึ่งดูเหมือนจะมีการบ่มเพาะที่ขอบเขตเคหาทองคำและแข็งแกร่งมากกว่าเขา ดังนั้น แม้ว่าเขาจะโจมตีด้วยท่าไม้ตายทั้งหมด แต่เขาก็ไม่อาจทำอะไรกับสัตว์อสูรตัวนี้ได้ นอกจากนี้แขนของเขาก็ได้รับบาดเจ็บจากมันแทน

ในขณะนี้ เมื่อเขาเห็นเฉินซีกำจัดจิ้งจอกเพลิงวายุได้อย่างง่ายดายด้วยการฟันกระบี่เพียงครั้งเดียว ดวงตาของหนิงเต้าฟู่ก็เบิกโพลง และนอกจากจะตกใจแล้ว เขายังถอนหายใจด้วยความโล่งอก ซึ่งเดิมทีเขาเตรียมพร้อมที่จะตายมาตั้งนานแล้ว

เฉินซีไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้ ในขณะที่เขาพุ่งขึ้นไปบนกำแพงเมืองก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ทันใดนั้น เขาก็พบว่า สถานการณ์เลวร้ายยิ่งกว่าที่เขาคาดไว้ ผู้นำของกองกำลังต่าง ๆ ล้วนได้รับบาดเจ็บและอาบไปด้วยเลือด ไม่ต้องกล่าวถึงว่ามีสัตว์อสูรมากกว่าสิบตนที่มีขอบเขตตำหนักอินทนิลกำลังพุ่งผ่านเข้าสู่ประตูเมือง ถ้าพวกมันไม่ถูกฆ่าตายในตอนนี้ ก็มีโอกาสสูงที่พวกมันจะนำหายนะมาสู่ผู้คนในเมือง

ฟิ้ว!

เมื่อเขาใช้ปีกนภาดารกะอย่างเต็มกำลัง ร่างของเฉินซีก็พร่าเลือนและก็หายไปในทันที หลังจากนั้น ทุกคนก็เห็นว่าสัตว์อสูรขอบเขตตำหนักอินทนิลนับสิบตนที่กำลังพุ่งเข้ามาในเมืองจากทุกทิศทาง ในเวลาเพียงไม่กี่อึดลมหายใจ พวกมันทั้งหมดต่างก็ล้มตาย!

“รวดเร็วยิ่งนัก!”

“รวดเร็วจนไม่น่าเชื่อ!”

มันรวดเร็วจนผู้คนไม่สามารถเห็นร่างของเฉินซีได้อย่างชัดเจน และพวกเขาก็ไม่เห็นด้วยซ้ำว่าเฉินซีโจมตีอย่างไร ก่อนที่สัตว์อสูรขอบเขตตำหนักอินทนิลเหล่านั้นจะพินาศ

ในขณะที่ทุกคนตกตะลึง เฉินซีก็ปรากฏตัวบนกำแพงเมืองอีกครั้ง และเขาก็ออกคำสั่งว่า “พวกท่านทุกคนถอยออกไปและรักษาอาการบาดเจ็บของท่านซะ ปล่อยที่นี่ให้เป็นหน้าที่ของข้า”

คนเหล่านี้ล้วนได้รับบาดเจ็บ และชีวิตของพวกเขาอาจตกอยู่ในอันตราย หากพวกเขายังคงต่อสู้ต่อไป ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขา พวกเขาไม่สามารถช่วยอะไรได้อีก ดังนั้น เหตุใดถึงไม่รีบกลับไปรักษาอาการบาดเจ็บของตนเองซะ เพราะด้วยวิธีนี้ พวกเขาจะยังมีความหวังที่จะมีชีวิตรอด

“นี่…” ทุกคนต่างก็ลังเล เนื่องจากพวกเขารู้สึกว่าการล่าถอยในเวลานี้คงเป็นเรื่องที่น่าละอายอย่างยิ่ง

เฉินซีขมวดคิ้ว “หากพวกท่านยังรั้งอยู่ จะส่งผลต่อความสามารถในการต่อสู้ของข้า เข้าใจไหม?”

นี่เป็นความจริง ขนาดของฝูงสัตว์อสูรนั้นใหญ่เกินไป และถ้าเขาต่อสู้ด้วยกำลังทั้งหมด เขาก็ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวต่อสิ่งใด แต่ถ้าเขาต้องหันเหความสนใจไปช่วยชีวิตผู้อื่น มันคงเป็นเรื่องที่ยากลำบากเกินไป

ทุกคนต่างก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อยจากคำกล่าวของเฉินซี แต่พวกเขาก็เข้าใจว่าสิ่งที่เฉินซีกล่าวนั้นเป็นความจริง ดังนั้นพวกเขาจึงหยุดความคิดที่จะยืนหยัดต่อไป จากนั้นจึงประสานมือคารวะไปที่เฉินซีอย่างต่อเนื่อง และทยอยจากไปทีละคน

เมื่อเฉินซีเห็นว่าทุกคนได้ล่าถอยกลับไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป และหลังจากที่ตวัดกระบี่เพื่อฆ่าสัตว์อสูรกว่าสิบตัวที่พุ่งเข้าหาประตูเมือง เขาก็ใช้ช่วงเวลาสั้น ๆ นี้เพื่อมองไปยังระยะไกล

สัตว์อสูรขอบเขตแกนทองคำหยินหยางทั้งสองที่ควบคุมฝูงสัตว์อสูรนั้นได้ล้มตายและหลบหนีไปแล้ว ดังนั้นความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรที่เหลืออยู่ก็ไม่อาจคุกคามเฉินซีได้ แต่จำนวนของพวกมันยังคงมีมหาศาลจนน่าตกตะลึง อีกทั้งยังมีสัตว์อสูรเหลืออยู่อย่างน้อยก็มากกว่านับพันตัว

จำนวนเช่นนี้ดูเหมือนจะปกติ แต่เมื่อสัตว์อสูรจำนวนมากปรากฏตัวขึ้นในระยะสายตา ก็จะเข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นน่าตกตะลึงเพียงใด และมันก็ไม่ใช่การกล่าวเกินไปที่จะอธิบายว่ามันเป็นดั่งคลื่นยักษ์ที่ถาโถมเข้ามาอย่างมืดฟ้ามัวดิน

ยิ่งไปกว่านั้น สัตว์อสูรเหล่านี้ล้วนมีร่างกายใหญ่โตอย่างน่าตกตะลึง บางตัวอาจมีร่างสูงใหญ่กว่าสี่สิบจั้ง และบางตัวอาจสูงแปดจั้ง เมื่อพวกมันปรากฏบนท้องฟ้าและพื้นดินอย่างหนาแน่น ก็เปรียบได้ดั่งมหาสมุทรที่กว้างใหญ่อย่างไร้ขอบเขต

“ช่างลำบากยิ่งนัก…” เฉินซีพึมพำกับตัวเองขณะที่เขาเก็บยันต์ศัสตรา จากนั้นปราณจ้าววิญญาณในร่างกายของเขาก็โคจรไปทั่ว ในขณะที่เขายกมือขึ้นเพื่อฟาดไปยังพื้นที่เบื้องหน้า

ตู้ม!

ฝ่ามือที่มีขนาดใหญ่กว่าร้อยยี่สิบจั้งได้ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า มันอาบไปด้วยประกายแสงหลากสีสันที่แสนงดงาม บนเส้นฝ่ามือมีดวงดาวพร่างพรายที่ส่องแสงระยิบระยับนับไม่ถ้วน ขณะที่พวกมันหมุนเวียนไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และดูเหมือนว่าพวกมันจะมีแฝงไปด้วยมหาเต๋าที่ลึกล้ำอย่างไร้ขอบเขต ซึ่งคงอยู่มาชั่วนิรันดร์

ฝ่ามือมหาดารา!

ฝ่ามือมหาดาราในยามนี้แตกต่างจากครั้งที่เขาบ่มเพาะสำเร็จเป็นครั้งแรก เนื่องจากในตอนนี้ มันได้รับการพัฒนาจากการบ่มเพาะกายาของเฉินซี มันจึงแฝงไปด้วยปราณดาราปฐพีที่ห้า ปราณดาราทองคำที่เจ็ด ปราณดาราพฤกษาที่สอง และปราณดาราวารีที่เก้า

ทันทีที่มันปรากฏขึ้น ความผันผวนที่น่าสะพรึงกลัวก็ระเบิดออกมาด้วยพลังงานของธาตุทั้งห้าที่ใจกลางของมันและแผ่กระจายออกไปโดยรอบ เพียงแค่กลิ่นอายของมันก็ทำให้อากาศสั่นสะเทือนจนระลอกคลื่นปรากฏขึ้น และพื้นดินก็ถูกกดดันจนแตกออกเป็นรอยแยกมากมายที่เหมือนใยแมงมุม

ยิ่งกว่านั้น ดวงดาวนับไม่ถ้วนที่หมุนเวียนอย่างไม่มีที่สิ้นสุดบนเส้นลายมือนั้นดูเหมือนจะมีชีวิตขึ้นมา และพวกมันก็เคลื่อนคล้อยและล่องลอยไปรอบ ๆ ในขณะที่พวกมันเปล่งประกายแสงที่เย็นยะเยือกและพร่างพราวของดวงดาว ซึ่งสะท้อนไปยังพลังงานของธาตุทั้งห้า และดูเหมือนว่ามันได้ขจัดแสงและกระแสลมต่าง ๆ ในระยะยี่สิบห้าลี้ออกไปจนหมดสิ้น ก่อนจะควบแน่นภายในฝ่ามือขนาดใหญ่ ทำให้สวรรค์และโลกตกอยู่ในความสับสนอลหม่านราวกับจะพังทลายลง

เพียงฝ่ามือเดียวก็สามารถบดบังไปทั้งสวรรค์ และทำให้ท้องฟ้าเปลี่ยนสี!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]