บทที่ 277 เดินทางสู่ทิศเหนือ
บทที่ 277 เดินทางสู่ทิศเหนือ
สามวันต่อมา
ราชาเต่าเฒ่าและราชาจิ้งจอกเก้าหางได้มาถึงอย่างพร้อมเพรียง หลังจากผ่านไปสองปี การบ่มเพาะของราชาอสูรทั้งสองก็ยิ่งลึกล้ำมากขึ้น ทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขาได้ปลดปล่อยปราณอสูรที่กล้าแกร่งอย่างเอ่อล้น ทำให้อากาศโดยรอบสั่นสะเทือนจนมีระลอกคลื่นเกิดขึ้น ร่างกายทั้งหมดของพวกเขาคล้ายเป็นหนึ่งเดียวกับฟ้าดิน
เมื่อบรรลุสู่ขอบเขตจุติ จำเป็นต้องดูดซับพลังงานหยินและหยางเข้าสู่ร่างกายเพื่อควบแน่นกงล้อสังสารวัฏ และปราณแท้จะได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาล
ในทางกลับกันเมื่อบรรลุจากขอบเขตจุติไปสู่ขอบเขตสถิตกายา ร่างกายและจิตใจทั้งหมดจะประสานเป็นหนึ่งเดียวกับฟ้าดิน ทำให้ทุกการเคลื่อนไหวของคนผู้นั้นสามารถดำเนินไปตามพลังแห่งฟ้าดิน นอกจากนี้ คนผู้นั้นจะสามารถเข้าใจเคล็ดวิชาการเคลื่อนที่ผ่านมิติได้
สิ่งที่เรียกว่าร่างกายและจิตใจทั้งหมดจะประสานเป็นหนึ่งเดียวกับฟ้าดินคือการเปลี่ยนแปลงของดวงจิตแห่งเต๋าที่ทำให้สามารถใช้พลังของฟ้าดินได้ และเป็นลักษณะเด่นของขอบเขตสถิตกายา ผู้บ่มเพาะที่บรรลุถึงขอบเขตนี้จะถูกเรียกอีกอย่างว่า ‘ปรมาจารย์สถิตกายา’
ตัวอย่างเช่น เหวินเสวี่ยน ผู้เป็นอาจารย์ของเฉินฮ่าว ก็เป็นปรมาจารย์สถิตกายา
ในขณะนี้ กลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมาจากราชาเต่าเฒ่าและราชาจิ้งจอกเก้าหางมีร่องรอยของความสอดคล้องกับฟ้าดินอย่างแผ่วเบา แม้ว่าจะสัมผัสได้เพียงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ยากที่จะบอกว่านี่คือสัญญาณที่กำลังทะลวงไปสู่ขอบเขตสถิตกายา
เมื่อเห็นราชาอสูรทั้งสองกำลังจะทะลวงจากขอบเขตจุติไปสู่ขอบเขตสถิตกายาหลังจากผ่านไปเพียงแค่สองปี เฉินซีสามารถใช้คำว่า ‘ชื่นชม’ เพื่อบรรยายความรู้สึกที่อยู่ในใจของเขา
อย่างไรก็ตาม เขาก็ทราบเช่นกันว่าราชาอสูรทั้งสองตนนี้ติดอยู่ในขอบเขตตำหนักอินทนิลมานานกว่าหมื่นปีและการสะสมพลังของพวกเขาก็อยู่ในระดับที่ไม่อาจจินตนาการได้ ดังนั้นการที่พวกเขาสามารถก้าวหน้าในช่วงเวลาสั้น ๆ นั้นเป็นสิ่งสมเหตุสมผลแล้ว
ในปัจจุบัน มีงานเลี้ยงหรูหราอยู่ภายในห้องโถงใหญ่ของตระกูลเฉิน ซึ่งมีแขกจำนวนมากมาร่วมงาน และมันก็คึกคักเป็นพิเศษ
การมาถึงของราชาเต่าเฒ่าและราชาจิ้งจอกเก้าหางได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเฉินซี เฉินฮ่าว และผู้นำต่าง ๆ ของกองกำลังในเมืองหมอกสน ราชาอสูรทั้งสองก็ไม่ได้วางตัวเย่อหยิ่งเช่นกัน พวกเขาจึงพูดคุยสนทนากันด้วยรอยยิ้ม ทำให้บรรยากาศในห้องโถงใหญ่เต็มไปด้วยความสุขสันต์
อันที่จริง ทุกคนต่างรู้เหตุผลที่ราชาอสูรทั้งสองตนปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างสุภาพมากนั้นเป็นเพราะความเคารพที่มีต่อเฉินซีอย่างแน่นอน มิฉะนั้น ด้วยความแข็งแกร่งของราชาอสูรทั้งสองตนก็คงจะไม่เห็นค่าของผู้อื่นเลยแม้แต่น้อย
หลังจากงานเลี้ยงจบลง ราชาอสูรทั้งสองไม่ได้รั้งอยู่ต่อและเดินทางตรงไปยังส่วนลึกของเทือกเขา ซึ่งก่อนที่พวกเขาจะมาที่เมืองหมอกสนในครั้งนี้ พวกเขาทั้งสองคนได้ทราบถึงคำขอของเฉินซีแล้ว และสำหรับพวกเขาในตอนนี้ การจัดการกับกลุ่มผู้บ่มเพาะอสูรนั้นเป็นงานที่ง่ายมาก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ปฏิเสธคำเชิญของเฉินซี
ไม่ต้องกล่าวถึงว่า ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่นิกายกระบี่เมฆาพเนจร แม้ว่าพวกเขาจะได้รับความเคารพในฐานะผู้อาวุโส แต่ก็ยังมีนักพรตเต๋าเหวินเสวี่ยนและบรรพจารย์สูงสุดเป่ยเหิงที่อยู่เหนือพวกเขา ในขณะที่เฉินซีเป็นพี่น้องร่วมสาบานของเป่ยเหิง ดังนั้นการช่วยเหลือเฉินซี จึงเทียบเท่ากับการส่งเสริมตัวเอง เมื่อเป็นเช่นนั้น เหตุใดพวกเขาจึงจะไม่ทำเล่า?
พฤติกรรมของราชาอสูรทั้งสองตนทำให้ทุกคนอิจฉาและอุทานด้วยความชื่นชมในใจ อาจมีเพียงเฉินซีเท่านั้นที่สามารถสั่งผู้บ่มเพาะขอบเขตจุติสองตนได้อย่างราบรื่น ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะสามารถทำตาม
หนึ่งวันต่อมา
ราชาเต่าเฒ่าและราชาจิ้งจอกเก้าหางได้กลับมายังเมืองหมอกสน เนื่องจากพวกเขาทำตามคำขอของเฉินซีได้สำเร็จจนเป็นที่น่าพอใจ แต่มีสิ่งหนึ่งที่พวกเขาต้องปรึกษาหารือกับเฉินซีเสียก่อน
“ในปัจจุบัน มีผู้บ่มเพาะอสูรจำนวนมากอยู่ในส่วนลึกของเทือกเขาแดนเถื่อนตอนใต้ แม้ว่าความแข็งแกร่งของพวกเขาจะก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดด แต่พวกเขาก็ยังขาดสมบัติวิเศษและอุปกรณ์ที่เหมาะสม ดังนั้นพวกเขาจึงขอร้องให้เรามาที่นี่เพื่อดูว่าพวกเขาจะพอซื้อสมบัติบางอย่างจากเจ้าได้ไหม” ในห้องโถงใหญ่ของตระกูลเฉิน ราชาเต่าเฒ่ากล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ไม่ต้องกังวล พวกเขาจะใช้วัตถุวิญญาณ ไม้วิญญาณและสมบัติอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกันเพื่อแลกเปลี่ยน พวกเขาจะไม่รับสิ่งของจากตระกูลเฉินของเจ้าโดยไม่มีสิ่งใดมาแลกเปลี่ยนให้”
“ซึ่งอันที่จริง การเปลี่ยนแปลงในส่วนลึกของเทือกเขานั้น มหัศจรรย์ยิ่งนัก ไม่ใช่แค่เหล่าสัตว์อสูรเท่านั้น แม้แต่สมุนไพรและสินแร่ก็เติบโตขึ้นอย่างบ้าคลั่ง และคุณภาพของมันก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีแม้กระทั่งเส้นชีพจรวิญญาณและสายแร่คุณภาพสูงจำนวนมากที่ผุดขึ้นมา” ราชาจิ้งจอกเก้าหางยิ้มขณะที่เขากล่าว
“แต่น่าเสียดายที่เผ่าพันธุ์อสูรนั้นไม่ชำนาญในการปรับแต่งอุปกรณ์และเล่นแร่แปรธาตุ แม้พวกเขาจะนั่งอยู่บนภูเขาสมบัติเช่นนั้นแต่ก็ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากพวกมันได้อย่างถูกต้อง ข้าขอแนะนำให้เจ้าลงนามในข้อตกลงกับผู้บ่มเพาะอสูรเหล่านี้ ตระกูลเฉินจะช่วยพวกเขาซื้อสมบัติวิเศษและโอสถ ในขณะที่พวกเขาจะส่งเส้นชีพจรวิญญาณ สายแร่วิญญาณ สมุนไพร และวัสดุอื่น ๆ ให้กับตระกูลเฉินแทน แน่นอนว่าราคานั้นขึ้นอยู่กับที่เจ้าจะกำหนด ดังนั้นก็ไม่ต้องกังวลกับพวกเขาและทำเงินให้ได้มากที่สุดก็พอ ด้วยวิธีนี้ เหตุใดเจ้าถึงต้องกังวลว่าตระกูลเฉินของเจ้าจะไม่ประสบกับความรุ่งเรืองด้วยเล่า?”
หัวใจของเฉินซีก็หวั่นไหวเช่นกันเมื่อเขาได้ยินเรื่องนี้ เพราะความแข็งแกร่งของตระกูลไม่สามารถทำได้ หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากทรัพยากรทางการเงินจำนวนมหาศาล ในขณะที่ทรัพยากรทางการเงินเหล่านี้มักจะสะท้อนให้เห็นถึงจำนวนร้านค้า สายแร่ และสวนสมุนไพรที่ตระกูลครอบครอง ตัวอย่างเช่น เหตุผลที่กองกำลังต่าง ๆ ในเมืองหมอกสนสามารถคงอยู่ได้หลายพันปีโดยไม่ล่มสลายนั้น จำนวนทรัพยากรทางการเงินที่พวกเขาครอบครองล้วนมีบทบาทสำคัญอย่างไม่ต้องสงสัย
บางตระกูลมีความชำนาญในการเล่นแร่แปรธาตุ ดังนั้นพวกเขาจึงกว้านซื้อทุ่งเพาะปลูกวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วน เพื่อที่จะปลูกสมุนไพร บางกลุ่มมีความชำนาญในการฝึกสัตว์อสูร ดังนั้นพวกเขาจึงเปิดโรงฝึกสัตว์อสูร เพื่อขยายพันธุ์สัตว์วิญญาณและวิหควิญญาณ ในขณะที่บางตระกูลอาจไม่มีกิจการอื่น ๆ แต่พวกเขาครอบครองเส้นชีพจรวิญญาณและสายแร่วิญญาณบางส่วน ดังนั้นพวกเขาจึงได้รับความมั่งคั่งจำนวนมากจากการทำเหมืองและขายพวกมัน
ณ ปัจจุบัน แม้ว่าตระกูลเฉินจะเติบโตขึ้นและกลายเป็นกองกำลังอันดับหนึ่งในเมืองหมอกสน แต่ก็ขาดแหล่งทรัพยากรทางการเงินในระยะยาว ดังนั้นมันจึงไม่สามารถเลี้ยงตัวเองได้เป็นเวลานาน นอกจากนี้ การเติบโตและความเจริญรุ่งเรืองนั้นก็คล้ายกับสำนวนที่ว่า ‘หากปราศจากแหล่งน้ำ ต้นไม้ก็ไม่มีวันงอกงาม’
การปรากฏขึ้นของส่วนลึกของเทือกเขา ทำให้ตระกูลเฉินได้รับโอกาสอันยอดเยี่ยมอย่างไม่ต้องสงสัย ถ้ามันสามารถใช้งานได้ ตระกูลเฉินก็จะไม่ต้องกังวลต่อการขาดแคลนทรัพยากรทางเงินอีกไปนาน
เมื่อลองพิจารณาดูแล้ว ส่วนลึกของเทือกเขาได้ครอบคลุมพื้นที่นับแสนลี้ แล้วจะมีเส้นชีพจรวิญญาณและสายแร่วิญญาณกี่เส้นอยู่ในนั้นกัน? นอกจากนี้จะมีสมุนไพรและวัตถุวิญญาณอยู่กี่หมื่นชนิด? ถ้าเขาสามารถควบคุมทั้งหมดนี้ด้วยมือของเขาเอง มันก็เท่ากับควบคุมแหล่งทรัพยากรทางการเงินจำนวนมหาศาล ดังนั้นการเติบโตและการรุ่งเรืองของตระกูลเฉินจะอยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อมไม่ใช่หรือ?
“ตกลง!” เฉินซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจอย่างแน่วแน่ พร้อมกับกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าต้องขอบคุณพี่ใหญ่ที่ช่วยให้ข้าบรรลุเป้าหมายนี้ และพวกท่านก็มีส่วนส่งเสริมตระกูลเฉินของข้ามาก ข้าจะจดจำบุญคุณนี้ของพวกท่านไปตลอดกาล”
อันที่จริง ผู้บ่มเพาะอสูรที่อยู่ในส่วนลึกของเทือกเขาสามารถร่วมมือกับตระกูลอื่น ๆ เพื่อจัดหาสิ่งที่พวกเขาต้องการได้ แต่เหตุผลที่พวกเขาเลือกตระกูลเฉินนั้นเป็นเพราะราชาเต่าเฒ่าและราชาจิ้งจอกเก้าหางช่วยพวกเขาไว้อย่างมาก ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกตระกูลเฉินเพื่อตอบแทนราชาอสูรทั้งสองตน
ราชาเต่าเฒ่าและราชาจิ้งจอกเก้าหางชำเลืองมองกันและกัน จากนั้นพวกเขาก็เริ่มหัวเราะเสียงดังอย่างมีความสุข พวกเขากำลังรอคำกล่าวเหล่านี้จากเฉินซี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...