บทที่ 278 เทือกเขาหมื่นพิษ
บทที่ 278 เทือกเขาหมื่นพิษ
กุ้งสวรรค์ตัวโตที่ยาวถึงสิบสองชุ่นถูกดองด้วยพริก… หน่อไม้วิญญาณฝานจนบางเท่าปีกของจักจั่น… เนื้อกวางสีครามที่ย่างจนน้ำมันสีทองหยดย้อยออกมา… เปาะเปี๊ยะเก้าสมบัติที่ทอดจนกรุบกรอบ… และหม้อน้ำแกงหางวิหคเพลิงที่คุกรุ่นถูกวางไว้บนโต๊ะ พวกมันล้วนมีสีสันน่ากินและส่งกลิ่นหอม ทำให้อากาศในห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมอันเย้ายวน
“กินสิ” เฉินซีจิบสุราเข้าไปเต็มคำก่อนจะยิ้มให้มู่ขุย
“นายท่าน ต่อให้ข้าไม่ต้องกินก็สามารถอยู่ได้” มู่ขุยรีบตอบด้วยสีหน้าลำบากใจอย่างยิ่ง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาทำอาหาร แต่เขากลับใช้น้ำเกลือเป็นน้ำมันในการปรุงอาหาร และเขาก็รู้สึกละอายใจเป็นอย่างมาก
“เจ้าลองกินก่อน แม้ว่าพวกเราผู้บ่มเพาะจะสามารถอยู่ได้โดยปราศจากอาหาร แต่การได้กินของอร่อยบางอย่างก็เป็นความเพลิดเพลินอย่างหนึ่งเช่นกัน” เฉินซีส่งตะเกียบคู่หนึ่งและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่อาจปฏิเสธได้
“ขอบคุณขอรับนายท่าน” มู่ขุยไม่สามารถปฏิเสธได้ ดังนั้นเขาจึงยกตะเกียบขึ้นและเริ่มคีบอาหารเข้าปาก เขาเพียงลิ้มรสหน่อไม้ที่ขาวราวกับหยกอย่างช้า ๆ ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่าปากและท้องของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมและอธิบายไม่ได้ ทำให้ความอยากอาหารของเขาถูกกระตุ้นอย่างรุนแรง และเขาก็อดไม่ได้ที่จะหยิบมันขึ้นมาอีกชิ้น หลังจากนั้น เขาก็ไม่สามารถหยุดตัวเองได้และเริ่มกินอย่างตะกละตะกลามโดยไม่มีการยับยั้งเลยแม้แต่น้อย
“โฮก!” ไป๋คุยเงยหน้าขึ้นจากจานและจ้องมองมู่ขุยที่กำลังกินอาหารด้วยความไม่พอใจเพราะมันเห็นว่าอีกฝ่ายกินเร็วยิ่งกว่าตัวมัน จากนั้นมันจึงรีบฝังหัวของมันลงในจานอีกครั้งและเขมือบอาหารอย่างเต็มปากเต็มคำมากกว่าเดิม
เฉินซียิ้มบาง ๆ จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนและกลับไปที่ห้องโดยสารในเรือเหาะก่อนที่จะเริ่มทำสมาธิและบ่มเพาะ เหลือเวลาเพียงหนึ่งปีครึ่งก่อนที่การชุมนุมดาวรุ่งจะเริ่มขึ้น ดังนั้นเขาจึงต้องใช้เวลาในการการบ่มเพาะให้คุ้มค่าที่สุดและมุ่งมั่นที่จะบรรลุขอบเขตแกนทองคำหยินหยาง มิฉะนั้น เขาจะไม่มีคุณสมบัติแม้แต่จะเข้าร่วมการชุมนุมดาวรุ่ง
เพียงชั่วพริบตา เวลาก็ผ่านไปถึงครึ่งเดือน
ในวันนี้ เฉินซีตื่นขึ้นจากการทำสมาธิและสัมผัสได้ราง ๆ ว่า มีกระแสลมแปลก ๆ ซึ่งเบาบางราวกับเส้นผม พัดออกมาจากประตูชีวิตที่อยู่ใจกลางทะเลสาบปราณแท้ในท้องทะเลแห่งลมปราณของเขา และถ้าเขาไม่ใส่ใจมันอย่างระมัดระวัง เขาจะไม่สามารถสังเกตเห็นมันได้อย่างชัดเจน
‘หรือว่านี่มัน… บททดสอบแห่งไฟและลมกำลังก่อตัวขึ้น และคงอีกไม่นานนักที่ข้าจะบรรลุไปสู่ขอบเขตแกนทองคำหยินหยาง!’ มุมปากของเฉินซีเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ในขณะที่เขายืนขึ้นและยืดแขนขาของเขาก่อนจะเดินไปที่หัวเรือ
เทือกเขาหมื่นพิษน่าจะอยู่ที่เบื้องหน้า มันมีขนาดมหึมาและทอดยาวออกไปนับหมื่นลี้ นอกจากนี้ ที่ด้านหลังของมันคือแม่น้ำอัสดงที่พาดผ่านผืนดิน ซึ่งเป็นเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างดินแดนทางตอนใต้กับที่ราบตอนกลาง…” เฉินซีหยิบแผ่นหยกแผนที่ออกมาและมองลงไปที่เบื้องล่าง ขณะที่เขาเปรียบเทียบภูมิประเทศกับแผนที่ในมือ
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เก็บแผนที่และสั่งมู่ขุยว่า “เราจะเริ่มสำรวจจากพื้นดินเมื่อเราไปถึงเทือกเขาหมื่นพิษ”
มู่ขุยรับคำสั่งของเขาด้วยท่าทางเคร่งขรึม ในช่วงครึ่งเดือนที่เฉินซีอยู่ในการปิดด่านบ่มเพาะ เขามักจะคอยเฝ้าคุ้มกันจากทุกสิ่งรอบด้านเนื่องจากการบินอยู่กลางอากาศนั้นก็เต็มไปด้วยอันตรายเช่นเดียวกัน มันจึงมีโอกาสเป็นไปได้ที่จะเจอกับภัยพิบัติทางธรรมชาติและภัยพิบัติที่มนุษย์นำมา ดังนั้น ถ้าพวกเขาเลือกที่จะสำรวจทางพื้นดิน แม้ว่ามันจะใช้เวลานานกว่าเล็กน้อย แต่มันก็ค่อนข้างปลอดภัยกว่า
เทือกเขาหมื่นพิษนั้นทอดยาวออกไปไกลนับหมื่นลี้ และถูกปกคลุมไปด้วยหมอกพิษที่หนาทึบอยู่ตลอดทั้งปี นอกจากนี้ สัตว์มีพิษหลากหลายชนิดต่างก็อาศัยอยู่ภายในนั้น ยกตัวอย่างเช่น งู แมงป่อง แมงมุม ตะขาบ และคางคก หากผู้บ่มเพาะที่มีฐานการบ่มเพาะต่ำกว่าขอบเขตแกนทองคำหยินหยางเข้าสู่เทือกเขา พวกเขาจะถูกโจมตีโดยสัตว์มีพิษเหล่านี้ ก่อนที่จะเสียชีวิตจากการติดพิษในที่สุด แม้ว่าจะเป็นผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยาง พวกเขาก็ยังต้องพกยาแก้พิษที่ทรงพลังก่อนที่จะก้าวเท้าเข้าไปในเทือกเขา
สองชั่วยามต่อมา เฉินซีเก็บเรือเหาะสมบัติและลงมาที่พื้นก่อนจะเข้าไปในเทือกเขาพร้อมกับมู่ขุย
ฟิ้ว!
ปราณกระบี่พุ่งออกไปอย่างฉับพลัน และตะขาบพันขาที่โผล่ออกมาจากรอยแยกในหินก็ถูกฟันกลายเป็นสองท่อน ศพของมันหนาเหมือนถังไม้ กรงเล็บนับพันของมันเป็นสีดำสนิทและปกคลุมไปด้วยประกายสีน้ำเงินจาง ๆ เมื่อเลือดของมันไหลลงสู่พื้น ต้นไม้ในบริเวณนั้นจะเหี่ยวเฉาและล้มตายไปในทันที ส่วนผืนดินก็กลายเป็นสีดำสนิทเหมือนน้ำหมึก และส่งกลิ่นเหม็นฉุนออกมา
‘สมควรแล้วที่มันถูกเรียกว่าเทือกเขาหมื่นพิษ ตลอดทางมานี้ ข้าพบกับสัตว์มีพิษไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยชนิด นอกจากนี้ พวกมันทั้งหมดก็ไม่ด้อยไปกว่าผู้บ่มเพาะขอบเขตเคหาทองคำ อีกทั้งยังมีพิษร้ายแรงอยู่ในร่างกายเช่นกัน ดังนั้นข้าคิดว่าผู้บ่มเพาะธรรมดาทั่วไปคงไม่กล้าย่างกรายเข้ามาในที่แห่งนี้อย่างแน่นอน’
เฉินซีเก็บยันต์ศัสตราของเขาและคอยระแวดระวังอยู่ในใจ เหตุผลที่เขาเดินข้ามเทือกเขานี้ก็เพื่อบ่มเพาะเคล็ดวิชาการต่อสู้ของเขา สัตว์มีพิษที่อยู่ในที่แห่งนี้ล้วนมีไหวพริบและเต็มไปด้วยอันตราย ความแข็งแกร่งของพวกมันก็ไม่ธรรมดา ดังนั้นมันจึงเป็นสนามฝึกซ้อมตามธรรมชาติอย่างไม่ต้องสงสัย และเขาจะไม่พลาดโอกาสเช่นนี้อย่างแน่นอน
เฉินซีมุ่งหน้าเข้าไปในเทือกเขาและมู่ขุยก็เฝ้าติดตามอยู่ที่ข้างหลัง ในขณะที่เขามองไปที่แผ่นหลังของเฉินซี หัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความรู้สึกชื่นชม เดิมทีเขาคิดว่าตั้งแต่ขอบเขตการบ่มเพาะของเขาเหนือกว่าเฉินซี เขาอาจช่วยเหลืออีกฝ่ายได้มากขึ้น แต่หลังจากที่เขาได้เห็นความแข็งแกร่งอันน่าสะพรึงกลัวที่เฉินซีเผยออกมา ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่า แม้ว่าตอนนี้เขาจะบรรลุขอบเขตแกนทองคำหยินหยางแล้ว แต่เขาก็ยังห่างไกลจากการเป็นคู่ต่อกรของเฉินซี
‘ไม่ได้การ! ข้าต้องใช้เวลาให้ดีที่สุดและบ่มเพาะเช่นกัน หากการบ่มเพาะของข้าล่าช้าเช่นนี้ ข้าเกรงว่าจะกลายเป็นภาระอีกครั้ง…’ มู่ขุยลอบกำหมัดแน่น ขณะที่จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเขาทะยานขึ้นอยู่ในใจ
ภายในหุบเขาลึก
หุบเขานี้มีขนาดไม่ใหญ่นัก แต่ก็แตกต่างกับภูเขาที่เขียวขจีและอุดมสมบูรณ์ในบริเวณโดยรอบอย่างสิ้นเชิง หุบเขานี้แห้งแล้งและปกคลุมไปด้วยเศษก้อนหิน นอกจากนี้ ที่ใจกลางหุบเขาคือสระน้ำขนาดเล็กที่ครอบคลุมพื้นที่ประมาณสิบสองจั้ง และมีดอกบัวสีดำสนิทราวกับหมึกที่บานสะพรั่งอยู่ภายในสระแห่งนี้ ใบและลำต้นของมันเป็นสีดำสนิท ซึ่งปกคลุมไปด้วยละอองสีแดงเลือด ทำให้มันเผยกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดาและดูงดงามยิ่งนัก
ในขณะนี้ มีคนกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันอยู่บริเวณรอบ ๆ สระนี้ หรือบางทีอาจกล่าวได้ว่าพวกเขากำลังถูกปิดล้อม เพราะตรงข้ามพวกเขามีแมงมุมสีรุ้งที่มีขนาดเท่าหินโม่
แต่สิ่งที่น่าตกใจ คือแมงมุมสีรุ้งตัวนี้มีใบหน้าที่งดงาม แต่ตัวของมันกลับใหญ่โตและมีสีรุ้งพร้อมกับเนื้องอกที่น่าขยะแขยงจำนวนมากเติบโตบนตัวมัน และขาใหญ่ทั้งแปดข้างถูกปกคลุมไปด้วยประกายเย็นเยียบเหมือนใบมีดแหลมคม เมื่อมองจากระยะไกล แมงมุมสีรุ้งตัวนี้ดูแปลกประหลาดและน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก อีกทั้งรูปร่างหน้าตาของมันก็อาจทำให้หนังศีรษะด้านชาโดยไม่รู้ตัว
ยิ่งไปกว่านั้น มีชั้นหมอกพิษปกคลุมร่างกายมหึมาของมันอยู่ ทำให้มันเป็นภาพที่งดงามซึ่งเผยให้เห็นกลิ่นอายของความอันตรายอย่างสุดขีด
“คุณหนู รีบหนีไปเร็วเข้า มิฉะนั้นจะสายเกินไป!”
“แมงมุมสีรุ้งเปลวเพลิงหยกนี้ต้องบ่มเพาะมานานกว่าพันปีเป็นอย่างน้อย และห่างจากการกลายร่างเป็นมนุษย์เพียงก้าวเดียวเท่านั้น นอกจากนี้ ความแข็งแกร่งของมันก็เทียบได้กับผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยาง พวกเรายังไม่อาจเป็นคู่ต่อกรของมัน คุณหนู ท่านควรรีบหลบหนีไปเร็วเข้า!”
“รีบไปซะ! พวกเราจะหยุดมันไว้เอง!”
เห็นได้ชัดว่าคนกลุ่มนี้นำโดยหญิงสาวในชุดสีเขียวหยกที่อยู่ตรงกลาง และเมื่อเผชิญกับสัตว์มีพิษที่น่าสะพรึงกลัวอย่างแมงมุมสีรุ้งเปลวเพลิงหยก ผู้ชายที่มีรูปร่างกำยำสิบกว่าคน ต่างมีใบหน้าที่ดูกระวนกระวายใจ ในขณะที่พวกเขากล่าวออกมาอย่างเร่งรีบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...