บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 294

บทที่ 294 การจู่โจมในป่าลึก

บทที่ 294 การจู่โจมในป่าลึก

ภายใต้การปกคลุมของต้นไม้โบราณที่สูงตระหง่านและใบไม้หนาทึบ ป่าบนภูเขาดูเหมือนจะมืดมิดและเงียบสงบเป็นอย่างมาก ทำให้สภาพแวดล้อมเช่นนี้เหมาะแก่การปกปิดร่องรอยเป็นอย่างดี

ซือคงเหินเอามือไพล่หลัง ดวงตาของเขาในยามนี้เหมือนปลายใบมีดที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าอันเยือกเย็น ที่เบื้องหลังของเขามีเงามากมายที่สั่นไหว จากนั้นศิษย์ขอบเขตแกนทองคำหยินหยางทั้งสิบแปดคนของตระกูลซือคงก็ยืนอย่างเคร่งขรึมและด้วยความเคารพ ในขณะที่พร้อมรอรับคำสั่งของพวกเขา

ฟิ้ว!

ร่างสีดำปรากฏขึ้นตรงหน้าซือคงเหินเหมือนภูตผี จากนั้นจึงโค้งคำนับและกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “นายน้อยใหญ่ พายุฝนจากเมื่อวานรุนแรงเกินไป จึงทำให้ไม่สามารถติดตามร่องรอยของเป้าหมายในป่านี้ได้อีกต่อไป แต่ตอนนี้มันต้องซ่อนตัวอยู่ในป่านี้อย่างแน่นอนขอรับ”

ซือคงเหินโบกมือเพื่อสั่งให้องค์รักษ์เงาถอนตัว จากนั้นเขาก็หันกลับไปมองคนที่อยู่ข้างหลังและกล่าวด้วยเสียงเบาแผ่วว่า “พวกเจ้าทั้งหมดจงจับกลุ่มกัน แบ่งเป็นกลุ่มละสามคน แล้วบุกไปเข้าไปในป่าจากรอบด้าน เมื่อเจ้าพบร่องรอยของเป้าหมาย ให้ยิงพลุสุริยันทันทีและอย่าไปพัวพันกับมัน!”

“รับทราบ!” ทุกคนรับต่างก็รับคำสั่งอย่างเคร่งขรึม จากนั้นพวกเขาก็แบ่งกลุ่มเป็นทั้งหมดหกกลุ่ม กลุ่มละสามคน กระจายตัวออกเป็นแนวโค้ง ก่อนที่จะพุ่งเข้าไปในป่าเพื่อค้นหาร่องรอยของศัตรู

“หากมันไม่ตายในครั้งนี้ แล้วข้าซือคงเหินจะกล้าเสนอหน้าอยู่ในเมืองเฟิงเย่ได้อย่างไร? หึ อีกไม่นาน กระบองหนามของนิกายป้ายเหล็กจะต้องเป็นของข้า และไม่มีใครสามารถแย่งมันไปจากข้าได้!” ซือคงเหินพึมพำกับตัวเองขณะที่เขาพุ่งเข้าไปทางป่า ร่างกายของเขาปกคลุมด้วยหมอกสีดำขณะที่เขาปล่อยกลิ่นอายที่น่าเกรงขามออกมาโดยไม่ต้องกังวลแม้แต่น้อย ทุกที่ที่เขาผ่านไป ต้นไม้และก้อนหินจะสึกกร่อนเป็นผุยผงทันที ในขณะที่ผืนดินจะกลายเป็นสีดำและทำให้พลังชีวิตทั้งหมดดับสูญ อีกทั้งยังทำให้สัตว์อสูรหวาดกลัวจนต้องหนีเพื่อเอาชีวิตรอด

เฉินซีสวมเสื้อผ้าสีฟ้าขณะยืนอยู่ที่หน้าถ้ำในช่องเขาคนเดียว

ในทะเลจิตสำนึกของเขา จิตสัมผัสเทพของเขาเป็นเหมือนใยแมงมุมชั้นเลิศที่แผ่กระจายออกไปด้วยวิธีการที่ลึกล้ำ และมันก็เหมือนกับใยแมงมุมขนาดมโหฬารที่ปกคลุมทั่วทั้งผืนป่า

ในเวลาไม่นาน ภาพต่าง ๆ ก็สะท้อนออกมาอย่างชัดเจนอยู่ในจิตใจของเขา

วิชาคลื่นจิตสะท้อนที่เป็นเคล็ดวิชาการตรวจจับจิตสัมผัสเทพนั้นน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก เนื่องจากมันสามารถทำให้เขาจับการเคลื่อนไหวทุกสิ่งภายในระยะสองร้อยห้าสิบลี้ได้อย่างชัดเจน ยิ่งไปกว่านั้น มันยังสามารถรบกวนจิตสัมผัสเทพของผู้อื่น ทำให้พวกเขาไม่สามารถระบุตำแหน่งของเขาได้

“พวกมันมาแล้ว ผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางสิบแปดคน จัดขบวนมาเป็นกลุ่ม กลุ่มละสามคน และพวกมันได้สร้างแนวโค้งที่กำลังค้นหามาทางเรา ส่วนเจ้าซือคงเหินอยู่เพียงลำพัง แต่อย่าเพิ่งไปแตะต้องมัน ตอนนี้เราจะจัดการกับคนอื่น ๆ ก่อน มู่ขุยเจ้าจงไปทางทิศตะวันออก ให้พวกมันได้ลิ้มลองรสชาติของการถูกลอบสังหารดูสักตั้ง แต่ถ้าการโจมตีของเจ้าล้มเหลว เจ้าจงถอยกลับมาอย่างปลอดภัย” เฉินซีสั่งด้วยเสียงที่แผ่วเบา

มู่ขุยยกกระบองหนามขนาดมหึมาขึ้น ขณะที่นัยน์ตาสีเขียวหยกของเขาฉายแววอำมหิตและเจ้าเล่ห์ พร้อมกับหัวเราะเบา ๆ “นายท่าน โปรดอย่าได้กังวลไปเลยขอรับ อสูรหมาป่าอย่างเราเชี่ยวชาญในการซุ่มคอยอย่างอดทนและเปิดฉากโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว ข้าขอรับประกันว่าพวกมันจะต้องพบกับหายนะในครั้งนี้”

เฉินซีสั่ง “เจ้าจงระวังตัวด้วย”

มู่ขุยพยักหน้า จากนั้นร่างของเขาก็กลายเป็นสัตว์อสูรหมาป่าปีกเงินขนาดมหึมา พร้อมกับกระทืบพื้นก่อนจะพุ่งออกจากถ้ำ และหายเข้าไปในป่าทึบอย่างเงียบ ๆ

‘หลิงไป๋กล่าวถูกต้องจริง ๆ เรื่องการไม่โจมตีก่อน เว้นแต่ว่าจะถูกโจมตีก่อน ดูเหมือนจะใช้ไม่ได้ผล ในโลกแห่งการบ่มเพาะที่เทิดทูนความแข็งแกร่ง ข้าต้องโหดเหี้ยมและเลือดเย็นเมื่อเผชิญหน้ากับศัตรู ด้วยวิธีนี้เท่านั้น พวกเขาจะรู้สึกเกรงกลัวและให้เกียรติแก่ข้า แล้วพวกเขาก็จะไม่ล่วงเกินข้าอย่างไร้เหตุผล…’ เฉินซีมองขึ้นไปบนท้องฟ้าขณะที่พึมพำกับตัวเอง ภายใต้ท้องฟ้ามีนกอินทรีกว่าสิบตัวกำลังกระพือปีกบินวนไปมา จากนั้นดวงตาของเขาก็เป็นประกายก่อนที่ร่างของเขาจะหายไปจากถ้ำในทันที

กลุ่มของตระกูลซือคงกระจายออกไปไกลขึ้นเรื่อย ๆ ตามที่พวกเขาค้นหาลึกลงไป ศิษย์ขอบเขตแกนทองคำหยินหยางของตระกูลซือคงเหล่านี้ครอบครองพลุสุริยัน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ต้องกังวลกับสิ่งใด ตราบเท่าที่ร่องรอยของเฉินซีปรากฏขึ้นในขอบเขตการมองเห็น เมื่อปล่อยพลุสุริยันออกไป พวกเขาก็จะสบายใจได้

‘ไอ้สารเลวนี่! กับแค่เด็กขอบเขตเคหาทองคำ เราจำเป็นต้องทุ่มเทค้นหามันขนาดนี้เชียวหรือ? ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าหนิงอี้ หลัวกุ้ย และซิวซานเหนียงทำบ้าอะไร แม้แต่มดปลวกตัวเล็ก ๆ เช่นนี้ ก็ยังรับมือไม่ได้…’

ผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางมีสีหน้ามืดมน ขณะที่เขาสาปแช่งอยู่ในใจพร้อมกับเคลื่อนตัวไปข้างหน้า จิตสัมผัสเทพของเขากำลังค้นหาทุกสิ่งที่อยู่รอบ ๆ ตัวอยู่ตลอดเวลา เช่น ยอดของต้นไม้ ก้อนหิน พุ่มไม้… ทุกสิ่งล้วนถูกเขาตรวจสอบอย่างละเอียด และเขาไม่ปล่อยให้พื้นดินแม้แต่หนึ่งชุ่นหลุดรอดจากการตรวจสอบของเขาไปได้

ที่ทั้งสองข้างของเขามีคนสองคนกำลังทำสิ่งเดียวกันตามลำดับ พวกเขาทั้งสามคนก่อตัวเป็นรูปพัดขณะที่ก้าวไปข้างหน้า โดยมีระยะห่างระหว่างกันสามสิบจั้ง เมื่อมีเหตุเกิดขึ้นกับคนใดคนหนึ่ง อีกสองคนที่เหลือจะสังเกตเห็นทันที ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดอันตราย

สามชั่วยามผ่านไปโดยไม่รู้ตัว แต่พวกเขากลับไม่พบร่องรอยของเฉินซีเลยสักนิด กอปรกับเฉินซีเป็นเพียงผู้บ่มเพาะขอบเขตเคหาทองคำขั้นสมบูรณ์แบบ คนเหล่านี้จึงไม่เชื่อโดยสิ้นเชิงว่า เฉินซียังกล้ารั้งอยู่ใกล้เคียง ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกว่ามันเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ ร่องรอยของความขุ่นเคืองก็เกิดขึ้นในใจโดยไม่รู้ตัว

“เจ้าสองคนค้นหาต่อไปก่อน ข้าต้องพักผ่อนสักระยะนึง เนื่องจากจิตสัมผัสเทพของข้าถูกใช้ไปมากกว่าครึ่งและมันกำลังฆ่าข้าทั้งเป็น” ศิษย์ขอบเขตแกนทองคำหยินหยางพึมพำกับสหายของเขา ก่อนที่จะเดินไปยังต้นไม้เก่าแก่และนั่งบนพื้นด้านล่าง

“ซานเป่า เมื่อวานนี้ เจ้าคงออกแรงกับแม่นางเหยาเอ๋อร์ของหอนางโลมหยกมากเกินไป ดังนั้นตอนนี้เจ้าจึงอ่อนแอหรือ?” สหายของเขาส่ายศีรษะเยาะเย้ย พวกเขาไม่ได้สนใจสหายที่เกียจคร้านและลุ่มหลงในตัณหาคนนี้ ก่อนที่จะมุ่งหน้าต่อไป

“ข้าอ่อนแอ? ถุย! เจ้าสองคนช่างโง่เขลาสิ้นดี! ข้าได้รับสมญานามว่า ‘หอกทองคำคงกระพัน’! ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือ เจ้าสองคนคงอิจฉาล่ะสิ…” ในขณะที่เขากล่าว ซานเป่าก็แหงนมองท้องฟ้าโดยสัญชาตญาณ

ทันใดนั้น กลิ่นอายที่เย็นยะเยือก บริสุทธิ์ และรุนแรงก็เปล่งออกมาจากด้านบนของเขาอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็เห็นร่างสีดำปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน ก่อนที่มือของมันจะยื่นออกมาปิดปากเขาอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกัน ประกายแสงเย็นเยียบก็กรีดผ่านลำคอของเขา

“อึ๊ก!” ซานเป่าเปล่งเสียงคำรามอู้อี้ที่เบาบางจนแทบไม่ได้ยิน ดวงตาของเขาปูดโปน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความสิ้นหวัง ขณะที่ร่างของเขาพยายามดิ้นรนอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะไร้ซึ่งสัญญาณชีพใด ๆ

ชั่วพริบตาเดียว ชีวิตของซานเป่าก็ดับลง แต่ร่างกายของเขายังคงรักษาท่านั่งเหมือนรูปปั้นดินเผา ในขณะที่ร่างสีดำได้หายไปนานแล้ว

“หืม? เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ” ห่างออกไปร้อยยี่สิบจั้ง สหายคนหนึ่งของซานเป่าก็หยุดกะทันหันและหันกลับมามองพื้นที่ด้านหลังอย่างสงสัย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]