บทส่งท้าย 3.4 บุตรชายตระกูลเฉิน
………………..
บทส่งท้าย 3.4 บุตรชายตระกูลเฉิน
เสียงนั้นดังกึกก้องราวกับฟ้ากระหน่ำที่กำจายไปทั่วบริเวณ
แม้จะเป็นเพียงเสียง หากก็เปี่ยมไปด้วยพลังที่องอาจและน่าสะพรึงกลัวยากอธิบาย ทันทีที่มันกวาดออกไป ผู้คนจำนวนมากที่อยู่โดยรอบก็พลันตัวสั่นเทิ้มด้วยความกลัว
แม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่ในภพเซียนทั้งหลายก็ยังเผลอไผลไหวสะท้าน พวกเขาสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่ห่อหุ้มร่างเอาไว้จนหายใจไม่ออก
แย่แล้ว!
เหวินเหรินชงหลินเป็นคนฉลาด เขารู้ได้ในทันทีว่าสถานการณ์เช่นนี้เขามีแต่จะเสียมากกว่าได้!
จากเสียงเมื่อครู่ เขาเรียกชายหนุ่มผู้นั้นด้วยความเคารพว่า ‘คุณชายสี่’ หากเป็นเช่นนั้น เขาก็คงไม่ได้สำคัญอะไรไปกว่าข้ารับใช้คนหนึ่งเท่านั้น
แต่เมื่อ ‘ข้ารับใช้’ ผู้นั้นเรียกชื่อของเซวียนหยวนพัวจวินอย่างตรงไปตรงมาและไม่สนใจใคร ทุกสิ่งก็พลันเปลี่ยนไป!
ขนาดเสียงของข้ารับใช้ยังทรงอำนาจถึงเพียงนี้ แล้วตัวตนของชายหนุ่มผู้นั้นจะสูงส่งมากเพียงไหน?
ความคิดมากมายแวบเข้ามาในหัวใจของเหวินเหรินชงหลิน น่าเสียดายที่กว่าเขาจะรู้ตัว มันก็สายเกินไปเสียแล้ว
โครม!
เสียงที่หยาบกระด้าง เย่อหยิ่งนั้นยังคงดังก้องไปในอากาศ กระบองหนามขนาดมหึมาที่เป็นเหมือนเสาค้ำสวรรค์ซึ่งครอบครองกฎอันน่าสะพรึงกลัวของเต๋าศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นจากอากาศเบาบาง ก่อนจะกระแทกลงมาที่ร่างของเขาอย่างรุนแรง
ห้วงมิติแตกกระจายสู่ความโกลาหล เสียงกรีดร้องแหลมคมน่าสะพรึงกลัวแหวสะท้าน ผู้ชมที่อยู่โดยรอบผลัดสีหน้างุนงง พวกเขารู้สึกเหมือนได้เห็นเหตุน่าสะพรึงกลัวของภูเขาซากศพ มหาสมุทรเลือด และภาพของมหาเต๋าที่พังทลายลง
สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่ความจริง หากเป็นภาพที่ถูกสร้างขึ้นจากความแข็งแกร่งยิ่งใหญ่ มันฉายลงในหัวใจของผู้มองและทำให้พวกเขาต้องสั่นไหว!
ใครจะคิดว่าจะมีคนกล้าทำการอุกอาจเช่นนี้ในระหว่างงานเลี้ยงวันเกิดของตระกูลเซวียนหยวน ไม่เพียงแต่มันจะเป็นการถือดีเท่านั้น หากยังเป็นการดูถูกตระกูลเซวียนหยวนอีกด้วย!
ต่อให้เป็นผู้ยิ่งใหญ่อย่างเหวินเหรินชงหลินหรือคนอื่น ๆ พวกเขาก็คงจะเลือกรับมือกับเฉินผูด้วยวิธีการที่ประนีประนอมที่สุด
แน่ล่ะ ถ้าเป็นเวลาปกติ พวกเขาก็คงไม่ปล่อยให้คู่ต่อสู้ยืนลอยหน้าลอยตาต่อไปแม้เพียงอึดใจเดียว
นั่นคือวิถีของผู้มีอำนาจ
ชายผู้ดำรงอยู่ในขอบเขตเซียนลึกลับนี่กล้าสู้กับพวกเขาอย่างนั้นหรือ? รนหาที่ตายชัด ๆ!
อย่างไรก็ตาม เหวินเหรินชงหลินและคนอื่น ๆ ยังคงเลือกใช้ไม้อ่อนด้วยเห็นแก่หน้าของตระกูลเซวียนหยวน พวกเขาไม่กล้าทำอะไรหุนหันพลันแล่นเลยแม้แต่น้อย
พูดตามตรง การโจมตีเรียบง่ายและแฝงไปด้วยความป่าเถื่อนนั้น มันไม่ต่างอะไรกับการดูถูกตระกูลเซวียนหยวน
สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าผู้ที่โจมตีเมื่อครู่มีอิทธิพลมากเพียงใด ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจเลยแม้แต่นิดเดียวว่านั่นจะทำให้ตระกูลเซวียนหยวนเคืองขัดหรือไม่
ตู้ม!
กระบองหนามส่งเสียงกระหึ่มขณะที่ฟาดลงมาด้วยพลังมหาศาล มันเปี่ยมไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์อันไร้ขอบเขต แม้ว่าการเคลื่อนไหวของมันจะดูเชื่องช้า หากแท้จริงแล้วมันรวดเร็วมาก ราวกับกำลังเคลื่อนย้ายมิติขณะที่พุ่งเข้าไปข้างหน้าเหวินเหรินชงหลิน!
การตอบโต้ของเหวินเหรินชงหลินเองก็ไม่ได้ช้าเลย ทันทีที่เสียงคำรามของเขาดังกึกก้อง รัศมีศักดิ์สิทธิ์ก็พุ่งออกมาจากร่างกาย ตอนนั้นเอง เขาใช้กำลังทั้งหมดที่มีเพื่อต้านทานมัน
โครม!
กระนั้นเพียงแค่ได้สัมผัสกับพลังของมัน เหวินเหรินชงหลินก็ไม่ต่างอะไรจากแมลงวันที่ถูกบดขยี้ ไม่แม้จะอาจหาญต้านทานได้เลย
เหวินเหรินชงหลินเป็นราชันเซียนครึ่งขั้น ทั้งยังเป็นน้องชายของผู้นำตระกูลเหวินเหริน เป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่เหนือยอดพีระมิดของภพเซียน ทว่าในตอนนี้เขากลับพ่ายให้กับการโจมตีเพียงครั้งเดียว…
เห็นได้ชัดว่าความแข็งแกร่งของผู้ที่โจมตีนั้นเหนือกว่าเขาอย่างมาก เรียกว่าอยู่คนละระดับเลยด้วยซ้ำ
บัดซบ!
ทันใดนั้น สีหน้าสหายของเหวินเหรินชงหลินที่อยู่รอบ ๆ ก็เปลี่ยนไป หัวใจของพวกเขาสั่นสะท้านด้วยว่าตนก็เป็นราชันเซียนครึ่งขั้นเช่นกัน แล้วอย่างนี้ พวกเขาจะกล้าต่อสู้กับคนที่โจมตีเหวินเหรินชงหลินได้อย่างไร? ร่างของพวกเขาถลาหลบไปพร้อมกันโดยสัญชาตญาณ
อย่างไรก็ดี คนที่โจมตีเหวินเหรินชงหลินไม่คิดที่จะปล่อยให้พวกเขาลอยนวลต่อไป พลังของกระบองหนามไม่ได้ลดลงเลย มันกวาดเข้าหาพวกเขาด้วยความรุนแรงป่าเถื่อน
ต่อมาผู้ชมทุกคนก็ได้เห็นเหตุการณ์ที่น่าตกใจ
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ยอดคนผู้เลื่องชื่อในภพเซียนบัดนี้ไม่ต่างอะไรจากแมลงวันที่ถูกฟาดด้วยกระบองหนาม พวกเขาทรุดลงกับพื้นพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและอับอาย
เมื่อกระบองหนามนั้นสลายไป ร่างของพวกเขาเหล่านั้นก็กระจัดกระจายไปทั่วพื้นดิน
บรรยากาศโดยรอบตกสู่ความเงียบงัน
ผู้เยี่ยมยุทธ์ทุกคนที่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดต่างตกใจกระทั่งหายใจไม่ทั่วท้อง ความหนาวสะท้านเลื่อนไล่ตลอดแนวกระดูกสันหลัง เหลือเชื่อ! พลังนี้ แม้แต่ราชันเซียนก็ใช่ว่าครอบครองมันได้โดยง่าย
จ้าวอวิ๋นซงตะลึงลานไม่ต่างจากคนอื่น ๆ อารมณ์ที่ซับซ้อนยากอธิบายพลุ่งพล่านอยู่ในใจ ด้วยชาติกำเนิดที่ต่ำต้อยนี้ มีหรือที่เขาจะเคยได้พบพานกับยอดฝีมือทั้งหลายในภพเซียน?
ทว่าตอนนี้ เขาไม่เพียงแค่ได้พบกับยอดคนมากมายในภพเซียนก่อนที่งานเลี้ยงวันเกิดจะเริ่มต้นขึ้น แต่ยังได้เห็นพวกเขาถูกซัดกระเด็นต่อหน้าต่อตาด้วย
สภาพของพวกเขาน่าสังเวชยิ่งนัก เสียงร้องโหยหวยแห่งความเจ็บปวดระคนขายหน้าทำให้จ้าวอวิ๋นซงรู้ได้ในทันทีว่าพวกเขาเหล่านั้นคงรู้สึกอับจนหนทางไม่น้อย เมื่อต้องเผชิญกับความแข็งแกร่งที่แท้จริง พวกเขาก็เป็นได้แต่เพียงคนที่น่าสมเพชเท่านั้น
เหตุดังกล่าวได้ทำลายกำแพงที่ล้อมรอบหัวใจของจ้าวอวิ๋นซงให้พังครืน ความเชื่อในอดีตที่เขาเคยมีถูกลบล้างไปจนสิ้น ชายหนุ่มตระหนักได้ว่าตราบใดที่เขาแข็งแกร่งเหนือใคร ไม่ว่าชาติกำเนิดจะต่ำต้อยเพียงไหน เขาก็ยังสามารถเอาชนะเหล่าผู้ยิ่งใหญ่ที่มักจะทำตัวสูงส่งกว่าคนอื่น ๆ ได้เช่นกัน!
เหวินเหรินเลี่ยตกตะลึงจนมุมปากกระตุกถี่ รูม่านตาเบิกโพลงด้วยไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
บรรพบุรุษอาของข้าถูกซัดกระเด็นด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวอย่างนั้นหรือ?
แม้แต่สหายของท่านก็พ่ายแพ้เช่นกัน…
เหวินเหรินเลี่ยรู้สึกแน่นในอก สายตาวูบวืดลงราวคนใกล้หมดสติ นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?
ความเงียบเข้ากลืนกินบรรยากาศโดยรอบ มีเพียงเสียงครวญครางของเหวินเหรินชงหลินเท่านั้นที่ยังคงดังกังวาน ในขณะที่ผู้เยี่ยมยุทธ์คนอื่น ๆ นั้นพวกเขาต่างตกใจจนไม่กล้าพูดอะไรสักคำ
บางทีในตอนนี้คงจะมีเพียงเฉินผูและถังเป่าเอ๋อร์เท่านั้นที่ยังคงสงบนิ่งราวกับรู้ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น
ทันใดนั้นชายผู้แข็งแกร่งในอาภรณ์สีเทาก็เดินเข้ามาพร้อมกระบองในมือ เขายืนตระหง่านอยู่ข้างกายเฉินผูด้วยรอยยิ้ม “คุณชายสี่ท่านเห็นหรือไม่? เนื่องจากพวกเขาพยายามใช้กำลังข่มเหงท่านอย่างไร้เหตุผล ดังนั้นปัญหานี้แก้ได้ด้วยวิธีเดียว นั่นคือทุบตีพวกเขาจนกว่าจะยอมจำนน!”
เฉินผูยิ้มขื่น “ท่านอามู่ขุย ข้าไม่อยากสร้างปัญหาในงานวันเกิดของท่านตาเซวียนหยวน”
มู่ขุยพูดอย่างไม่แยแส “ตาเฒ่านั่นรู้อยู่แล้วว่าท่านจะมา แต่กลับเลือกที่จะไม่โผล่หน้ามาให้เห็น เห็นได้ชัดว่าเขาอยากรู้ว่าท่านจะรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างไร เพราะแบบนั้น คุณชายไม่ต้องกังวลว่ามันจะเป็นการสร้างปัญหา เพราะเป็นเซวียนหยวนพัวจวินเองที่กำลังมองหาความบันเทิงให้ตัวเอง”
ดูเหมือนเฉินผูจะคิดอะไรบางอย่างออก “ข้าว่ามันคงเป็นเช่นนั้นจริง ๆ”
มันก็จริงอย่างที่มู่ขุยว่า ท้ายที่สุดแล้ว นี่คืองานเลี้ยงของตระกูลเซวียนหยวน ผู้ยิ่งใหญ่ของภพเซียนจำนวนนับไม่ถ้วนมารวมตัวกันที่นี่ ถ้าหากเกิดความวุ่นวายขึ้นที่ด้านนอกโถงรับแขก มีหรือที่เจ้าภาพอย่างตระกูลเซวียนหยวนจะไม่รู้เรื่องนี้?
ตั้งแต่ต้นจนจบ ก็ยังไม่มีคนของตระกูลเซวียนหยวนแม้แต่คนเดียวที่พยายามเข้ามายุติความวุ่นวายนี้ เห็นได้ชัดว่ามันเป็นอย่างคำพูดของมู่ขุย เป็นเซวียนหยวนพัวจวินเองที่ห้ามไม่ให้ใครเข้าไปยุ่ง
กระนั้นเฉินผูก็อดนึกฉงนขึ้นมาไม่ได้ เหตุใดเซวียนหยวนพัวจวินจึงทำเช่นนี้? เขาแค่อยากจะดูอะไรสนุก ๆ เท่านั้นหรือ?
นั่นไม่ใช่วิสัยที่คนอายุเท่านั้นควรจะทำ
แน่นอนว่าเฉินผูทำได้เพียงวิพากษ์ในใจเท่านั้น เขารู้ดีว่าเมื่อครั้งที่บิดาศึกษาอยู่ในสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า เซวียนหยวนพัวจวินสมัยที่ยังเป็นหัวหน้าอาจารย์ได้ให้ความช่วยเหลือแก่ท่านมากมาย ดังนั้นในฐานะบุตรชายของเฉินซี เขามีแต่ต้องเคารพนบนอบต่ออีกฝ่าย

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...