บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 342

บทที่ 342 การเดินทางกับหญิงงาม

บทที่ 342 การเดินทางกับหญิงงาม

ที่แห่งนี้คือหุบเขาแห้งแล้งที่ปกคลุมไปด้วยก้อนหินและชั้นหมอกหนาทึบอยู่ตลอดทั้งปี

หวือ!

ร่างสูงโปร่งทะยานผ่านท้องฟ้ามาถึงหุบเขาก่อนจะสำรวจบริเวณโดยรอบ เมื่อไม่เห็นสัญญาณอันตรายใด ๆ เขาก็นั่งไขว่ห้างบนก้อนหินและเริ่มทำความสะอาดบาดแผลบนร่างกายของตน

มีรอยแผลเป็นกว่าสิบแห่งบนร่างกาย ผิวหนังของเขาฉีกขาดและเลือดไหลออกมาจากพวกมัน อีกทั้งยังสามารถเห็นกระดูกที่อยู่ภายในได้ทุกจุด ราวกับว่าชายหนุ่มเพิ่งผ่านประสบการณ์ต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายที่ดุเดือดเลือดพล่านจนน่าสะพรึงกลัวถึงขีดสุดมา

หากเป็นคนทั่วไปที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ คนผู้นั้นคงจะร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดไปตั้งนานแล้ว อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงแต่เขาจะไม่ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ทว่าเขาไม่แม้แต่จะขมวดคิ้ว อีกทั้งยังดูนิ่งสงบเป็นอย่างยิ่ง

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็รักษาบาดแผลที่อยู่บนร่างกายเสร็จและลุกยืนขึ้น จากนั้นเขาก็เริ่มทำความสะอาดคราบเลือดที่อยู่ในบริเวณโดยรอบ ด้วยวิธีนี้จะทำให้ชายหนุ่มสามารถหลีกเลี่ยงสัตว์อสูรที่อยู่ใกล้เคียง ไม่ให้วิ่งเข้ามาหลังจากได้กลิ่นเลือด

เขาใช้เวลาเพียงหนึ่งถ้วยชาในการทำทุกอย่างให้เสร็จอย่างเป็นระเบียบ ซึ่งดูเหมือนว่าเวลาจะมีค่าสำหรับเขามาก ราวกับชายหนุ่มกำลังแข่งกับเวลาและไม่ยอมให้เสียเวลาเลยแม้แต่น้อย หลังจากนั้นเขาก็นั่งขัดสมาธิและเริ่มการบ่มเพาะของตน

ร่างสูงโปร่งคนนี้ย่อมคือเฉินซี

สามเดือนผ่านไป นับตั้งแต่เขาออกจากป่าทมิฬ ในช่วงเวลานี้ เขาผ่านสถานที่อันตรายมากมาย เช่น ลานศิลาภูตผี หุบเขาวิญญาณโลหิต ถ้ำอสูรน้ำแข็ง…

สถานที่อันตรายทุกแห่งเป็นดั่งนรกโลกันตร์ ซึ่งเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าและอันตรายที่ไม่รู้จบ ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา เขาเผชิญกับการจู่โจมนับไม่ถ้วน เช่น ภัยธรรมชาติ กระแสอสูร วิญญาณโลหิตอันน่าสะพรึงกลัวที่กำเนิดขึ้นจากอสูรโลหิต อสูรน้ำแข็งที่เกิดจากน้ำแข็งอันเย็นยะเยือกและพื้นดินที่มืดครึ้ม และสิ่งอื่น ๆ อีกมากมาย การต่อสู้ทุกครั้งนั้นยากลำบากและอันตรายอย่างยิ่ง ซึ่งหากคำนวณโดยละเอียดแล้ว เขาก็ประสบกับการต่อสู้ที่ดุเดือดอย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อวันโดยเฉลี่ย

มีหลายครั้งที่เขามีโอกาสรอดชีวิตเพียงเล็กน้อย และเขาเกือบเสียชีวิตในการต่อสู้

แต่การต่อสู้ที่อันตรายที่สุดก็คือที่ทะเลทรายพายุสายฟ้า ซึ่งเป็นทะเลทรายที่เต็มไปด้วยเสียงฟ้าร้องคำรามและฟ้าผ่าอย่างไม่รู้จบ เมื่อเฉินซีผ่านสถานที่แห่งนี้ โชคไม่ดีที่เขาตกเป็นเป้าของวิหคสามหัววิญญาณสายฟ้าที่อยู่ภายในพายุฝนฟ้าคะนอง สัตว์ร้ายตัวนี้สามารถใช้พลังของสายฟ้าได้ ความแข็งแกร่งของมันน่ากลัวยิ่งกว่าผู้บ่มเพาะขอบเขตจุติเสียด้วยซ้ำ และมันไล่ล่าเฉินซีตลอดทั้งเจ็ดวันเจ็ดคืน

หากไม่ใช่เพราะเขามีการขัดเกลากายาที่แข็งแกร่งและใช้ปีกนภาดารกะด้วยกำลังทั้งหมด เขาคงถูกฟ้าผ่าตายเพราะสัตว์ร้ายตัวนี้ ในท้ายที่สุด เมื่อโชคดีพอจะหนีออกมาได้ มันก็แทบไม่มีที่ใดบนร่างกายของที่ไม่ได้รับอันตราย ร่างกายของชายหนุ่มเต็มไปด้วยแผลและอาการบาดเจ็บที่ต้องรักษาพวกมันเป็นเวลาสามวัน ก่อนที่เขาจะฟื้นตัวคืนสู่สภาพปกติ

อันที่จริง ในสถานที่ที่มีอันตรายอยู่มากมายและเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าหนาแน่น ความแข็งแกร่งของวิหคสามหัววิญญาณสายฟ้าถือได้ว่ายังอ่อนแออยู่ นอกจากนี้ยังมีเหล่าสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวจนเกินจินตนาการได้อาศัยอยู่ในสถานที่บางแห่ง ซึ่งพวกมันสามารถทำให้ผู้คนรู้สึกสิ้นหวังและหมดหนทางเพียงแค่มองพวกมันจากระยะไกลเท่านั้น เมื่อเขาเจอสถานที่เช่นนี้ เฉินซีก็ไม่กล้าเข้าใกล้และจะหลีกเลี่ยงพวกมันแทน

ในช่วงเวลานี้ ความเจ็บปวดทรมานได้กลายเป็นเรื่องเล็กน้อยและเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว แต่นับว่าโชคดีที่เขามีโอสถจำนวนมากและมีความสามารถในการฟื้นตัวที่น่าตกตะลึง ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่เสียชีวิตจากอากการบาดเจ็บที่สาหัสเกินไป

ในเวลาเดียวกัน หลังจากขัดเกลาผ่านการต่อสู้ที่เขาประสบมาในช่วงเวลานี้ อุปนิสัยของเฉินซีก็เปลี่ยนไปอย่างมาก แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพที่ดูไม่ได้เลยก็ตาม

ด้วยการต่อสู้กับมือสังหารของตำหนักตะวันดำอย่างกล้าหาญและมีไหวพริบ กอปรกับการขัดเกลาผ่านการต่อสู้ที่ยากลำบากกับสัตว์อสูรที่ทรงพลังในช่วงสามเดือนที่ผ่านมานี้ เสื้อผ้าหลายสิบชุดที่เฉินซีพกติดตัวมาด้วยต่างก็กลายเป็นเศษผ้าขี้ริ้วทั้งหมด นอกเหนือจากการต่อสู้ที่ยากลำบากที่เขาประสบมาทั้งวันทั้งคืน ร่างกายของชายหนุ่มจึงยังอาบไปด้วยเลือดของสัตว์อสูรและเขาก็ยังไม่มีเวลาที่จะชำระล้างมันออก

อย่างไรก็ตาม เสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งและร่างกายที่อาบไปด้วยเลือดของเขาก็ไม่สามารถปกปิดสายตาอันแหลมคมที่ฉายเจตนาฆ่าอย่างเลือดเย็นของเขาได้ ท่าทางที่เฉียบคมเช่นนี้ ทำให้เขาดูเหมือนกระบี่ที่สั่นไหวด้วยประกายแสงเยือกเย็น ราวกับปรารถนาจะทะลวงท้องนภาให้เป็นรูโหว่!

“โฮกกกกก!” เสียงคำรามของสัตว์ร้ายที่เหมือนกับพายุฝนฟ้าคะนองได้ดังขึ้นท่ามกลางหมอกที่ไร้ขอบเขตและคลุมเครือ มีเสือดำขนาดมหึมาที่ปกคลุมไปด้วยเส้นขนสีดำสนิทและเป็นมันเงา มันมีดวงตาสีแดงเลือดสองข้างที่ดูเหมือนโคม และมีกลิ่นเลือดโชยเข้าจมูกของเขา

เสือดำวายุ!

นี่เป็นสัตว์ร้ายที่น่ากลัวยิ่งกว่าผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางขั้นสมบูรณ์ มันสามารถเคลื่อนไหวในภูเขาได้อย่างง่ายดายราวสายฟ้าฟาด และมันก็เป็นจ้าวแห่งหุบเขานี้

มันเหลือบมองไปยังเฉินซีซึ่งนั่งทำสมาธิอยู่บนหิน และดูเหมือนจะรู้ว่าหากฉวยโอกาสนี้โจมตี ผู้บ่มเพาะมนุษย์คนนี้จะไม่สามารถต้านทานได้อย่างแน่นอน ดังนั้นมันจึงกระโจนใส่โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย และร่างกายมหึมาของมันที่มีความยาวประมาณสิบจั้งนั้นก็เคลื่อนตัวดั่งสายฟ้าสีดำที่พุ่งผ่านท้องฟ้าและกระโจนเข้าหาเฉินซีอย่างดุเดือด

เมื่อกรงเล็บขนาดใหญ่ของมันอยู่ห่างจากเฉินซีเพียงสิบสองชุ่น ดวงตาของเฉินซีก็พลันเปิดออก และในขณะนี้ กลิ่นอายของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วและฉับพลัน!

จิตสังหารที่ปกคลุมไปทั้งสวรรค์และโลกได้ปรากฏขึ้นโดยไม่มีวี่แววแม้แต่น้อยและปกคลุมเต็มพื้นที่ทุกตารางนิ้ว จิตสังหารนั้นหนาแน่นมากเสียจนดูเหมือนว่าเพิ่งถูกดึงออกมาจากทะเลเลือดและภูเขาซากศพ ทำให้อากาศบิดเบี้ยวและส่งเสียงคร่ำครวญอย่างรุนแรง

ปัง!

เสือดำวายุที่ประชิดเข้ามาอย่างน่าสะพรึงกลัวนั้นพลันส่งเสียงคำรามด้วยความหวาดกลัว จากนั้นมันราวกับสำลักในลำคอ ทำให้มันสูญเสียเรี่ยวแรงทั้งหมดและร่วงลงจากกลางอากาศจนกระแทกพื้น มันนอนอย่างอ่อนแรงอยู่บนพื้นโดยไม่มีเค้าความโหดเหี้ยมและพละกำลังเลยแม้แต่น้อย ซึ่งดูไม่ต่างกับลูกแกะตัวน้อยที่ตื่นกลัวที่สั่นเทาด้วยความหวาดกลัวและไม่สบายใจ

เพียงแค่จิตสังหารที่เขาปล่อยออกมาก็ทำให้สัตว์ร้ายตัวสั่น และจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของมันก็พังทลายลง!

‘ตอนที่เข้ามา สัตว์ร้ายตัวนี้มักจะอาศัยอยู่ในถ้ำที่ห่างจากหุบเขานี้ออกไปยี่สิบห้าลี้ และมันกำลังปกป้องโป่งรากสนโลหิตที่กำลังจะมีอายุถึงหนึ่งพันปี แล้วเหตุใดมันถึงออกจากรังโดยไม่มีเหตุผลได้? หรือว่ามีคนจงใจล่อมันออกมา?’ เฉินซีดูเหมือนจะตกอยู่ในห้วงความคิด ในขณะนี้ พละกำลังของเขาได้ฟื้นตัวแล้วและอาการบาดเจ็บบนร่างกายของเขาก็หายเป็นปกติ ดังนั้นชายหนุ่มจึงลุกขึ้นยืนและแยกแยะทิศทางก่อนที่จะกระโจนออกไป

ในเวลาไม่นาน เขาก็มาถึงที่หน้าถ้ำ จากนั้นเมื่อเงยหน้าขึ้นมอง เขาก็ได้พบกับร่างบอบบางอันสง่างามที่กำลังลอบเคลื่อนไหวเพื่อขโมยโป่งรากสนโลหิตอายุพันปี

ร่างนี้คือหญิงสาวที่มีรูปร่างเย้ายวนและเร่าร้อนเป็นอย่างมาก ผิวของนางขาวราวกับหยก ผมสีแดงของนางเกล้าขึ้นเล็กน้อยและห้อยลงมาบนไหล่อย่างหลวม ๆ หน้าอกที่ใหญ่โตและอวบอิ่มของนางถูกเผยออกมาบางส่วน ทั้งยังสวมเพียงกระโปรงสั้นที่เผยให้เห็นท่อนขาเรียวยาวสีขาวหยกที่ส่วนล่าง ทำให้มากด้วยเสน่ห์อันเย้ายวน

นี่เป็นครั้งแรกในรอบสามเดือนที่เขาพบกับมนุษย์คนอื่น จึงทำให้ความรู้สึกยินดีผุดขึ้นมาในใจของเฉินซี และเขาก็ไม่ได้รบกวนสตรีนางนี้

โป่งรากสนโลหิตอายุพันปีเป็นสิ่งที่ไม่สามารถกระตุ้นความสนใจของเขาได้อีกต่อไป ในช่วงสามเดือนของการต่อสู้และเข่นฆ่า แม้ว่าชายหนุ่มจะประสบกับความยากลำบากในชีวิตและความตายมากมายในสถานที่อันตรายต่าง ๆ แต่มันก็ทำให้เขาได้รับสมบัติจากสวรรค์และโลกมาหลายสิบชนิดที่ยากจะได้มาในโลกภายนอก และมูลค่าของสิ่งเหล่านี้มีค่ามากกว่าโป่งรากสนโลหิตนับร้อยเท่า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]