คนผู้นี้ย่อมต้องพบกับฝูงตะเภาฟองอย่างแน่นอน
เฉินซีไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อยเมื่อเขาได้ยินเสียงร้องโหยหวนของต้วนมู่เจ๋อ เนื่องจากข้างหน้าไม่ไกลมีหนองน้ำกับฝูงสัตว์อสูรประเภทหนูขนาดเท่ากำปั้นอาศัยอยู่ใต้ดิน
ตะเภาฟองเคลื่อนตัวอยู่ใต้พื้นดินด้วยความเร็วที่ฉับไวราวกับวายุพัดผ่าน ร่างกายของพวกมันเหมือนกับฟองอากาศที่ถูกเป่าให้พอง ซ้ำยังเต็มไปด้วยพิษสีเขียวเข้มที่มีกลิ่นเหม็นเน่า ถึงแม้ว่าพิษของมันจะไม่รุนแรง แต่หากพุ่งเข้าสู่ร่างกายคนมันก็สามารถทำให้คนผู้นั้นเป็นบ้าได้
สิ่งสำคัญที่สุดคือ ตะเภาฟองนั้นอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก ยิ่งพวกมันเจอกับศัตรู เจ้าสิ่งที่น่าขยะแขยงและน่าเกลียดเหล่านี้ จะรวมกลุ่มกันแล้วระเบิดตัวเอง เมื่อของเหลวสีเขียวเข้มระเบิดออกมาจากท้องของมัน ให้จินตนาการว่ามันแทบจะเหมือนกับพายุฝนที่บดบังผืนฟ้า และไม่มีผู้ใดสามารถหลีกเลี่ยงได้
“นี่…” ตู้ชิงซีแทบไม่เชื่อสายตาเมื่อเห็นสภาพของต้วนมู่เจ๋อ บุรุษตรงหน้าราวกับถูกโยนลงไปในถังย้อมสี ผมเอย ร่างกายเอย อาภรณ์สีขาวดุจหิมะพวกนั้น… ล้วนแล้วแต่ถูกอาบย้อมไปด้วยของเหลวสีเขียวเข้ม ทำให้เขาดูเหมือนกับปีศาจคางคกที่น่าเกลียดยิ่ง
หากไม่ได้เห็นด้วยตาตนเอง มันคงเป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการว่าคนตรงหน้าของพวกเขาคือ ต้วนมู่เจ๋อที่หล่อเหลาและอ่อนโยน ผู้ชื่นชอบสวมอาภรณ์สีขาวพลิ้วปลิวไสวตามสายลม
โดยฉับพลัน บังเกิดวายุกระโชกแรง ส่งกลิ่นเหม็นเน่าขจรขจายไปทั่วทุกหนแห่งของผืนป่า
“น่ารังเกียจยิ่ง” ซ่งหลินหายใจไม่ออก กลิ่นเหม็นเน่าลอยคลุ้งในอากาศทำให้มิอาจหลับลงได้ จึงทำได้แค่ปิดจมูกและขยับตัวไปมาเท่านั้น
“เขาไม่ตกอยู่ในอันตรายใช่ไหม” ตู้ชิงซีขมวดคิ้ว ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมา
เฉินซีส่ายหัว “เขาสบายดี แค่มีกลิ่นตัวนิดหน่อย”
แหวะ~!
ตู้ชิงซีหายใจไม่ออกจนเกือบจะอาเจียน นางไม่ลังเลที่จะเดินถอยห่างออกไปไกล แล้วถึงพูดขึ้นมาว่า “ต้วนมู่ รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกไปจากที่นี่เสีย”
“พวกเจ้า… พวกเจ้ากล้ากล่าวเช่นนี้ได้อย่างไร!?”
ดวงตาของต้วนมู่เจ๋อเบิกกว้าง ขณะมองตู้ชิงซีและซ่งหลินที่ถอยออกไปยืนอยู่ห่างจากเขาด้วยความเศร้าเสียใจ ซ้ำแล้ว น้ำเสียงของต้วนมู่เจ๋อยังเผยให้เห็นถึงความน่าสมเพช ราวกับเขาเป็นแม่ม่ายที่ถูกสามีทอดทิ้ง
“นายน้อยต้วนมู่ ข้าเตือนท่านแล้ว หากแต่ท่านไม่คิดฟังคำของข้าเลย… อนิจจา ข้าว่าท่านรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเถิด กลิ่นของพวกมันเหม็นมากจริง ๆ” เฉินซีส่ายหัว ก่อนจะหันหลังเดินหนีกลิ่นไปไกล
ต้วนมู่เจ๋อรู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่าเข้าให้ เขาตกตะลึงอยู่ชั่วครู่หนึ่งก่อนจะแผดเสียงโกรธจัดอยู่ภายในใจ
เฉินซี! เจ้าจงใจให้เป็นเช่นนี้ จงใจอย่างแน่นอน!
ข้าจะฆ่าเจ้า!
ต้วนมู่เจ๋อบันดาลโทสะจนเริ่มหอบหายใจแรง ทว่าเขาเกือบจะเป็นลมไปในทันทีเมื่อได้กลิ่นเหม็นเน่าบนร่างกายตัวเอง และแล้วคลื่นโทสะภายในใจก็กลับมาระเบิดอีกครั้ง ยามนี้บุรุษผู้นี้เกลียดเฉินซีเข้ากระดูกดำเสียแล้ว
และเมื่อต้วนมู่เจ๋อปรากฏตัวอีกครั้ง เขาก็ฟื้นคืนรูปลักษณ์ที่หล่อเหลาเรียบร้อยแล้ว ทว่ายามจับจ้องไปยังเฉินซีเขากลับดูมืดมนเป็นอย่างมาก นัยน์ตายังเผยให้เห็นท่าทีอยากฆ่าคนเต็มแก่ด้วย
‘ดูท่า ข้าจะเผลอทำร้ายสหายผู้นี้เข้าแล้ว แต่ตราบใดที่ตู้ชิงซียังอยู่ด้วย คาดว่าเขาคงไม่กล้าลอบโจมตีข้าหรอกกระมัง’ เฉินซีส่ายหัว และเลิกสนใจสายตาของต้วนมู่เจ๋อที่จ้องมองมา ฝีเท้าเดินขึ้นหน้าต่อไป
ต้วนมู่เจ๋อเงียบไปตลอดทาง และภายใต้การนำทางของเฉินซีก็ไม่มีอุบัติเหตุใดเกิดขึ้นอีก
ตู้ชิงซีเดินตามอยู่ด้านหลัง ขณะที่บังเกิดความรู้สึกประหลาดใจเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะระหว่างทางพวกเขาได้พบกับสัตว์อสูรที่น่าเกรงขามมากกว่าหนึ่งครั้ง แต่ดูเหมือนเฉินซีจะมองการณ์ไกล จึงพาคนทั้งกลุ่มเดินอ้อมไปอย่างระมัดระวัง ทำให้พวกเขาสามารถเดินทางได้อย่างปลอดภัยทุกครั้ง
นางยอมรับว่าเคยดูถูกเฉินซีจริง ๆ เพราะบางครั้งก็เป็นเรื่องยากที่นางจะสังเกตเห็นสัตว์อสูร ที่เชี่ยวชาญในการปกปิดตัวตนเหล่านั้นได้
สำหรับต้วนมู่เจ๋อ การที่เฉินซีดูเข้าใจสภาพแวดล้อมโดยรอบเช่นนี้ มันทำให้เขาเห็นว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เป็นเฉินซีที่ตั้งใจทำให้เขาดูโง่ ชั่วขณะหนึ่ง ความเกลียดชังของต้วนมู่เจ๋อที่มีต่ออีกฝ่ายนั้นถึงกับลงไปอยู่ที่ก้นเหวลึกแล้ว หากไม่ใช่เพราะว่าตู้ชิงซียังอยู่ด้วย เขาคงฆ่าเฉินซีไปแล้วเป็นแน่
ยามรุ่งอรุณใกล้มาเยือน กลุ่มของเฉินซีได้ผ่านผืนป่าที่ดูเหมือนปราการธรรมชาติ ลึกเข้าไปในแดนต้องห้ามป่าเถื่อนตอนใต้ ก่อนจะไปปรากฏตัวที่หน้าทะเลสาบขนาดมหึมา
เฉินซีรับรู้ได้ในทันทีว่าทะเลสาบที่กว้างใหญ่และไร้ขอบเขตแห่งนี้ ถูกเรียกว่าทะเลสาบถ้ำวิญญาณ เนื่องจากอสูรยักษ์ที่ตัวใหญ่ยิ่งกว่าอาณาจักรถูกสังหารด้วยน้ำมือของเขา เป็นแรดอินทนิลสองหัวที่ฝึกฝนมานานนับพันปี และเคยอาศัยอยู่ที่ใจกลางของทะเลสาบแห่งนี้
ยามนี้ มีผู้ฝึกฝนไม่ต่ำกว่าหมื่นคนมารวมตัวกันที่ทะเลสาบถ้ำวิญญาณ และทุกหนแห่งที่เขาจ้องมองก็เต็มไปด้วยผู้คนที่อยู่กันอย่างแน่นขนัด เสียงสนทนาโหวกเหวกดังขึ้นลงไม่รู้จบ อันที่จริง ดูเหมือนว่ามันจะคึกคักมากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ
“ทางเข้าสู่ดินแดนรกร้างใต้พิภพไม่ได้อยู่บนยอดทะเลสาบถ้ำวิญญาณหรอกหรือ” เฉินซีมองไปที่ฝูงชนที่อยู่ห่างไกลและรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“เจ้าไม่รู้?” ตู้ชิงซีดูจะประหลาดใจที่ชายหนุ่มไม่รู้
เฉินซีส่ายหัว “ข้าไม่เคยเข้าร่วมการทดสอบในดินแดนรกร้างใต้พิภพ และไม่เคยสนใจข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้”
“ฮ่า! ในฐานะชาวเมืองหมอกสน เจ้าไม่แม้แต่จะเคยเข้าร่วมการทดสอบดินแดนรกร้างใต้พิภพด้วยซ้ำ ช่างน่าสงสารเสียจริง” ต้วนมู่เจ๋อพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยาม
เฉินซีเหลือบมองอีกฝ่ายแล้วพูดอย่างเฉยเมยว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เคยเข้าไปในดินแดนรกร้างใต้พิภพมาก่อน แต่ข้าเข้าใจวิธีลัดเลาะไปตามป่าเขาของเขตป่าเถื่อนตอนใต้”
เข้าใจวิธีลัดเลาะไปตามป่าเขาป่าของแดนเถื่อนตอนใต้…
ต้วนมู่เจ๋อตกตะลึงไปในทันที หวนนึกถึงตอนที่เผชิญหน้ากับผึ้งเหมันต์และตะเภาฟอง ราวกับว่าแผลเป็นในหัวใจถูกฉีกออก สีหน้าของเขามืดมนลงฉับพลัน และเขาก็เริ่มต่อปากต่อคำ “ข้าหวังว่าความสามารถของเจ้าจะแข็งแกร่งพอ ๆ กับปากของเจ้าแล้วกัน อย่าได้ตกตายอยู่ในดินแดนรกร้างใต้พิภพเชียว”
คำพูดเช่นนี้เท่ากับเป็นการทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเฉินซีลง
ตู้ชิงซีขมวดคิ้ว ขณะที่นางเหลือบมองคนทั้งสอง ก่อนจะพูดอย่างเย็นชาว่า “พอได้แล้ว! หากพวกเจ้าทั้งสองยังคงเป็นเช่นนี้ก็จงกลับไปเสีย!”
ต้วนมู่เจ๋อเม้มริมฝีปากแต่ไม่ได้พูดอะไรอีก เห็นได้ชัดว่าเขากลัวตู้ชิงซีจะขับไล่ไสส่งตัวเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...
ลงวันละหลายตอนใต้ใหม่ครับ...
ไม่ลงต่อแล้วหรือครับ ผมยังรออยู่นะครับ...