ตระกูลซู!
คำพูดเพียงสองคำ กลับทำให้ความเกลียดชังและโทสะที่ถูกเก็บไว้ในใจของเฉินซีมาหลายปีปะทุขึ้นมาทันที
ภาพของเขาในวัยสี่ขวบปียังคงชัดเจนราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อคืนวาน ครานั้น ผู้บ่มเพาะตระกูลซูขอบเขตเคหาทองคำจำนวนสิบสามคน ได้ฉีกสัญญาการแต่งงานระหว่างเขากับคุณหนูตระกูลซู ต่อหน้าต่อตาทุกคนในเมืองหมอกสน
เขายังคงจำวาจาเย้ยหยันและสีหน้าเหยียดหยามของผู้ฝึกตนแห่งตระกูลซูได้
ทั้งยังจำได้ไม่ลืมว่า ยามปู่ของเขาเห็นว่าสัญญาแต่งงานถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ ได้แต่มองเศษกระดาษพวกนั้นลอยล่องอยู่ในอากาศ สีหน้าที่แก่ชราของปู่เผยให้เห็นถึงความเจ็บปวดและสิ้นหวังเป็นอย่างมาก
หนำซ้ำเมื่อสามเดือนก่อน ปู่ของเขายังสิ้นชีพไปอย่างน่าเวทนาที่นอกประตูเมือง เมื่อหวนนึกถึงยันต์เสียงสงัดที่เฉินฮ่าวมอบให้เขา เฉินซีก็เริ่มแน่ใจแล้ว บางทีผู้ที่ลอบสังหารปู่ของเขาอาจเป็นคนของตระกูลหลี่ แต่ผู้อยู่เบื้องหลังที่แท้จริง อาจเป็นตระกูลซู!
เฉินซีไม่ทราบเหตุผลเบื้องหลัง แต่รู้แค่ว่าปู่ของเขาเสียชีวิตด้วยน้ำมือของตระกูลซู เท่านี้ก็นับว่าเพียงพอแล้ว!
“เจ้าเป็นอันใดไป?” ตู้ชิงซีสังเกตเห็นว่าบรรยากาศรอบตัวเฉินซีดูผิดแปลกไป
เฉินซีสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะหลุดจากภวังค์คับแค้น ชายหนุ่มเพียงส่ายหัวให้อีกฝ่าย
แกร็ก!
รอยแยก ณ ขอบฟ้า แสงแห่งสุริยันเล็ดลอดจากแนวของกลุ่มก้อนเมฆาราวกับเกล็ดปลาที่ประดับประดาอยู่บนท้องฟ้า มันส่องแสงระยิบระยับน่าดูไม่น้อย ไกลออกไปมีเสียงร้องของนกกระเรียนสดใสและชัดเจนดังแว่วมา
เมื่อเมฆาและม่านหมอกเริ่มเบาบางลง ปรากฏภาพกระเรียนขาวกระพือปีกอย่างแข็งขันยิ่ง จากนั้นพวกมันก็ทะลวงผ่านผืนเมฆา มุ่งผ่านสายตาของคนทุกผู้ด้วยความเร็วสูง
วูบ!
เพียงชั่วพริบตา นกกระเรียนสีขาวพิสุทธิ์ก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเหนือหัวของทุกคน มันกระพือปีกพลางส่งเสียงร้องที่ชัดเจน
สายตาของคนทุกผู้จับจ้องไปยังนกกระเรียนขาวทันที และแล้วก็ปรากฏสตรีวัยแรกแย้มในอาภรณ์สีทมิฬอันประณีต ท่าทางของนางนั้นมีเสน่ห์อย่างหาที่เปรียบมิได้ กายเหยียดตรงดูสูงส่ง ขณะที่มือไขว้หลังอย่างเป็นธรรมชาติ เส้นผมนุ่มสลวยดุจเมฆาเคลื่อนคล้อย ทรวดทรงนับว่างามสะกดตา และด้วยรูปร่างบอบบางของนางที่ราวกับต้องลมทีอาจถูกพัดปลิวไป ยิ่งทำให้ผู้คนหลงใหลในรูปลักษณ์โฉมสะคราญของนาง
ซ่งหลินที่นอนอยู่บนพื้นพลันลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างเกียจคร้าน เขาเหลือบมองหญิงสาวที่อยู่บนหลังนกกระเรียนขาว ก่อนจะพึมพำเบา ๆ ออกมา “โอ้ ต้วนมู่ แม่นางซูของเจ้ามาถึงแล้ว”
ต้วนมู่เจ๋อชำเลืองมองตู้ชิงซีที่อยู่ข้าง ๆ กาย มุมปากของเขากระตุกเล็กน้อย แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงโกรธเคืองว่า “เจ้าอย่าได้พูดเหลวไหล อันใดคือคุณหนูซูของข้า? นางมีความสัมพันธ์อันใดกับข้ากัน?”
ซ่งหลินเบะปากด้วยความดูถูก แต่เมื่อเขากำลังจะพูดบางอย่างออกไป ต้วนมู่เจ๋อก็เอื้อมมือไปปิดปากชายหนุ่ม จากนั้นเขาก็ยิ้มอย่างเขินอายให้กับตู้ชิงซีที่อยู่ใกล้ ๆ “คนผู้นี้ละเมออีกแล้ว”
ตู้ชิงซีหาได้สนใจคำอธิบายของต้วนมู่เจ๋อ ทว่าใบหน้างดงามที่ซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าคลุม ปรากฏสายตาอันล้ำลึกสายหนึ่งวาบผ่าน ยามเมื่อนัยน์ตาที่ทอประกายฉายชัดราวกับดวงดารามองไปยังเฉินซี คิ้วรูปสวยของนางพลันขมวดคิ้วเล็กน้อย และดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้
ยามนี้เฉินซีก้มหน้าลง ทำให้ผู้อื่นไม่สามารถเห็นสีหน้าของเขาได้ ทว่าภายใต้การจ้องมองอย่างใกล้ชิด ตู้ชิงซียังคงสังเกตเห็นว่าร่างกายของอีกฝ่ายสั่นเทาเล็กน้อย มันดูเหมือนกับว่าเขากำลังพยายามยับยั้งความรู้สึกที่ผันผวนอย่างรุนแรงในตัวเขาอยู่
‘ยามซูเจียวปรากฏตัว ท่าทีของเขาก็ผิดปกติไปทันที เป็นไปได้ไหมว่า… ใช่แล้ว! ผู้หญิงที่เฉินซีเคยหมั้นหมายด้วยในปีนั้น ก็คือซูเจียวอย่างไม่ต้องสงสัย!’
ความเฉลียวฉลาดปรากฏขึ้นแววตาของตู้ชิงซี นางนึกถึงข่าวลือต่าง ๆ เกี่ยวกับเฉินซีในเมืองหมอกสน และในที่สุดก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น นางอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเบา ๆ สัญญาการแต่งงานของเขาถูกคนตระกูลซูฉีกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยต่อหน้าผู้คน บางทีจวบจนวันนี้ เขาคงยังไม่ลืมวันคืนอัปยศนี้ได้กระมัง?
“เป็นบุตรสาวคนโตของตระกูลซูจากเมืองทะเลสาบมังกร!”
“อ๊า! สตรีผู้นั้นคือแม่นางซู ผู้เป็นความภาคภูมิใจของเมืองทะเลสาบมังกรใช่หรือไม่? เป็นโฉมสะคราญที่งดงามยิ่งนัก!”
“หึ! แน่นอนว่านางงดงามกว่าผู้ใด! การบ่มเพาะของแม่นางซูนับว่าไม่ธรรมดายิ่ง มิเช่นนั้นแล้ว นางจะกลายเป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์ในเมืองทะเลสาบมังกรได้อย่างไร ที่แห่งนั้นล้วนแต่มีผู้บ่มเพาะดุจเมฆเกลื่อนท้องฟ้า ซ้ำแล้วนางยังนับว่าเป็นหนึ่งในสองความภาคภูมิใจของเมืองทะเลสาบมังกรอีกด้วย!”
…
ยามนี้ ฝูงชนที่ทะเลสาบถ้ำวิญญาณต่างก็รู้ถึงตัวตนของซูเจียว บทสนทนาล้วนไม่พ้นความตื่นตกใจ ความชื่นชม และความเคารพ
บนเวหา ซูเจียวแสดงสีหน้าเฉยเมย ราวกับไม่รับรู้ถึงความกระตือรือร้นของทุกคนที่อยู่เบื้องล่าง อันที่จริง สายตาของนางกำลังจับจ้องไปที่ระยะไกล
และกระทำของนางก็ค่อย ๆ ดึงดูดผู้คน จากนั้นสายตาของพวกเขาก็พุ่งไปในทิศทางเดียวกันตามลำดับ
“ฮ่า ๆๆๆ! ข้าปล่อยให้แม่นางซูรอแล้ว!” เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ กลับปรากฏเสียงหัวเราะที่ดังกึกก้องไปทั่วท้องนภา แสงโลหิตสีชาดมาพร้อมกับเสียงกรีดอากาศที่ดังทะลวงผ่านม่านเมฆมา ในสายของคนทุกผู้ปรากฏร่างสง่างามร่างหนึ่งที่ดูอหังการไม่น้อยกำลังเหาะเหินอยู่ระหว่างฟ้าดิน
หัวใจของทุกคนสั่นสะท้านไปในบัดดล ยามได้เห็นท่าทางองอาจและน่าเกรงขาม แต่แฝงไปด้วยความเย่อหยิ่งและทะนงตน ก่อนที่คนเบื้องล่างจะรู้สึกประหลาดใจและสับสนตาม ๆ กันไป
เมื่อแสงโลหิตสีชาดหยุดลง ก็เป็นยามนี้เองที่ฝูงชนได้เห็นค่าหน้าค่าตาของผู้มาใหม่อย่างชัดเจน คนผู้นี้สวมชุดคลุมสีดำปักเลื่อมทอง แผ่นอกกว้างดูองอาจ จมูกโด่งเป็นสัน มีผมยาวสลวยคลอเคลียอยู่ที่บ่า เขายืนอยู่บนกระบี่สีชาดทมิฬที่ดูสดใสราวกับสีของโลหิต ทว่าด้วยท่าทางที่น่าเกรงและดูดื้อดึง กลับทำให้ภาพลักษณ์ของเขาดูสง่างามและแข็งแกร่งยิ่งขึ้นเสียมากกว่า
“กระบี่วิญญาณโลหิตบงกชสีชาด! เขาคือกระบี่ปีศาจน้อย ฉางปิน! อัจฉริยะด้านวิถีกระบี่ของตระกูลฉางแห่งเมืองทะเลสาบมังกร!”
มีคนอุทานด้วยความประหลาดใจ และด้วยวาจานั้นพลันทำให้เกิดความโกลาหลในทันที ขณะที่มองไปยังร่างในชุดคลุมสีดำซึ่งกำลังยืนอยู่บนกระบี่โลหิตกลางอากาศ สายตาของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความกลัวและความเคารพต่อคนผู้นี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...
ลงวันละหลายตอนใต้ใหม่ครับ...
ไม่ลงต่อแล้วหรือครับ ผมยังรออยู่นะครับ...