บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 429

บทที่ 429 ก่ออัสนีผสานดารา

บทที่ 429 ก่ออัสนีผสานดารา

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พร้อมกับพลังบ่มเพาะที่เพิ่มสูงขึ้นและจิตใจที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด มีสิ่งที่ทำให้เฉินซีตกตะลึงและรู้สึกเหมือนรับมือไม่ได้อยู่เพียงไม่กี่อย่าง

แต่ในขณะนี้ ศิษย์พี่สามกับจี้อวี๋ทำให้เขารู้สึกเช่นนั้นอีกครั้ง ชายหนุ่มรู้ว่าบางทีอาจเป็นเพราะความรู้ตนยังน้อยอยู่ และพลังบ่มเพาะก็ต้อยต่ำเกินไป

จริง ๆ แล้ว แม้ว่าเฉินซีจะสามารถเมินคนรุ่นเยาว์คนอื่น ๆ ได้ แต่เมื่อเทียบกับรุ่นใหญ่อย่างศิษย์พี่สามและจี้อวี๋ พลังของเขาก็นับว่าไม่เพียงพอ

ไม่ต้องกล่าวว่า เขาพเนจรอยู่ในแผ่นดินซ่งมาตั้งแต่เกิด สายตามองเห็นแต่เพียงในแผ่นดินแห่งนี้ ดังนั้นจึงไม่อาจเข้าใจเรื่องสมรภูมิบรรพกาล แดนภวังค์ทมิฬ หรือกระทั่งมิติเซียนได้

‘บางทีข้าอาจต้องเข้าสู่แดนภวังค์ทมิฬก่อน จึงจะสามารถเข้าใจใต้หล้าได้อย่างสมบูรณ์หรือ?’ ตอนนี้เฉินซีพลันอยากเดินทางไปยังแดนภวังค์ทมิฬโดยเร็วเพื่อไปเห็นดินแดนที่ใกล้เคียงกับมิติเซียนมากที่สุด

“ท่านอาจารย์ลุง!” เมื่อเห็นจี้อวี๋ปรากฏตัวขึ้น สีหน้าของศิษย์พี่สามก็เผยความตื่นเต้น เขาโค้งคำนับและพูดขึ้นว่า “อาจารย์ลงเขาเทพพยากรณ์ไปกี่ปีแล้ว? ในที่สุดก็ได้พบท่านอีกครั้ง”

ดวงตาของจี้อวี๋เจือแววเศร้าแวบหนึ่ง ก่อนจะส่ายศีรษะและพูดว่า “เจ้าลงจากเขาเทพพยากรณ์มายังโลกรอง เช่นนั้นก็คงมีเวลาจำกัดกระมัง?”

ศิษย์พี่สามพยักหน้าและพูดว่า “ศิษย์พี่สูงสุดเปิดทางเดินโดยใช้วิชาเคลื่อนโคจร อยู่ได้ราวหนึ่งก้านธูป เมื่อหมดเวลาก็จะไม่อาจเลี่ยงกฎแห่งเต๋าสวรรค์ได้”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็รีบจัดการเรื่องนี้เถอะ เรารีบจากไปจะดีที่สุด” ว่าแล้ว จี้อวี๋ก็พลันเผยอารมณ์อ่อนไหวบนใบหน้า “เจ้ากลับไปเมื่อไร ส่งความคิดถึงข้าไปให้ศิษย์พี่สูงสุดและขอบคุณต่อความหวังดีของเขาให้ข้าด้วย”

ศิษย์พี่สามตกใจนัก “อะไรนะ? ท่านอาจารย์ลุง ท่านไม่ได้จะตามข้ากลับเขาเทพพยากรณ์หรอกหรือ? หากท่านกับศิษย์น้องเล็กเข้าสู่สมรภูมิบรรพกาลไปด้วยกัน ย่อมต้องถูกกฎแห่งเต๋าสวรรค์เห็นอย่างแน่นอน…”

“ข้าไม่ได้จะเข้าไปในสมรภูมิบรรพกาลหรอก” จี้อวี๋ส่ายศีรษะและเอ่ยขัดขึ้น “ยามอาจารย์ทิ้งข้าไว้ในเคหาเมื่อหลายปีก่อน ประการแรกก็เพื่อให้ข้าหาที่หลบภัย ประการที่สองคือเพื่อเลือกศิษย์สืบทอดวิชา ตอนนี้เฉินซีดูแลตัวเองได้แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการให้ข้าอยู่ข้างกายอีก”

พูดแล้วจี้อวี๋ก็ยิ้มบางให้เฉินซี “ไม่ต้องห่วง ข้าจะอยู่ที่นี่ ช่วยเจ้าปกป้องตระกูลเฉินดีหรือไม่? แม้ว่ากฎแห่งเต๋าสวรรค์ในโลกรองจะไม่สมบูรณ์ แต่ก็ยังมีที่ให้หลบซ่อน ไม่ต้องกลัวจะถูกศัตรูพบ”

“ท่านอาจารย์ลุง…”

“ผู้อาวุโสจี้อวี๋…”

ศิษย์พี่สามกับเฉินซีพูดขึ้นพร้อมกัน ดูอยากจะพูดอะไรอีก แต่ก็ถูกจี้อวี๋ขัดจังหวะอีกครั้งว่า “ข้าตัดสินใจแล้ว พวกเจ้าไม่ต้องเกลี้ยกล่อมข้า ข้ากลับเขาเทพพยากรณ์ตอนที่อาจารย์ตามตัวก็ยังไม่สาย”

เฉินซีอ้าปาก แต่ต่อมาก็ปิดปากเงียบ เขาเข้าใจนิสัยจี้อวี๋ดี เมื่อตัดสินใจแล้ว อีกฝ่ายจะไม่กลับคำอีก ดังนั้นให้เขาเกลี้ยกล่อมไปก็ไร้ประโยชน์

ที่สำคัญที่สุดคือเขาไม่อาจหาเหตุผลใดมาจูงใจจี้อวี๋ได้จริง ๆ หรือจะบังคับให้จี้อวี๋ติดตามเขาเข้าสู่สมรภูมิบรรพกาลและถูกศัตรูพบตัวเข้า?

“แต่ท่านอาจารย์ลุง ตั้งแต่อาจารย์ลงจากเขาไปก็ไม่ทราบที่อยู่อีก แทนที่จะรออยู่ที่นี่ ไม่กลับเขาเทพพยากรณ์จะดีกว่าหรือ? มีพี่น้องเราอยู่ด้วย ใครในสามโลกจะกล้าเข้ามาหาเรื่องเล่า?” ศิษย์พี่สามยังไม่ยอมแพ้และเกลี้ยกล่อมต่อ

จี้อวี๋พลันจ้องมองศิษย์พี่สามด้วยสายตาเย็นชา

ศิษย์พี่สามจึงยอมแพ้ทันที แล้วเอ่ยขึ้นด้วยความเศร้าว่า “ช่างเถอะ ข้าจะกลับเขาเทพพยากรณ์ไปดูว่าศิษย์พี่สูงสุดจะตัดสินใจอย่างไร” ว่าแล้วเขาก็หันหลังหมายจะเดินจากไป

“ประเดี๋ยวก่อน” จี้อวี๋จ้องศิษย์พี่สามและเอ่ยเสียงโกรธขึ้น “คิดจะใช้เวลาก่อนครบหนึ่งก้านธูปนำตัวผู้ช่วยอีกสองมาลากตัวข้าไปหรือ?”

ศิษย์พี่สามพลันชะงักไป สีหน้าดูอับอายอย่างยิ่ง เขาคิดแบบนี้จริง ๆ แต่น่าเสียดายที่อีกฝ่ายจับได้

“เอาล่ะ เจ้ามาด้วยความยากลำบาก ส่งต่อพลังอิทธิฤทธิ์ให้ศิษย์น้องเล็กก่อนจากก็ยังไม่สายเกินไปหรอก” จี้อวี๋หันไปยิ้มให้เฉินซีที่อยู่ใกล้ ๆ พลางพูด “ศิษย์พี่สามของเจ้ามีทักษะในการสลักกระดูก มีอัฐิล้ำค่าจากสัตว์ศักดิ์สิทธิ์โบราณอยู่มากมาย และพวกมันก็มีพลังอิทธิฤทธิ์แฝงอยู่ ดังนั้นเจ้าอยากเรียนอะไรก็ถามได้เลย”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]