บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 486

บทที่ 486 รวมตัวอีกครั้ง

บทที่ 486 รวมตัวอีกครั้ง

“หนีเร็วเข้า!”

“บัดซบ! เจ้านั่นไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้ว มันน่าสะพรึงกลัวเกินไปแล้ว!”

“เหตุใดถึงกลายเป็นเช่นนี้? แม้แต่ทัณฑ์สวรรค์วิหคอมตะแห่งการจุติก็ไม่สามารถฆ่ามันได้ หากปล่อยให้มันเติบโตต่อไปเช่นนี้ ในภายภาคหน้าจะมีผู้ใดที่สามารถต่อกรกับมันได้อีก? ข้าเกรงว่ามันจะกลายเป็นสุดยอดฝีมืออย่างแน่นอน!?”

เหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์ต่างหลบหนีเอาชีวิตรอด เนื่องจากพวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นอีก เพราะเมื่อพวกเขาหยุดย่อมหมายความว่ากำลังมุ่งไปสู่ความตาย แต่แท้จริงแล้วนั้น การพ่ายแพ้อย่างหมดท่าและหวาดกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อนั้น กลับเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในหมู่ผู้เยี่ยมยุทธ์จากราชวงศ์ระดับกลาง ทำให้ไม่กล้าที่จะจินตนาการถึงผู้เยี่ยมยุทธ์จากราชวงศ์ต่าง ๆ และถ้าข่าวเช่นนี้ถูกแพร่ออกไป ก็คงไม่มีใครเชื่ออย่างแน่นอน

เกาะสมบัติที่ร่วงหล่นนั้นกว้างใหญ่ไพศาล และนอกจากบรรดาผู้เป็นศัตรูกับเฉินซีแล้ว ยังมีผู้เยี่ยมยุทธ์คนอื่น ๆ ที่เข้ามาเพื่อค้นสมบัติที่ทวพเทพเหลือทิ้งไว้

อย่างไรก็ตาม พวกเขาทั้งหมดต้องตกตะลึงเมื่อเห็นกองทัพของผู้เยี่ยมยุทธ์ที่กำลังหลบหนีอย่างน่าสังเวช

“เกิดอะไรขึ้น?” พวกเขาได้ยินมาก่อนหน้านี้ว่า มีเหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์ร่วมมือกันโดยตั้งใจที่จะสังหารชายหนุ่มคนหนึ่งจากราชวงศ์ซ่ง ซึ่งเดิมทีพวกเขาก็คิดว่ามันจะต้องสำเร็จได้อย่างง่ายดาย แต่พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นนี้

“เร็วเข้า! รีบออกจากซากปรักหักพังนี่และพุ่งออกจากเกาะสมบัติที่ร่วงหล่นซะ ไอ้หมอนั่นมันเหมือนกับปีศาจร้ายที่ฆ่าโดยไม่แม้แต่จะกะพริบตา!” เหล่ายอดฝีมือที่หนีมาทางนี้ต่างเซไปมาขณะคำรามใส่สหายของพวกเขา

“พวกเจ้ามีตั้งมากมาย แต่กลับไม่สามารถฆ่าคนเพียงคนเดียวได้อย่างนั้นหรือ?”หลายคนไม่อยากเชื่อและเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ

ทว่าไม่มีใครตอบกลับสักคน เนื่องจากพวกเขาต่างแยกย้ายกันหลบหนีเพื่อเอาชีวิตรอด อีกทั้งยังไม่กล้าที่จะหยุดแม้แต่น้อย และในเวลาไม่นาน พวกเขาก็หายไปหมดจนไม่เหลือร่องรอยเลยสักนิด

ตู้ม!

ทันใดนั้นเอง มีชายหนุ่มร่างสูงกำยำปรากฏตัวขึ้น ซึ่งก็คือเฉินซีนั่นเอง ดวงตาของเขาเป็นดั่งสายฟ้าฟาดและกวาดไปยังเหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์ที่ยืนอยู่ตรงนั้น เมื่อชายหนุ่มสังเกตเห็นว่าพวกเขาไม่ใช่ปรปักษ์ จึงออกเดินทางอีกครั้งเพื่อไล่ล่าศัตรูโดยไม่ชักช้าแม้แต่น้อย

“สิ่งที่เกิดทั้งหมดนี้… เป็นเพราะเขาเองหรือ?” หนึ่งในกลุ่มผู้เยี่ยมยุทธ์เหล่านั้นกล่าวออกมา หลังจากที่อ้าปากค้าง เนื่องจากทันทีที่ถูกเฉินซีกวาดสายตาใส่ จู่ ๆ เขาก็รู้สึกเหมือนกับตกลงไปในบ่อน้ำแข็ง ทำให้ร่างกายของเขารู้สึกหนาวเย็นและอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านด้วยความกลัว

“คงจะใช่” คนอื่น ๆ ก็รู้สึกคล้ายกัน และพวกเขาก็พยักหน้าด้วยความกลัวที่ยังคงอยู่ในใจ

“เขาช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก ผู้เยี่ยมยุทธ์ที่ร้ายกาจเช่นนี้ ปรากฏขึ้นในราชวงศ์ซ่งตั้งแต่เมื่อใดกัน?”

“เร็วเข้า! รีบแจ้งข่าวนี้ให้แก่ทุกคน แล้วกำชับพวกเขาว่า หากพบกับเฉินซีในอนาคต จงอย่าได้ล่วงเกินเขาเป็นอันขาด มิฉะนั้นพวกเขาจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตนเองนั้นตายได้อย่างไร”

“ใช่แล้ว เราต้องแจ้งข่าวให้คนอื่นทราบ ผู้เยี่ยมยุทธ์จากราชวงศ์ระดับกลางกลับทำให้เกิดฝนเลือดเช่นนี้ได้ หากข่าวเช่นนี้ถูกแพร่กระจายออกไป มันจะทำให้สมรภูมิบรรพกาลต้องปั่นป่วนอย่างแน่นอน”

หลังจากผู้เยี่ยมยุทธ์เหล่านี้ซึ่งไม่เป็นศัตรูกับเฉินซีได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาก็รู้สึกหวั่นไหวและไม่สบายใจขณะที่เผยแพร่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่ไปยังโลกที่อยู่ภายนอกเกาะอย่างรวดเร็ว

ในท้ายที่สุด มีเพียงผู้เยี่ยมยุทธ์ส่วนน้อยที่สามารถหลบหนีการไล่ล่าของเฉินซีได้ จนกระทั่งไปถึงสถานที่ที่ฝังสมบัติของทวยเทพเอาไว้ จากนั้น… พวกเขาก็ผ่านประตูขุนเขาเพื่อออกจากพื้นที่ไป

หลังจากหลบหนีออกจากสนามรบอันน่าสยดสยองได้ หลายคนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทว่าพวกเขาก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นว่าเหล่าสหายที่เคยเคียงข้างอยู่ ล้มตายไปหมดแล้ว และเหลือเพียงสองสามคนเท่านั้นที่ยังมีชีวิตรอด สีหน้าของพวกเขาจึงหนักอึ้งและเศร้าโศกในทันที

การสูญเสียของพวกเขาในครั้งนี้ อาจกล่าวได้ว่าเป็นหายนะอย่างใหญ่หลวง ซึ่งไม่รู้ว่ามีผู้เยี่ยมยุทธ์กี่คนที่ถูกเฉินซีสังหาร แต่ผู้เยี่ยมยุทธ์อัจฉริยะของราชวงศ์ระดับกลางบางราชวงศ์กลับถูกกวาดล้างจนหมดสิ้น

ตัวอย่างเช่น ราชวงศ์เสวี่ยหง ราชวงศ์เทียนหลาง ราชวงศ์ตงเซี่ย… เป็นราชวงศ์ที่เขาต้องให้ ‘การดูแล’ เป็นพิเศษ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะรอดชีวิต

ส่วนราชวงศ์ต้าเสวียนกับราชวงศ์ต้าเฉียน ความสูญเสียของพวกเขาก็เข้าขั้นหายนะเช่นกัน ในบรรดาผู้เยี่ยมยุทธ์จากราชวงศ์ของพวกเขาที่เข้าสู่สมรภูมิบรรพกาล มากกว่าครึ่งได้ล้มตายไปในการต่อสู้ครั้งนี้ ทำให้ราชวงศ์ของพวกเขาสูญเสียครั้งใหญ่และไม่อาจแข่งขันกับราชวงศ์ระดับสูงอื่น ๆ ได้อีก

ซึ่งคนที่ทำให้เกิดเรื่องทั้งหมดนี้ เป็นเพียงชายหนุ่มจากราชวงศ์ระดับกลางธรรมดา ๆ

เหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์ที่สามารถหลบหนีไปได้นั้น รู้สึกราวกับหายนะได้ผ่านพ้นไปแล้ว แต่เหตุการณ์การถูกกวาดล้างและไล่ล่าอย่างไม่หยุดหย่อนภายในซากปรักหักพังนั้น กลับเป็นฝันร้ายที่หลอกหลอนและทำให้พวกเขาไม่อาจลืมมันตราบชั่วนิรันดร์

แม้ว่าจะเป็นในยุคบรรพกาลที่ทวยเทพถือกำเนิดขึ้น ก็คงไม่มีชายหนุ่มคนใดที่ทรงพลังเช่นนี้…

“รีบไปแจ้งแก่คนอื่น ๆ ในราชวงศ์ของเราซะ และจงกำชับพวกเขาว่าอย่าได้เป็นศัตรูกับเฉินซีเป็นอันขาด เขาได้พิชิตทัณฑ์สวรรค์วิหคอมตะแห่งการจุติในตำนานที่น่ากลัวที่สุด และสามารถบรรลุสู่ขอบเขตจุติได้อย่างราบรื่น อีกทั้งยังมีพลังแฝงที่จะเติบโตเป็นสุดยอดฝีมือในอนาคต!”

“พวกเราคงไม่ใช่คู่มือกับศัตรูเช่นเขาจริง ๆ บางทีอาจมีเพียงผู้เยี่ยมยุทธ์ของราชวงศ์ระดับสูงสุดทั้งสามและตระกูลอันทรงเกียรติจากอาณาจักรโบราณเท่านั้นที่จะสามารถต่อกรกับเขาได้?”

ข่าวนี้แพร่กระจายจากเกาะสมบัติที่ร่วงหล่นไปสู่ทั่วทั้งสมรภูมิบรรพกาลอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ เนื่องจากทุกคนล้วนไม่อยากเชื่อ ในเมื่อผู้เยี่ยมยุทธ์จากราชวงศ์ต่าง ๆ ร่วมมือกันเพื่อเคลื่อนไหวอย่างพร้อมเพรียง ไม่เพียงแต่ไม่อาจสังหารเฉินซีได้ แต่กลับต้องถูกเขาไล่ล่าจนพ่ายแพ้ย่อยยับ!

“นี่เป็นเรื่องจริงหรือ? ชายคนนั้นใกล้จะตายแล้วไม่ใช่รึ? แล้วเขาจะกวาดล้างผู้เยี่ยมยุทธ์ทั้งหมดด้วยตัวคนเดียวได้อย่างไร? นี่…นี่มันไม่แปลกประหลาดไปหน่อยหรือ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]