บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 50

บทที่ 50 บันทึกภายในที่พำนักของเซียนกระบี่
บทที่ 50 บันทึกภายในที่พำนักของเซียนกระบี่

เฉินซีไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะในการบ่มเพาะ แต่ความเร็วในการขัดเกลากายานี้ยังคงทำให้เขาต้องตกตะลึง หากคำนวณอย่างรอบคอบ ในช่วงเวลาไม่ถึงครึ่งปี เขาก็สามารถขัดเกลากายาจากขอบเขตสร้างรากฐานไปสู่ขอบเขตก่อกำเนิดขั้นสมบูรณ์ได้ในคราวเดียว ซึ่งเป็นความเร็วที่เขาก็ไม่อยากจะเชื่อ

“เจ้าตกใจมากหรือ? เจ้าบ่มเพาะวิชาร่างแปลงดาราสังหารเอกภพที่นายท่านของข้าเหลือทิ้งไว้และยังมีปราณปีศาจจำนวนมหาศาลที่คอยสนับสนุนในการบ่มเพาะของเจ้า ความเร็วเยี่ยงนี้นับว่าปกตินัก”

จี้อวี๋กล่าวอย่างเฉยเมยต่อ “จงฝึกฝนให้หนักยิ่งขึ้น เมื่อเทียบกับอัจฉริยะที่แท้จริง ความเร็วในการฝึกฝนของเจ้ายังนับว่าไม่ดีพอ สิ่งสำคัญที่สุดคือเจ้าได้สูญเสียเวลาอันมีค่าไปถึงสิบหกปี”

อารมณ์ตื่นเต้นของเฉินซีสงบลงอย่างรวดเร็วเนื่องจากข้อเท็จจริงตรงกับที่จี้อวี๋กล่าวทั้งหมด แม้ว่าเขาจะได้รับการสั่งสอนจากท่านปู่เสมอและฝึกฝนเคล็ดวิชานภาม่วงโดยตลอด แต่เขากลับขาดแคลนยาเม็ดวิญญาณและผลึกวิญญาณ จึงทำให้การฝึกฝนของเขาก้าวหน้าช้ามาก ยิ่งไปกว่านั้นเพราะต้องคอยจุนเจือครอบครัว เขาจึงต้องกลายเป็นนักสร้างยันต์อักขระฝึกหัด ทำให้เวลาที่เขาใช้ไปกับการบ่มเพาะลดน้อยลงไปอีก เมื่อเทียบกับบรรดาสมาชิกของตระกูลใหญ่ที่ตั้งใจบ่มเพาะตั้งแต่อายุยังน้อย นับว่าเขาล้าหลังอยู่มาก

เช่นเดียวกับหลี่ไฮว่ที่อายุใกล้เคียงกับเฉินซี ตอนนี้อีกฝ่ายได้บรรลุการบ่มเพาะถึงขอบเขตตำหนักอินทนิลแล้ว เหตุผลเป็นเพราะหลี่ไฮว่ครอบครองทรัพยากรมหาศาลและไม่จำเป็นต้องแบ่งเวลาไปทำงานหนักเพื่อความอยู่รอด

“ขอบคุณผู้อาวุโสสำหรับคำเตือนของท่าน” สีหน้าของเฉินซีเคร่งขรึมและจริงจัง

จี้อวี๋หัวเราะขณะที่เขาลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้หวาย จากนั้นกวาดสายตามองไปทั่วสระน้ำ “ยังคงมีของเหลวที่มาจากการควบแน่นของปราณปีศาจเกือบ 125 จิน ข้าจะช่วยเจ้าเก็บรวบรวมมัน”

หลังจากพูดจบจี้อวี๋ก็สะบัดมือออก ทันใดนั้นสระน้ำรูปทรงแปดเหลี่ยมก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง มีแสงสีดำส่องประกาย และท้ายที่สุดทั้งสระน้ำก็แปรเปลี่ยนเป็นขวดบรรจุทรงแปดเหลี่ยมที่ดูเหมือนทำมาจากหยกดำ

“อันที่จริง สระน้ำนี้เป็นขวดบรรจุทรงแปดเหลี่ยม ผู้บ่มเพาะที่จัดตั้งค่ายกลนี้ใช้กระบี่ทั้งแปดเพื่อเชื่อมต่อกับปราณแห่งสวรรค์และโลก จากนั้นจึงใช้บงกชจิตเยือกเย็นเพื่อซึมซับปราณปีศาจ และรวมพวกมันเข้าไปในขวดบรรจุทรงแปดเหลี่ยม สระน้ำที่เต็มไปด้วยปราณปีศาจนี้ก่อตัวขึ้นหลังจากเวลาผ่านไปนับหมื่นปี”

ชายชรากล่าวอย่างสงบและไม่เร่งรีบ “แต่เนื่องจากค่ายกลกักปราณปีศาจนี้ไม่มีผู้ใดควบคุมมันมาเกือบหนึ่งหมื่นปีแล้ว ปราณปีศาจส่วนใหญ่ที่อยู่ภายในจึงได้สลายไปนานแล้ว หากไม่ใช่เหตุนี้ สระน้ำแห่งนี้อย่างน้อยก็สามารถรวบรวมปราณปีศาจได้ไม่น้อยกว่าสองพันห้าร้อยจิน”

“เป็นเช่นนี้เอง” เฉินซีพยักหน้ารับ

จี้อวี๋โยนขวดบรรจุทรงแปดเหลี่ยมขนาดเท่าแขนไปยังเฉินซี และกล่าวว่า “แม้ว่าสิ่งนี้จะไม่มีประโยชน์อื่นใด แต่ใช้มันกักเก็บดวงวิญญาณก็นับว่าไม่เลว ของเหลวหรือสุรา และยามเมื่อเจ้าก้าวไปสู่ขอบเขตจุติ เจ้าจะสามารถใช้ปราณปีศาจในนี้เพื่อสร้างกงล้อสังสารวัฏได้”

เฉินซีรับขวดบรรจุทรงแปดเหลี่ยมมาอย่างระมัดระวัง จากนั้นเก็บไว้ในแหวนมิติ และเริ่มสำรวจสภาพแวดล้อมรอบกายอีกครั้ง ตอนนั้นเองที่เขาสังเกตเห็นว่ามีค่ายกลแปลกประหลาดอยู่ในตำแหน่งที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสระน้ำ

“สิ่งนั้นคือ?” เฉินซีเดินไปข้างหน้าเพื่อมองดู มีช่องหลุมอยู่ตรงกลางของค่ายกล เหมือนมีอะไรดลใจแวบเข้ามาในความคิดของเขา ทันใดนั้นเขาก็นำตราคำสั่งใต้พิภพออกมาจากแหวนมิติ ด้วยการเปรียบเทียบขนาดสักพัก เขาจึงสังเกตเห็นว่าพวกมันใช้ร่วมกันได้อย่างลงตัว

“ฮ่า ๆๆๆ!”

จี้อวี๋เงยหน้าขึ้นและหัวเราะพลันกล่าว “สิ่งนี้คือค่ายกลเคลื่อนย้ายที่มุ่งตรงไปยังที่พำนักของเซียนกระบี่อย่างแน่นอน ข้าสังเกตว่ามีบางอย่างชอบพิกล เมื่อข้าเข้ามายังที่นี่ก่อนหน้านี้ อย่างที่ข้าคาดการณ์เอาไว้เลย ค่ายกลนี้สร้างโดยเซียนกระบี่เพื่อรวบรวมปราณปีศาจอย่างแน่นอน!”

เฉินซีไม่อาจเชื่อเรื่องนี้ เดิมทีเขาเคยคิดว่าเมื่อเขาตกลงมาในหุบเหวแล้วตัวเองจะสูญเสียโอกาสที่จะได้พบกับที่พำนักของเซียนกระบี่ ทว่าชายหนุ่มไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะพบมันในที่แห่งนี้ เป็นดั่งคำกล่าวไว้จริง ๆ ในคราวเคราะห์ย่อมมีความโชคดีอยู่

“ไปกันเถอะ ข้าเคยได้พบเซียนกระบี่ไร้พ่ายในช่วงหลายล้านปีที่ผ่านมานี้ แต่ทุกคนได้ตายตกอยู่ในเคหาของนายท่าน จึงอยากรู้ว่าเซียนกระบี่ผู้นี้คือใคร และที่พำนักที่เขาเหลือทิ้งไว้นั้นจะน่าพิศวงเยี่ยงไร” จี้อวี๋กล่าวอย่างไม่เร่งรีบ ทว่าน้ำเสียงที่เฉยเมยของเขาเผยให้เห็นถึงความเย่อหยิ่งที่ดูแคลนทุกสรรพสิ่ง

คลื่นเสียงดังสนั่นแว่วมา บนทางเดินที่ยาวและคับแคบเป็นสีดำสนิทราวกับหลุมดำ ซึ่งเต็มไปด้วยเสียงกระทบกระทั่งเสียดหูของโลหะ

เคร้ง!

กริชปทุมฟ้าประสานกรีดผ่านหุ่นเชิดอย่างดุเดือดเป็นชิ้น ๆ ตู้ชิงซีอยู่ในสภาพที่น่าเวทนาและหอบหายใจแรง ขณะที่นางจ้องมองต้วนมู่เจ๋อและคนอื่น ๆ ที่ยังคงติดพันการต่อสู้ ใบหน้างามงดของนางเต็มไปด้วยความกังวลยิ่ง

สถานที่เยี่ยงนี้ยังเรียกว่าเป็นที่พำนักของเซียนกระบี่ได้อยู่อีกหรือ? ที่นี่มันอย่างกับโรงเก็บหุ่นเชิดปีศาจไม่มีผิด!

ภายใต้การนำของไฉ่เล่อเทียน ในที่สุดพวกเขาก็ได้ผ่านแนวเทือกเขาเปลวเพลิงสีชาด แม้จะเผชิญกับสถานการณ์อันน่าหวาดเสียว แต่ก็รอดออกมาโดยไม่ได้รับอันตรายใด ๆ

ในวันสุดท้ายของช่วงเวลาหนึ่งเดือนที่ย่างกร่ายเข้าสู่ดินแดนรกร้างใต้พิภพ พวกเขาจะอาศัยตราคำสั่งใต้พิภพเพื่อส่งพวกเขาไปยังที่พำนักของเซียนกระบี่ผ่านค่ายกลเคลื่อนย้ายระยะไกล

ในตอนแรกพวกเขาคิดว่าสมบัติวิเศษและเคล็ดวิชาลับต่าง ๆ อยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อมมือ แต่พวกเขาไม่เคยคาดคิดเลยว่า ทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าสู่ทางเดินที่ยาวและคับแคบนี้ พวกเขากลับพบกับคลื่นหุ่นเชิดปีศาจ

หุ่นเชิดปีศาจเหล่านี้มีขนาดสูงและใหญ่ยิ่งนัก ใบหน้าของพวกมันตายด้านเสียจนดูน่าสะพรึงกลัว ทั้งร่างถูกปกคลุมไปด้วยปราณปีศาจสีดำทะมึน ในมือถือกระบี่คมกริบขนาดมหึมา ทักษะการใช้กระบี่ของพวกมันนั้นเรียบง่ายและแข็งทื่อ แต่พวกมันนั้นไร้ซึ่งความเกรงกลัว กอปรกับร่างกายขนาดมหึมาที่แข็งแกร่งดั่งก้อนหินยักษ์ ราวกับคลื่นเหล็กกล้าขนาดมหึมาที่ถาโถมกวาดทางเดินที่ยาวและคับแคบ ล้างทุกสิ่งที่กีดขวางทางออกไป

“บัดซบ! ไม่ว่าพวกเราจะฆ่าพวกมันไปเท่าไร ก็ไม่หมดไม่สิ้นเสียที พวกเราติดอยู่ในที่แห่งนี้มาสองวันแล้ว หากยังเป็นเช่นนี้อีก ต่อไปไม่ช้าก็เร็วพวกเราจะต้องล้มตายด้วยความเหน็ดเหนื่อยเป็นแน่!”

ต้วนมู่เจ๋อเตะหุ่นเชิดปีศาจตัวหนึ่งลอยละลิ่ว ก่อนจะกระโดดหลบการโจมตีประสานของหุ่นเชิดปีศาจสองตัว และถอยร่นมายังด้านข้างของตู้ชิงซี

ในขณะนี้เสื้อผ้าสีขาวของต้วนมู่เจ๋อเต็มไปด้วยคราบเลือด ผมของเขาก็กระเซอะกระเซิง ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาแปรเปลี่ยนเป็นสีขาวซีดและหว่างคิ้วของเขาเผยให้เห็นถึงความอ่อนล้าอย่างรุนแรง

“เหตุใดมันถึงกลายเป็นเยี่ยงนี้? ทั้ง ๆ ที่ตั้งแต่พวกเราก้าวเข้ามาในที่แห่งนี้ ความแข็งแกร่งของเราก็คืนกลับสู่ขอบเขตตำหนักอินทนิลและไม่ถูกจำกัดโดยอำนาจของดินแดนรกร้างใต้พิภพอีกต่อไป แต่เหตุใดเราถึงไม่อาจกำจัดหุ่นเชิดปีศาจเหล่านี้ได้เสียที เป็นเพราะเหตุใดกัน? หรือเราควรพุ่งทะลวงผ่านพวกมันออกไปซะ?”

ตู้ชิงซีก็มิอาจหาทางออกได้เช่นเดียวกัน แม้ว่านางจะแนะนำให้พุ่งทะลวงผ่านมันไป แต่เมื่อนางเห็นหุ่นเชิดปีศาจจำนวนมากทะลักเข้ามาจากระยะไกล นางก็รู้สึกว่าความหวังในการฝ่าวงล้อมออกไปนั้นก็ลดน้อยไปอีก

“ทะลวงผ่าน? ข้าคิดว่าวิธีนั้นคงไม่ได้ผลหรอก” ต้วนมู่เจ๋อยิ้มอย่างขมขื่น จากนั้นกัดฟันและกล่าวว่า “เดิมทีเรามีเส้นทางทั้งแปดให้เลือก แต่ไฉ่เล่อเทียนต้องการไปตามเส้นทางเดินนี้ หากไม่ใช่เพราะความคิดเขา พวกเราคงมิต้องอยู่ในสภาพที่น่าสมเพชเช่นนี้!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]