บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 545

บทที่ 545 ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสาม

บทที่ 545 ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสาม

ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างคาดไม่ถึงจะเกิดขึ้นมากมายในวันนี้

ในฐานะที่เป็นเซียนสวรรค์สูงสุด ปิงซื่อเทียนกลับล่วงเกินผู้ละทิ้งสวรรค์วิปลาสหลิ่ว มหาปราชญ์ย่ำสวรรค์จากแดนไร้นาม และหวงเหมยเวิงแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ขนนก เพียงเพื่อลงโทษเฉินซี

ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามคนนี้ แต่ละคนล้วนแข็งแกร่งกว่าปิงซื่อเทียน นอกจากนี้ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับเหล่าศิษย์ของราชวงศ์ซ่ง ดังนั้นจะมีใครคาดคิดว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นเมื่อครู่ที่ผ่านมา

ดังนั้นภายใต้คำสั่งของปิงซื่อเทียน จึงไม่มีนิกายใดที่ยินดีรับเฉินซีและพวก!

ทว่าในตอนนี้ทุกอย่างได้กลับตาลปัตร

วิปลาสหลิ่วต้องการพาเฉินซีไป มหาปราชญ์ย่ำสวรรค์ต้องการพาเจิ้นหลิวชิงไป และหวงเหมยเวิงต้องการพาทั้งหวงฝู่ฉิงอิงกับนายน้อยโจวไปด้วย การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ไม่เพียงทำให้ผู้เยี่ยมยุทธ์ของราชวงศ์ต่าง ๆ ตกใจจนหัวใจของพวกเขาสั่นสะท้าน แม้แต่ทูตของแดนภวังค์ทมิฬก็ยังตกใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าและรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ

นิกายกระบี่เก้าเรืองรองที่วิปลาสหลิ่วสังกัดอยู่ ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสิบนิกายเซียนชั้นนำของแดนภวังค์ทมิฬ และยังมีชื่อเสียงว่าเป็นหนึ่งในสามนิกายกระบี่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเทียบได้กับนิกายจรดนภา หอกระบี่สยบดวงใจ นิกายวิถีกระแสสวรรค์และนิกายเซียนอื่น ๆ ที่คล้ายกัน

ในขณะที่นิกายที่มหาปราชญ์ย่ำสวรรค์และหวงเหมยเวิงจากมานั้น ลึกลับและเก่าแก่ยิ่งกว่านิกายเซียนทั้งสิบ อีกทั้งยังเป็นนิกายที่แยกตัวออกมาอยู่อย่างสันโดษและมีเพียงคำเล่าขานที่เป็นตำนานเท่านั้น

นิกายดังกล่าวแทบจะไม่มีผู้สืบทอด แต่ตราบใดที่ผู้สืบทอดปรากฏขึ้น ก็จะเป็นผู้นำที่กวาดล้างไปทั่วฟ้าดิน มากด้วยอิทธิฤทธิ์ที่สามารถเรียกลมเรียกฝน และสามารถดูแคลนโลกทั้งใบด้วยพลังอำนาจที่ท่วมท้น!

ตัวอย่างเช่น มหาปราชญ์ย่ำสวรรค์ก็ดำรงอยู่มาอย่างยาวนานจนนับไม่ถ้วน และมีคำล่ำลือกันว่าเขาสามารถสังหารเซียนสวรรค์ด้วยมือเปล่า!

อย่างไรก็ตาม เหล่าผู้บ่มเพาะของราชวงศ์ซ่งกลับได้รับโอกาสให้เป็นศิษย์ของนิกายสันโดษเหล่านี้ ดังนั้นจึงไม่ต้องกล่าวถึงผู้เยี่ยมยุทธ์จากราชวงศ์ต่าง ๆ แม้แต่ทูตของแดนภวังค์ทมิฬก็ยังรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก!!

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว อารมณ์ของปิงซื่อเทียนนั้นขุ่นเคืองเป็นอย่างยิ่ง สีหน้าของเขากลายเป็นไม่น่าดูและมืดมนถึงขีดสุด

เดิมทีคิดว่าอาศัยเพียงตัวตนของเขา แค่ดำเนินแผนการเล็กน้อย ๆ ก็สามารถทำให้เฉินซีต้องทนทุกข์ทรมานไปชั่วนิรันดร์ แต่ไม่เคยคิดมาก่อนว่า สถานการณ์จะเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้!

วิปลาสหลิ่วไม่เพียงแต่เอ่ยถามเขาอย่างจองหองเท่านั้น แม้แต่มหาปราชญ์ย่ำสวรรค์และหวงเหมยเวิงก็ยังปฏิบัติต่อเขาราวกับมดปลวก

ปิงซื่อเทียนซึ่งเป็นเซียนสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่และได้รับความเคารพเสมอไม่ว่าจะไปที่ใดก็ตาม เขาจะยอมรับสิ่งนี้ได้อย่างไร?

แต่สิ่งเหล่านี้ก็เกิดขึ้น จนเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทนอดกลั้นไปก่อน เพราะตระหนักได้อย่างชัดเจนว่า ไม่ว่าจะเป็นมหาปราชญ์ย่ำสวรรค์หรือหวงเหมยเวิง ก็สามารถฆ่าเขาได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นไม่ว่าจะขุ่นเคืองสักแค่ไหน เขาก็ไม่กล้าที่จะผลีผลาม และความรู้สึกเศร้าสลดอย่างยิ่งนั้นทำให้เขาแทบกระอักเลือดออกมา

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ทุกคนจะได้สติกลับคืนมา เสียงที่ยิ่งใหญ่สองเสียงก็ดังก้องจากขอบฟ้าอันไกลโพ้นอีกครั้ง ซึ่งทำให้หัวใจของทุกคนสั่นสะท้านเป็นอย่างมากและรู้สึกหายใจไม่ออกในทันที

มีผู้ยิ่งใหญ่กำลังมามากขึ้น!

หรือว่าพวกเขามาที่นี่ก็เพื่อรับศิษย์ของราชวงศ์ซ่งอีก? …พวกเขาคงไม่มาเพื่อศิษย์ของราชวงศ์ซ่งอีกแล้วใช่หรือไม่?

สีหน้าของทุกคนแข็งทื่อขณะที่จ้องมองไปยังขอบฟ้าอันไกลโพ้นอย่างว่างเปล่า เนื่องจากมีลำแสงศักดิ์สิทธิ์สองสายกำลังพุ่งทะลวงผ่านท้องฟ้าเข้ามา จนทำให้เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวมาจากที่นั่น

ฟุ่บ!

“โอ้ ข้ามาถึงแล้ว ข้าถูกชี้นำโดยโชคชะตา มันเป็นโลกใบเล็กจริง ๆ”

ลำแสงส่องประกายเจิดจ้า ก่อนจะมีหลวงจีนซึ่งสวมจีวรที่ขาดรุ่งริ่ง รองเท้าแตะฟาง และถือลูกประคำที่ทำจากไม้ผุ ๆ ธรรมดาทั่วไป ก้าวออกมา

การแต่งกายของหลวงจีนรูปนี้เหมือนกับหลวงจีนพเนจรที่เดินบิณฑบาตอยู่ในโลกมนุษย์ แต่ดวงตาของเขากลับใสกระจ่างและเปล่งประกายอย่างอ่อนโยน ในขณะที่หว่างคิ้วก็มีแสงศักดิ์สิทธิ์แผ่ออกมาอย่างจาง ๆ และร่างกายของเขาก็สะอาดหมดจด ถึงแม้ว่าจะห่มจีวรที่ขาดรุ่งริ่ง แต่เขาก็ไม่ได้เปล่งกลิ่นอายอันมีมลทินออกมา และดูราวกับเป็นดอกบัวที่ยืนหยัดอยู่ท่ามกลางโลกอันโสมม

เมื่อเห็นหลวงจีนรูปนี้ในแวบแรก ทุกคนก็สัมผัสได้ถึงภูมิปัญญาอันลึกล้ำและลึกซึ้ง อีกฝ่ายเป็นเหมือนนักปราชญ์ที่รอบรู้ทุกสิ่ง อีกทั้งยังมีสติปัญญาที่ลึกล้ำราวกับมหาสมุทร

นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินซีได้พบกับคนจากนิกายพุทธ เมื่อเขามองดูหลวงจีนรูปนี้จากระยะไกล ชายหนุ่มพลันสังเกตเห็นกระแสพลังงานแปลก ๆ ที่กว้างใหญ่ สว่างไสวและบริสุทธิ์ไหลเวียนอยู่รอบ ๆ กายของเขา เห็นได้ชัดว่ามันเป็นพลังแห่งพุทธะ

ในทางกลับกัน สีหน้าของทูตกลับตกตะลึงเมื่อเห็นหลวงจีนรูปนี้ เหตุผลนั้นง่ายดายมาก แม้ว่าจะอยู่ในแดนภวังค์ทมิฬ แต่เหล่าสาวกของนิกายพุทธก็ไม่ได้ปรากฏตัวในโลกมานานแสนนานแล้ว และผู้คนก็เกือบลืมการมีอยู่ของนิกายพุทธไปแล้ว ดังนั้นใครจะคาดคิดได้ว่า พวกเขาจะได้พบกับสาวกของนิกายพุทธในสมรภูมิบรรพกาล?

ยิ่งไปกว่านั้น พลังของหลวงจีนรูปนี้ดูจะแข็งแกร่งมาก!

“หลวงจีนฉผัสสะแห่งวัดป่าธยานะ? เหตุใดท่านถึงมาที่นี่ หรือว่าการที่สามภพกำลังจะเกิดกลียุค ทำให้นิกายพุทธของท่านไม่อาจนิ่งเฉยได้?” หวงเหมยเวิงที่อยู่ใกล้เคียงกล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ

“ในเมื่อผู้มีคุณมาที่นี่ หลวงจีนน้อยรูปนี้ก็ย่อมมาได้เช่นกัน การจากมาและการจากไปเป็นเรื่องน่าพิศวงของฟ้าดิน ไยต้องถามถึงเรื่องเหล่านี้ด้วยเล่า?” หลวงจีนฉผัสสะกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ฉผัสสะ? นามธรรมนี้ช่างน่าสนใจ มันตั้งขึ้นโดยยึดจากสัมผัสทั้งหก อันได้แก่ มองเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส สัมผัส และนึกคิด การทำความเข้าใจเกี่ยวกับความลึกซึ้งของประสาทสัมผัสทั้งหกและการหลุดพ้นจากความปรารถนาของมัน คงไม่ใช่มหาเต๋าที่เจ้าใฝ่หามาตลอดชีวิตใช่หรือไม่?” มหาปราชญ์ย่ำสวรรค์ดูจะคิดอะไรบางอย่างได้ จากนั้นจึงหัวเราะออกมาดังสนั่น

“ผู้มีคุณนั้นปราดเปรื่องจริง ๆ สรรพสิ่งล้วนได้รับการชี้นำจากโชคชะตา เหตุใดประสกถึงไม่กลับไปพร้อมกับอาตมา จะได้ศึกษาคัมภีร์และทำความเข้าใจเกี่ยวกับความลึกซึ้งของพุทธศาสนา ประสกจะได้บรรลุเป็นอรหันต์ในไม่ช้า?”

“ไร้สาระ ข้าเคยได้ยินมานานแล้วว่า เหล่าสาวกของนิกายพุทธนั้นมีวาจาที่เฉียบแหลมและเหนือล้ำยิ่งกว่าใคร ๆ แล้วข้าจะโดนเจ้าหลอกได้อย่างไร” มหาปราชญ์ย่ำสวรรค์จ้องมองที่ฉผัสสะและส่ายศีรษะ

“ลาหัวล้านคนนี้เอาแต่กล่าววาจาผายลม เหอะ มันช่างน่าสะอิดสะเอียนยิ่งนัก!” ในขณะนี้ แสงอีกสายหนึ่งก็มาถึงอย่างรวดเร็ว หลังจากที่แสงสว่างวาบ ก็มีชายคนหนึ่งเดินออกมาจากภายในนั้น

รูปร่างของเขาสูงใหญ่ กระดูกสันหลังตั้งตรง เบ้าตาของเขาลึกและเต็มไปด้วยความลึกล้ำ ใบหน้าของเขาเรียบเนียนราวกับถูกสกัดออกจากศิลา ทำให้เขามีรูปลักษณ์ที่หล่อเหลาอย่างหาที่เปรียบมิได้ ผมสีดำขลับดกหนาที่ปกคลุมอยู่บนศีรษะก็ปลิวไสวไปตามสายลม ในขณะที่กลิ่นอายของการเข่นฆ่าและคุกคามได้แผ่ออกมาอย่างท่วมท้น ขณะที่กวาดสายตามองไปรอบ ๆ

เหนือสิ่งอื่นใด ร่างกายของคนผู้นี้ยังถูกปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายแห่งการทำลายล้างที่บริสุทธ์และเย็นยะเยือก อีกทั้งยังบันดาลให้เกิดเป็นภาพหลอนของปีศาจ ยักษา อสูร โครงกระดูกและปรากฏการณ์อันน่าสยดสยองอื่น ๆ อย่างนับไม่ถ้วน ทำให้เขาดูเหมือนกับปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งผุดขึ้นมาจากขุมนรก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]