บทที่ 546 พันธสัญญา
บทที่ 546 พันธสัญญา
เหล่าผู้ยิ่งใหญ่ได้ทะลวงผ่านท้องฟ้ามายังที่นี่ เพียงเพื่อรับเหล่าผู้บ่มเพาะของราชวงศ์ซ่งไปเป็นศิษย์ ทำให้ทุกคนตกใจและรู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ช่างเหลือเชื่อเกินไป และทั้งหมดนี้บางทีอาจไม่จริง…
ในทางกลับกัน เฉินซีกลับเริ่มยิ้มแทน
เมื่อเซียนสวรรค์หนุ่มเห็นรอยยิ้มของชายหนุ่ม เขาก็ไม่ต้องการสิ่งใดนอกจากต้องการทุบไปที่ใบหน้าของไอ้สารเลวคนนี้ แต่เขาก็ยังต้องฝืนอดกลั้น เพราะไม่มีสิ่งใดที่สามารถทำใด ถึงแม้ตอนนี้เขาจะถือประกาศิตของภพเซียนอยู่ในมือ มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะขัดขวางทุกคนอีกต่อไป
เหตุผลนั้นก็ง่ายดายมาก ไม่ว่าจะเป็นวิปลาสหลิ่ว มหาปราชญ์ย่ำสวรรค์ หวงเหมยเวิง ฉผัสสะ และฟางจ่านเหมยที่อยู่เคียงข้างเฉินซี ไม่ว่าผู้ยิ่งใหญ่คนใดก็สามารถทำลายเขาได้อย่างง่ายดาย
ภายใต้สถานการณ์นี้ เขาจะกล้าผลีผลามลงมือได้อย่างไร?
อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกโชคดีที่ชิงซิ่วอี้ยังคงอยู่ในเงื้อมมือของตนในที่สุด ดังนั้นการเดินทางในครานี้จึงไม่ไร้ผล ส่วนเฉินซี ย่อมมีโอกาสฆ่าเขาในอนาคตเสมอ
ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปนี้ทำให้เขาไม่ทันได้ตั้งตัว
เจิ้นหลิวชิงยืนอยู่ที่ด้านข้างของมหาปราชญ์ย่ำสวรรค์ จากนั้นนางก็กล่าวด้วยเสียงที่แผ่วเบาว่า “ศิษย์พี่ใหญ่ ผู้เป็นเซียนสวรรค์ได้พรากสหายของเราไป ข้าหวังว่าท่านจะให้ความยุติธรรมแก่ข้า”
“ใช่แล้ว ผู้อาวุโส โปรดช่วยสหายคนนี้ของข้าด้วย” หวงฝู่ฉิงอิงและคนอื่น ๆ กล่าวกับหวงเหมยเวิง ฉผัสสะ และฟางจ่านเหมยที่อยู่เคียงข้างพวกเขา
ในช่วงเวลาต่อมา สายตาของผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหมดก็จดจ้องมาที่ปิงซื่อเทียนอย่างพร้อมเพรียงกัน และสายตาของพวกเขาก็มีทั้งความเฉยเมย เย็นชา ดุร้าย หรือปราศจากอารมณ์… แต่การจ้องมองนั้นก็ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกกดดันอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
ความกดดันแบบนี้ทำให้เขารู้สึกหายใจลำบาก และสีหน้าของเขาก็ไม่น่าดูเอาเสียเลย ด้วยไม่เคยคิดเลยว่าไอ้พวกเด็กอ่อนหัดที่เหมือนกับมดปลวกจะกล้าโต้กลับในเวลานี้!
“ไอ้หนู รีบส่งมอบนางกลับมาซะ!” มหาปราชญ์ย่ำสวรรค์กล่าวด้วยเสียงที่ดังสนั่น
“เจ้าเป็นร่างจำแลงของเซียนสวรรค์ แต่กลับกล้ากระทำเรื่องที่ไร้ยางอายเช่นนี้ ช่างน่าผิดหวังจริง ๆ” หวงเหมยเวิงยังคงมีสีหน้าบูดบึ้งขณะที่เขากล่าว
“เวรกรรม เวรกรรม วัฏจักรของกรรมหมุนเวียนไม่รู้จบ การถูกกรรมตามสนองนั้นเป็นสิ่งที่ไม่น่าอภิรมย์ ประสกโปรดฟังหลวงจีนน้อยผู้นี้ แล้วรีบปล่อยแม่นางน้อยนั้นไปเถิด” ฉผัสสะส่ายศีรษะขณะที่กล่าว
“ปล่อยนางไปซะ!” ฟางจ่านเหมยเป็นคนตรงไปตรงมาที่สุด และเขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่มีกลิ่นอายของการฆ่าฟันที่หนาแน่นที่สุด ราวกับตั้งใจจะฆ่าปิงซื่อเทียน หากอีกฝ่ายไม่เชื่อฟังคำสั่ง
เมื่อเห็นผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสี่ได้ทยอยชี้ปลายหอกไปที่ปิงซื่อเทียนอย่างต่อเนื่อง แรงกดดันที่พลันปะทุออกมาก็ทำให้เหล่าผู้บ่มเพาะของราชวงศ์ต่าง ๆ และทูตของแดนภวังค์ทมิฬที่อยู่ใกล้เคียงล้วนหวาดกลัวจนแทบหายใจไม่ออก
ส่วนแรงกดดันที่ปิงซื่อเทียนกำลังเผชิญอยู่นั้น ก็ชัดเจนอย่างมาก!!
สีหน้าของเซียนสวรรค์หนุ่มมืดมน ปากของเขาเม้มแน่น ความรู้สึกเสียใจและความโกรธในใจได้แผดเผาเหมือนเปลวเพลิงที่มอดไหม้ ซึ่งมันได้สร้างความเจ็บปวดที่เสียดแทงเป็นอย่างมาก เขารู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ไม่ลงมือจัดการเฉินซีให้เร็วกว่านี้ เพราะถ้าลงมือเร็วกว่านี้แล้วละก็ สถานการณ์ก็คงจะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงที่คาดไม่ถึงมากมายเช่นนี้
แต่น่าเสียดาย กว่าเขาจะตระหนักได้ ทุกอย่างก็สายเกินไป!!
อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่มีทางส่งมอบชิงซิ่วอี้ออกไปเช่นนี้ นางเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เขาได้รักอย่างหมดใจมาตั้งแต่ยังเด็ก และในที่สุดเขาก็ได้พบกับนางด้วยความยากลำบากเป็นอย่างยิ่ง แล้วเขาจะยอมวางมือจากอีกฝ่ายไปง่าย ๆ ได้อย่างไร?
แต่ถ้าไม่ยอมวางมือ แล้วเขาจะรับมือกับผู้ยิ่งใหญ่ที่แข็งแกร่งอย่างผิดปกติเหล่านี้ได้อย่างไร?
ในขณะนี้ ปิงซื่อเทียนกำลังดิ้นรนครุ่นคิดอยู่ในใจ และสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปมาอย่างไม่รู้จบ เพราะไม่รู้จริง ๆ ว่าจะต้องทำอย่างไรดี!
คงไม่มีใครเชื่ออย่างแน่นอนว่า เซียนสวรรค์ที่ถือประกาศิตภพเซียนกลับถูกกดดันอย่างหนัก
แต่ตอนนี้มันได้เกิดขึ้นจริงแล้ว และผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็ทำให้ผู้คนที่อยู่ใกล้เคียงเริ่มรู้สึกสงสารปิงซื่อเทียนเล็กน้อย
“ถ้าเพียงแต่เจ้ารู้ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น บางทีเจ้าอาจจะไม่ทำเช่นนี้?”
อันที่จริง มีบางคนที่รู้สึกไม่พอใจกับการกระทำของเขาที่สั่งให้ทูตของแดนภวังค์ทมิฬกลั่นแกล้งเฉินซีและคนอื่น ๆ เพราะเฉินซีได้ช่วยเหลือทุกคนเอาไว้เมื่อวานนี้ แต่ปิงซื่อเทียนกลับไม่คิดที่จะตอบแทน อีกทั้งยังกลั่นแกล้งชายหนุ่มและคนอื่น ๆ แทน จึงเป็นสิ่งที่หลายคนรู้สึกทนไม่ได้
เมื่อเห็นปิงซื่อเทียนตกอยู่ในสถานการณ์นี้ในตอนนี้ หลายคนก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งในใจ แต่พวกเขาก็ไม่ได้แสดงออกมาผ่านใบหน้า
เพราะถึงอย่างไร พวกเขาก็ไม่ใช่เฉินซี ส่วนปิงซื่อเทียนก็ยังคงเป็นภูเขาที่ไม่อาจสั่นคลอนสำหรับพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงเคารพและไม่กล้าดูหมิ่นแม้แต่น้อย
“สหายเต๋า โปรดให้ข้ากล่าวอะไรบางอย่าง” ในขณะนี้ อวิ๋นหลานเซิงได้ก้าวไปข้างหน้าและสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่เขาจะกล่าวว่า “แม่นางคนนี้เป็นเซียนสวรรค์กลับชาติมาเกิด และนางเป็นศิษย์พี่หญิงของข้าและศิษย์พี่ใหญ่ปิงในชาติก่อนของนาง ที่เราพานางกลับไปในครานี้ก็ด้วยคำสั่งของท่านประมุขและเหล่าผู้อาวุโสของนิกายวิถีกระแสสวรรค์ ดังนั้นเราจึงไม่กล้าทำร้ายนางอย่างแน่นอน”
มหาปราชญ์ย่ำสวรรค์และคนอื่น ๆ ตกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งนี้
“ถูกต้อง ตัวตนของแม่นางชิงในชาติก่อนนั้นเป็นของศิษย์ของนิกายวิถีกระแสสวรรค์ แต่นางได้ระบุไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า นางจะไม่จากไปพร้อมกับพวกเจ้าทุกคนอย่างแน่นอน ทว่าพวกเจ้ากลับตั้งใจใช้วิธีที่รุนแรงกับนาง เพียงเพื่อจะลักพาตัวนางไป แล้วเจ้าจะอธิบายเรื่องนี้ได้อย่างไร?” เฉินซีกล่าวด้วยเสียงที่ชัดเจน
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้” ในที่สุด มหาปราชญ์ย่ำสวรรค์และคนอื่น ๆ ก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น จากนั้นจึงจ้องมองไปที่ปิงซื่อเทียนกับอวิ๋นหลานเซิงอย่างเป็นศัตรูอีกครั้ง เพราะการบีบบังคับผู้อื่นให้เป็นไปตามที่ตนเองต้องการนั้นเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจเกินไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...