เฉินซีรู้สึกงุนงงและหัวสมองว่างเปล่า
สตรีที่ปรากฏแก่สายตาของเขาขณะนี้เรียกตัวเองว่าเป็นแม่ของเขา…
เฉินซีรู้สึกตื่นเต้นจนไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อ ไม่มีคำพูดใด ๆ ที่สามารถอธิบายอารมณ์ที่กำลังพรั่งพรูในใจของเขาในตอนนี้ได้อย่างถูกต้อง
แม่ของเขาได้หายตัวไปตั้งแต่เมื่อตอนที่เขาอายุสองขวบ ดังนั้นเขาจึงไม่ค่อยมีความทรงจำเกี่ยวกับนางมากนัก ควบคู่ไปกับที่เขาได้ยินเกี่ยวกับข่าวลือบางอย่างและคำนินทาเกี่ยวกับแม่ของเขาเมื่อตอนที่เขายังเด็ก เมื่อรวมกับการที่ปู่ของเขาเมินเฉยเกี่ยวกับทุกเรื่องของแม่อย่างสิ้นเชิง มันทำให้แม้เฉินซีอยากจะรู้เรื่องราวของแม่เขาสักเท่าไร ชายหนุ่มก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากที่จะซ่อนความรู้สึกทั้งหลายเอาไว้ในส่วนลึกของหัวใจตัวเอง
ใช่แล้ว ซ่อนมันเอาไว้ในส่วนลึกของหัวใจเขา…
เพราะเขากลัวว่าแม่ของเขาจะเป็นเช่นที่ข่าวลือว่านางเกลียดชังตระกูลเฉิน ทิ้งพ่อ ตัวเขาและน้องชายของเขา และหนีไปอยู่กับนายน้อยของตระกูลที่ร่ำรวย
เขากลัวว่าความจริงมันจะเป็นไปตามที่ผู้คนร่ำลือ หากเป็นเช่นนั้นเขารู้ตัวว่าจะไม่สามารถควบคุมตนเองได้ และต้องกลายเป็นคนบ้าไปอย่างแน่นอน
ตลอดช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เฉินซีคิดถึงแม่ของเขามากเกินกว่าจะนับได้และพยายามควบคุมตนเองให้ลืมนางให้ได้ ความทรมานและความย้อนแย้งนี้ไม่สามารถอธิบายให้ผู้อื่นรับรู้ได้
“ลูกที่รักของข้า เจ้าประหลาดใจที่เห็นแม่ของเจ้างดงามและยังดูสาวอยู่ใช่หรือไม่?” สตรีในชุดขาวหัวเราะและกะพริบตาคู่งาม “เอาเถอะ หากเป็นข้า ข้าก็คงงุนงงอย่างที่สุดเช่นกัน เอาเป็นว่าแม่ของเจ้าผู้นี้จะบอกความลับให้ว่าแม่มีเคล็ดวิชาบางอย่างที่สามารถคงรูปลักษณ์ให้เยาว์วัยได้ตลอดไป…”
“เอาล่ะ หยุดทักทายกันเพียงเท่านี้เรามีเวลาเหลือไม่มากแล้ว” สตรีชุดขาวยิ้มให้กับเขาก่อนที่จะเอ่ยต่ออีก “ฟังให้ดีลูกรักของข้า เจ้าจะต้องจำไว้ให้ขึ้นใจเกี่ยวกับสิ่งที่ข้าจะกล่าวต่อไปนี้ หรือไม่เช่นนั้นเราคงไม่มีโอกาสได้พบกันอีก”
หัวใจของเฉินซีสั่นสะท้านเมื่อได้ยินประโยคที่นางเพิ่งเอ่ยออกมา เขารีบทำใจสงบนิ่งอย่างรวดเร็วและขจัดความคิดที่ฟุ้งซ่านออกไป
ดวงตาของสตรีชุดขาวแสดงให้เห็นถึงความคิดถึง และจากนั้นใบหน้าที่งดงามของนางก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นหลากหลายอารมณ์ ซึ่งมีทั้งโกรธแค้น ขมขื่น ไม่ยินยอม… และเศร้าโศก…
ในที่สุดนางก็กล่าว “ข้าถูกพาตัวไปโดยลุงของเจ้าเพราะว่าตระกูลของข้าไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานของข้ากับพ่อของเจ้า เพื่อรักษาชื่อเสียงของตระกูลจั่วพวกเขาจึงไม่ลังเลที่จะทำลายตระกูลเฉินเพียงเพราะความอัปยศนี้”
“ดังนั้นแม่ของเจ้าจึงไม่ได้หนีไปกับผู้ใด แต่ได้ถูกนำตัวไปโดยลุงของเจ้า…”
เฉินซีรู้สึกโล่งใจสุดขีด ราวกับเขาเพิ่งปลดปล่อยตนเองจากโซ่ตรวนที่คร่ากุมเขามาเป็นเวลายาวนานนับสิบปี ทว่าท้ายประโยคที่แม่ของเขากล่าวมาทำให้อารมณ์ของเขาราวกับตกลงไปในเหวที่ไร้ก้น
มันเป็นตระกูลจั่วของแม่ที่ทำลายล้างตระกูลเฉินของข้า?
เฉินซีหายใจถี่รัว ร่างของเขาหนักอึ้งราวกับมีหินหนักหมื่นจินกดทับ การเปลี่ยนแปลงทางความรู้สึกอย่างรุนแรงทำให้เขาเกือบจะหมดสติไป
เขาใช้ทุกช่วงเวลาที่ผ่านมาเป็นเวลายาวนานกว่าสิบปีเพื่อที่จะหาว่าผู้ใดเป็นคนทำลายล้างตระกูลเฉิน และเขาสาบานกับตัวเองอยู่นับหมื่นครั้งว่าจะฆ่าพวกมันทุกคนที่เป็นสาเหตุทำให้ตระกูลของเขาล่มสลายไม่ว่าพวกมันเหล่านั้นจะเป็นผู้ใดก็ตาม แต่ทว่าโดยไม่คาดคิด ความเป็นจริงที่เขาได้ล่วงรู้กลับน่าเหลือเชื่อและเลวร้ายยิ่งกว่าที่เขาจะสามารถจินตนาการได้เสียอีก!
“ลูกรัก เจ้ารู้สึกโกรธใช่หรือไม่? แม่ก็โกรธเช่นกัน! แม่ได้ตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลจั่วทั้งหมดเมื่อนานมาแล้ว และกระทั่งยอมสละบางสิ่งให้กับพวกเขาไปแต่สุดท้ายพวกเขากลับยังคงไม่ยอมปล่อยแม่!”
เสียงของจั่วชิวเสวี่ยต่ำลงและต่ำลงเรื่อย ๆ “เหตุผลนั้นเรียบง่าย มันเป็นเพราะแม่และพ่อของเจ้าได้พบเจอกับสมบัติล้ำค่าหนึ่งเข้าในระหว่างที่เราออกเดินทางเพิ่มพูนประสบการณ์ชีวิต”
“ของล้ำค่าชิ้นนั้นก็คือสิ่งที่เจ้าเคยห้อยคอมาตลอดตั้งแต่แรกเกิด” นางชี้ไปที่จี้หยกซึ่งลอยอยู่กลางอากาศด้วยมือที่เรียบเนียนเปล่งประกาย ทว่าสีหน้าของนางขณะนี้กลับเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความเกลียดชังอันไร้ที่สิ้นสุด
เฉินซีเบนสายตาไปมองที่จี้หยก สายตาของเขาพร่ามัว ขณะนี้ภายในจิตใจของเขาเต็มไปด้วยความงุนงง แต่ก็พยายามครองสติอย่างดีที่สุดเพื่อฟังมารดาตน
“เจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับแผนภาพวารีหลากหรือไม่? มันเป็นสิ่งที่ลึกลับที่สุดในยุคแรกเริ่ม เทพและมารแห่งยุคแรกเริ่มใช้มันเพื่อจะรู้แจ้งในเส้นทางแห่งเต๋าของตนเอง ในความลี้ลับของมันนั้นซ่อนความลับแห่งสวรรค์ ซึ่งสามารถทำให้ผู้คนบรรลุเต๋าอันยิ่งใหญ่และไปถึงจุดสูงสุดแห่งเต๋า ด้วยเหตุนี้แผนภาพวารีหลากจึงเป็นบ่อเกิดแห่งการฆ่าฟัน การฆ่าฟันที่เกิดขึ้นนี้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปทั้งสามโลกและรบกวนมรรคาแห่งการเกิดใหม่ทั้งหก ในตอนนั้นการฆ่าฟันกันรุนแรงราวกับวันสิ้นโลก ตัวตนยิ่งใหญ่สูงสุดทั้งหลายรบรากันอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อแผนภาพวารีหลาก”
“ทว่าโชคดีที่ต่อมาแผนภาพวารีหลากได้หายไปหลังจากจุดจบของยุคแรก และจากนั้นฉากการต่อสู้ของเหล่าทวยเทพและหมู่มารก็ไม่เคยปรากฏขึ้นอีกเลย ซึ่งเวลาก็ผ่านมาราวหนึ่งล้านปีแล้วนับตั้งแต่ตอนนั้น ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่แม่อ่านมาจากตำราโบราณของตระกูลจั่วเมื่อตอนที่แม่ยังเล็ก ๆ ไม่เช่นนั้นแม่คงจะไม่รู้จักชื่อของแผนภาพวารีหลาก” จั่วชิวเสวี่ยกล่าวอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยด้วยเสียงที่ต่ำและจริงจัง
ส่วนเฉินซีที่ได้ยินเรื่องนี้ทั้งหมด หัวใจของเขายังคงสงบนิ่ง ในความคิดของชายหนุ่ม เรื่องนี้มันเกิดขึ้นมานับล้านปีแล้วและมันไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับเขา เขาเพียงรู้สึกเหมือนนั่งฟังเรื่องเล่าในตำนานหนึ่งก็เท่านั้น และมันก็ไม่สามารถกระตุ้นให้เขาเกิดความสนใจใด ๆ ได้เลย
ทั้งหมดที่เขารู้คือแผนภาพวารีหลากนั้นคือสมบัติล้ำค่าที่ทำให้ทุกคนฆ่ากันอย่างบ้าคลั่ง
“ภายในจี้หยกนี้มีสำเนาคัดลอกของแผนภาพวารีหลาก ทว่าเจ้าอย่าได้ดูถูกมันเพียงเพราะมันเป็นแค่สำเนาคัดลอก ระหว่างกระบวนการที่คัดลอกมา เศษเสี้ยวหนึ่งของอำนาจแห่งแผ่นภาพวารีหลากได้ผสานเข้ากับสำเนาคัดลอกนี้ซึ่งเราสามารถใช้มันตามหาสถานที่ซ่อนแผนภาพวารีหลากที่แท้จริงได้ และแน่นอนมันคือหนึ่งในเหตุผลที่แม่ถูกนำตัวกลับไปและตระกูลเฉินถูกทำลายก็เป็นเพราะว่าจี้หยกอันนี้!”
คำพูดของจั่วชิวเสวี่ยประหนึ่งเหมือนระเบิดปะทุขึ้นในจิตใจของเฉินซี มันทำให้เฉินซีสับสนโดยสมบูรณ์ สายตาของเขามองไปที่จี้หยกด้วยความตกตะลึง
ชายหนุ่มไม่นึกเลยว่าเรื่องเล่าในตำนานที่เกี่ยวกับแผนภาพวารีหลากซึ่งเขาได้ฟังเมื่อครู่ ทำให้เขาได้รับโชคดีอย่างใหญ่หลวงที่มีชะตาชีวิตเกี่ยวข้องกับมันโดยตรง!
เฉินซีไม่รู้ว่าเขานั้นควรจะดีใจหรือเสียใจดีแต่ตอนนี้เขาเข้าใจทุกอย่างแล้ว การถูกฆ่าล้างโคตรของตระกูลเฉิน… เรื่องที่แม่ของเขาจากไปและทอดทิ้งพ่อของเขา… แม้แต่ชื่อตัวซวย… ทุกอย่างเป็นเพราะจี้หยกอันนี้ ถ้าไม่มีมันหายนะต่าง ๆ จะเกิดขึ้นกับตระกูลของเขาได้อย่างไร?
นี่เรียกได้ว่าทุกข์ลาภอย่างแท้จริง!
เฉินซีถอนหายใจยาว ทว่าภายในหัวใจของเขากลับเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ
“ตามที่แม่คาดเดา น่าจะมีเคหาฝึกตนของตัวตนจากยุคแรกเริ่มอยู่ภายในจี้หยกนี้ ภายในจี้หยกนั้นมีมิติของตัวมันเองซึ่งภายในมีสิ่งปลูกสร้างและสิ่งของต่าง ๆ เก็บซ่อนเอาไว้อยู่และแน่นอนว่าสำเนาคัดลอกแผนภาพวารีหลากก็อยู่ข้างในเช่นกัน น่าเสียดายที่แม่ไม่เคยลองเข้าไปสำรวจดูเลยสักครั้งจึงเพียงรู้แต่ข้อมูลคร่าว ๆ ”
“แม่คิดว่าการที่เจ้าสามารถกระตุ้นให้เศษเสี้ยววิญญาณของแม่ที่ประทับอยู่ในจี้หยกออกมาได้เช่นนี้ทั้ง ๆ ที่เจ้ามีระดับการบ่มเพาะเพียงขอบเขตก่อกำเนิด ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าเจ้ามีคุณสมบัติมากพอจะเป็นเจ้าของจี้หยกนี้แล้ว จงเก็บมันไว้! และพยายามให้หนัก!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...
ลงวันละหลายตอนใต้ใหม่ครับ...
ไม่ลงต่อแล้วหรือครับ ผมยังรออยู่นะครับ...