บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 620

บทที่ 620 แสงศักดิ์สิทธิ์กำราบธาตุ

บทที่ 620 แสงศักดิ์สิทธิ์กำราบธาตุ

ณ ยอดเขาจรัสตะวันตก ก่อนถึงสระชำระกระบี่

หั่วโม่เลยถือกล่องหยกอย่างระมัดระวัง ดวงตาคู่นั้นกวาดมองบรรดาศิษย์น้องหญิงชายที่อยู่โดยรอบก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง “พวกเจ้าคนใดมีวัตถุซึ่งเชื่อมต่อกับธาตุทั้งห้าอยู่กับตัว รีบนำมันออกไปโดยเร็ว ไม่เช่นนั้น หากแสงศักดิ์สิทธิ์กำราบธาตุปรากฏขึ้น ของพวกนั้นจะสลายเป็นเศษเสี้ยว!”

แกร๊ง! กรึ้ง!

ศิษย์พี่รองหลูเซิงรีบเก็บกู่ฉินซึ่งทำจากไม้เพาถงอายุกว่าพันปีไป ในขณะที่ศิษย์พี่สามอี้เฉินจื่อเร่งมือใส่กระดานหมากล้อมที่ทำจากโลหะสีน้ำเงินเข้มพร้อมทั้งเม็ดหมากจากไม้เนื้อแก้วทั้งสีขาวดำลงในกระเป๋าเก็บของของตนเป็นพัลวัน

อีกด้านหนึ่ง ศิษย์พี่สี่ต้วนอี้ ศิษย์พี่ห้าอาจิ่ว และศิษย์พี่หกชิงอวี่ก็กำลังเก็บแผ่นหินซึ่งมีจารึกโบราณปรากฏอยู่ด้านบน พร้อมทั้งเก็บหมึกสีแดงชาดที่ใช้สำหรับวาดภาพ และหุ่นเชิดขนาดเท่าฝ่ามือในมือของพวกเขาอย่างระมัดระวัง

เฉินซีสำรวจตามร่างกายของตนเช่นกันทันทีที่การกระทำเบื้องหน้าปรากฏยังสายตา เมื่อเห็นว่าตนไม่ได้นำสิ่งใดที่มีคุณสมบัติของธาตุทั้งห้าติดตัวมาก็กล่าวขึ้น “ศิษย์พี่ใหญ่ ตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว ตอนนี้เชิญท่านนำแสงศักดิ์สิทธิ์กำราบธาตุออกมาได้เลย”

หั่วโม่เลยพยักหน้า เขาโบกมือไล่ทุกคนให้ถอยห่างออกไป ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึก ๆ และปลดผนึกซึ่งมีความซับซ้อนและลึกล้ำออก

แครก!

ทันทีที่กล่องหยกถูกเปิดออก กระแสพลังผันผวนก็แผ่ขยายออกไปโดยรอบดังวังน้ำวน มันปั่นป่วนรุนแรง มืดมน และเต็มไปด้วยความลึกลับ… ประหนึ่งว่าพลังของมันพร้อมจะบดขยี้ทุกสรรพสิ่ง ทำให้แก่นแท้ภายในร่างกายสั่นไหว แม้แต่เลือดก็ไหลเวียนกลับทิศทาง เมื่อมองจากระยะไกลก็เห็นแต่เพียงภาพที่ชวนสับสน

ฟึ่บ!

ท่ามกลางความปั่นป่วนราวพายุคลั่งนี้ เส้นใยซึ่งเปล่งแสงสีเทาขุ่นเส้นหนึ่งได้ลอยขึ้นกลางอากาศด้วยความรวดเร็ว ทำให้เกิดลอนคลื่นรูปวงกลมที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าระลอกแล้วระลอกเล่า กระจายอยู่บนผืนฟ้าและเริ่มขยายตัวออกไปยังบริเวณโดยรอบ ส่งผลให้พลังงานของธาตุทั้งห้าที่ล่องลอยอยู่ในฟ้าดินถูกทำลายจนหมด ก่อนจะสูญสลายไปในความว่างเปล่าด้วยกระแสพลังที่ผันผวนนี้

ประกายแสงสีเทานี้เป็นดั่งเปลวไฟดวงเล็กที่ลุกโชนแผ่รังสีออกไปประมาณสิบชุ่น รูปร่างของมันเรียวยาวดั่งอสรพิษ ในทันทีที่มันปรากฏกาย หากให้เปรียบก็คงเหมือนแสงสว่างจากเทพเซียนที่มีไอพลังอันน่าสะพรึงกลัว รุนแรงเสียจนนำความหายนะลงมาสู่โลกและทำลายล้างธาตุทั้งห้าในเวลาเพียงครู่!

“นี่คือแสงศักดิ์สิทธิ์กำราบธาตุอย่างนั้นหรือ? ตามตำนานแล้ว บรรพบุรุษของข้าเคยอาศัยอยู่บนภูเขากำราบธาตุและฝึกพลังอิทธิฤทธิ์ชั้นยอดอย่างหนึ่งที่ทำให้โลกในยุคนั้นต้องสั่นสะเทือน คล้ายว่ามันจะชื่อว่าทักษะปีกกำราบผกผัน” ใบหน้าของชิงอวี่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกตื่นเต้นเกินควบคุม เขาพึมพำขึ้นขณะที่จับจ้องไปยังลำแสงสีเทาสลัว “โชคร้ายที่เมื่อนานมาแล้ว ภูเขากำราบธาตุถูกกวาดล้างและหายไปจากแผ่นดิน ในแดนภวังค์ทมิฬนี้คงยากที่หาจะภูเขาลูกอื่นมาทดแทน ด้วยเหตุนี้ จึงไม่มีคนจากเผ่าวิหคเพลิงนภาของข้าคนใดที่จะสามารถฝึกฝนพลังอิทธิฤทธิ์นี้ได้อีก…”

น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความอาวรณ์ยิ่ง

คนอื่น ๆ เองต่างก็ทอดถอนใจอย่างไม่รู้ตัวเช่นกันเมื่อได้ยินเสียงรำพันนั่น สิ่งล้ำค่าใดทั้งแผ่นดินแผ่นฟ้า แม้จะยิ่งใหญ่เพียงไหนก็ล้วนเป็นอนิจจัง เอื่อยไหลไปตามสายธารแห่งเวลาที่ผันแปรไม่สิ้นสุด

แม้แต่ผู้บ่มเพาะซึ่งแสวงหาวิถีเซียนก็ไม่อาจพ้นความจริงข้อนี้ไปได้มิใช่หรือ?

พวกเขาไม่ปรารถนาให้อายุขัยของตนร่วงโรยไปตามกาลเวลา ไม่ปรารถนาให้ร่างกายเสื่อมสลายคืนสู่ดิน และไม่ปรารถนาจะเห็นคนที่รักต้องพรากจาก… ดังนั้นพวกเขาจึงเสาะแสวงเต๋าเพื่อบรรลุวิถีเซียน การได้ใช้ชีวิตข้ามยุคข้ามสมัยกลายเป็นเป้าหมายที่ผู้บ่มเพาะแสวงหาไปทั่วทั้งฟ้าดิน

ทว่าน่าเสียดายนัก ในสายธารแห่งกาลเวลาอันเป็นอนันต์นี้ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถบรรลุมหาเต๋าและมีชีวิตอมตะ หากให้เปรียบคงเป็นดังการมองหาขนวิหคเพลิงเขากิเลนท่ามกลางสรรพสิ่งบนโลก

“ศิษย์น้องเล็ก สิ่งนี้คือเศษเสี้ยวของแสงศักดิ์สิทธิ์กำราบธาตุซึ่งสกัดมาจากภูเขากำราบธาตุ แม้จะเป็นเพียงเสี้ยวเล็ก ๆ แต่ก็นับว่าเป็นสมบัติล้ำค่ายิ่ง อีกทั้งอานุภาพของมันก็ยอดเยี่ยมพอที่จะใช้สำหรับฝึกวิชาทักษะปีกกำราบผกผันได้อย่างแน่นอน” ผ่านไปครู่หนึ่ง หั่วโม่เลยก็ละทิ้งความคิดที่วนเวียนอยู่ภายในใจ เขาชี้ไปที่แสงศักดิ์สิทธิ์กำราบธาตุขณะที่พูดขึ้น

“ศิษย์พี่ใหญ่ บุญคุณของท่านครั้งนี้ ศิษย์น้องเล็กเฉินซีจะจดจำไม่ลืมเลือน” เฉินซีประสานหมัดแน่น เขารู้สึกขอบคุณยิ่ง หากไม่ใช่เพราะหั่วโม่เลยช่วยสกัดแสงศักดิ์สิทธิ์กำราบธาตุแล้ว ตัวเขาก็คงจนปัญญาด้วยไม่รู้ว่าจะทำสิ่งใดให้เกิดขึ้นท่ามกลางความว่างเปล่าได้

“จริงสิ ศิษย์น้องเล็ก สิ่งนี้คือตำราของทักษะปีกกำราบผกผัน เจ้ารับไว้เถิด” ชิงอวี่ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ ตีหน้าผากของตนทีหนึ่งก่อนจะรีบนำแผ่นหยกออกมาให้ชายหนุ่ม แล้วจึงพูดขึ้นพร้อมด้วยรอยยิ้ม “แม้ว่าพลังอิทธิฤทธิ์นี้จะเป็นสุดยอดกระบวนท่าของเผ่าวิหคเพลิงนภา ทว่าตั้งแต่โบราณกาลมากลับไม่มีผู้ใดฝึกฝนสำเร็จ ด้วยเหตุนี้ การที่ข้าเก็บมันไว้กับตัวก็มีแต่จะเปล่าประโยชน์ ยามนี้เจ้ามีแสงศักดิ์สิทธิ์กำราบธาตุแล้ว วิชานี้ต้องเหมาะกับเจ้าเป็นแน่ ข้าเชื่อว่ามันคุ้มค่าหากอยู่กับคนเช่นเจ้า”

ดวงตาของชิงอวี่มีเพียงความจริงใจ ไร้ซึ่งร่องรอยทัดทาน ท่าทางนั้นของเขาคล้ายกำลังมอบ ‘ของขวัญ’ ทั่วไปให้แก่เฉินซี หาใช่กำลังมอบสุดยอดเคล็ดวิชาโบราณอันแสนล้ำค่าให้

เฉินซีตระหนักดีว่า ‘ของขวัญ’ ชิ้นนี้ล้ำค่าเพียงใด และรู้ดีว่าการที่ศิษย์พี่ชิงอวี่ปฏิบัติต่อเขาเช่นนี้ แปลว่าอีกฝ่ายมีน้ำใจ เมตตา และน่าไว้วางใจมากเพียงใด ซึ่งมันก็หัวใจของชายหนุ่มล้นเอ่อไปด้วยความอบอุ่น

“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านมีแสงศักดิ์สิทธิ์กำราบธาตุเพียงเส้นเดียวหรือ?” ชายหนุ่มถาม

“ข้ามีเพียงเท่านี้จริง ๆ จริงอยู่ที่ภูเขากำราบธาตุมีขนาดมหึมา แต่แสงศักดิ์สิทธิ์กำราบธาตุนั้นมีน้อยมากและหาได้ยากยิ่ง ข้าเองก็ยังแปลกใจที่มันถูกสกัดออกมาได้มากถึงเพียงนี้” หั่วโม่เลยตอบพลางเกาศีรษะ

“ถ้าเช่นนั้น ท่านช่วยแบ่งแสงศักดิ์สิทธิ์กำราบธาตุออกเป็นสองส่วนได้หรือไม่?” เฉินซีพูดต่อ

“นี่เจ้าคิดที่จะมอบอีกครึ่งหนึ่งให้ศิษย์น้องชิงอวี่หรือ?” ศิษย์พี่ใหญ่พูดขึ้นด้วยเสียงประหลาดใจ

คนอื่น ๆ เองก็ตกตะลึงเช่นกัน พวกเขารู้ดีว่าแม้แสงศักดิ์สิทธิ์กำราบธาตุจะมีอยู่เพียงเสี้ยวเล็ก ๆ แต่มันก็ยังเป็นสมบัติอมตะ หลังจากที่ใช้มันบ่มเพาะทักษะปีกกำราบผกผันแล้ว ไม่เพียงแต่จะสามารถเคลื่อนที่ผ่านอากาศได้หมื่นลี้ภายในพริบตาเท่านั้น แต่เมื่อกระพือปีกเบา ๆ ในระหว่างต่อสู้ มันก็ยังทำให้สมบัติวิเศษซึ่งมีคุณสมบัติธาตุทั้งห้าสูญเสียพลังและแปรสภาพเป็นเศษซาก ดังนั้นหากเทียบให้แง่ของพลังแล้ว มันหาได้ด้อยไปกว่าแสงทิพย์ห้ารัศมีที่ถือเป็นหนึ่งในสิบสุดยอดแห่งยุคบรรพกาลไม่!

เมื่อเห็นว่าเฉินซีต้องการแบ่งอีกครึ่งหนึ่งให้กับชิงอวี่ พวกเขาก็อดประหลาดใจไม่ได้

“ไม่ได้ ไม่ได้” ชิงอวี่ตกประหม่า ดวงหน้าเกลี้ยงเกลาของเขาแดงระเรื่อขณะที่โบกมือไปมา “ศิษย์น้องเล็ก เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่ถนัดเรื่องต่อสู้รบรา จึงไม่มีประโยชน์อันใดหากจะมอบให้แก่ข้า ต่อให้ข้าจะมีแสงศักดิ์สิทธิ์กำราบธาตุก็ไร้ค่า ศิษย์น้องเล็ก เจ้าไม่จะเป็นต้องทำเช่นนี้”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]