บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 627

บทที่ 627 เหวเงาทมิฬ

บทที่ 627 เหวเงาทมิฬ

ยอดเขาจรัสเทวะ ภายในที่พำนัก

“อวิ๋นเยี่ย เฉินซีนั่นมีความสามารถและท้าทายเจ้าได้จริง ๆ เขาสามารถทำให้หวังจ้งฮ่วนได้รับบาดเจ็บสาหัส เด็กคนนี้เองก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน” ชายชราชุดสีเทาพลันปรากฏขึ้นราวกับภูติผี มองไปทางอวิ๋นเยี่ยซึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นและถอนหายใจเสียงเบา “แม้ว่าพลังต่อสู้ของหวังจ้งฮ่วนจะสามารถเพิ่มได้อีกห้าเท่า แต่พลังของเฉินซีเองก็ยังไม่แน่นอนเช่นกัน หากอยากเป็นศิษย์ชั้นยอดอันดับหนึ่งบนยอดเขาจรัสเทวะ เช่นนั้นพวกเขาก็จำต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย”

อวิ๋นเยี่ยเลิกคิ้ว จำคนที่เพิ่งมาถึงได้ว่าเป็นผู้อาวุโสในตำหนักเมฆาครามนามว่าหัวคง ซึ่งมาจาก ยอดเขาจรัสตะวันออก และคอยดูแลเขามาตลอด หากผู้อาวุโสถูกแบ่งออกเป็นหลายฝั่ง เช่นนั้นผู้อาวุโสหัวคงก็คงอยู่ข้างเขา

เพราะอย่างไร ศิษย์ชั้นยอดทุกคนก็ผ่านการเลือกเฟ้นมานักต่อนักกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ จึงเป็นไปได้ว่าอาจมีใครที่สามารถเติบโตไป และกลายเป็นตัวตนแข็งแกร่งภายในนิกายที่ทรงอำนาจแห่งนี้

ถึงขนาดที่ประมุขนิกายของนิกายกระบี่เก้าเรืองรองล้วนมาจากศิษย์ชั้นยอดทั้งสิ้น เมื่อเป็นเช่นนี้ ศิษย์ชั้นยอดทั้งหลายย่อมได้รับการดูแลจากพวกผู้อาวุโส

ก็เหมือนกับอาณาจักรทั้งหลายในโลกมนุษย์ ศิษย์ชั้นยอดเหล่านี้ล้วนเหมือนองค์ชายที่มีสิทธิ์สืบทอดบัลลังก์ต่อจากราชา กลับกันแล้ว ผู้อาวุโสเหล่านี้ก็เหมือนกับขุนนางและเสนาบดีประจำอาณาจักร หากบ่มเพาะเลี้ยงดู ดึงตัวองค์ชายเหล่านี้มาเป็นพวก เมื่อไหร่ที่คนผู้นั้นเถลิงขึ้นสู่บัลลังก์ พวกเขาย่อมได้รับผลประโยชน์ไปด้วย

อวิ๋นเยี่ยย่อมมีความสามารถสูง สาเหตุที่เกิดปรากฏการณ์ขึ้นในยามที่เขาลืมตาดูโลกเป็นเพราะเขามีเนตรทองคำขาวของจักรพรรดิพิสุทธ์ จึงนับว่าคนผู้นี้เป็นตัวตนสูงส่งในหมู่ศิษย์ชั้นยอดมาเป็นเวลานานแล้ว ดังนั้นอีกฝ่ายจึงไม่ขาดแรงสนับสนุนจากผู้อาวุโสอย่างหัวคง

“หึ! เพราะหวังจ้งฮ่วนกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการกลั่นสมบัติอมตะ จึงถูกบังคับให้หยุดกระบวนการไปเช่นนั้น และไม่กล้าใช้พลังอีกห้าเท่าที่ว่า รวมถึงชักกระบี่สรรค์สร้างขจี้ สมบัติอมตะเล่มนั้น! ไม่เช่นนั้นเฉินซีคงไม่อาจทำเขาบาดเจ็บได้หรอก” อวิ๋นเยี่ยนัยน์ตาเป็นประกาย เจือไปด้วยแววเย็นชาพลางหัวเราะ “แต่ข้ากำลังจะทำความเข้าใจความลึกล้ำแห่งมหาเต๋าในอีกไม่นานแล้ว ภายในเวลาไม่กี่เดือนก็คงสามารถทำความเข้าใจ ทำให้พละกำลังการต่อสู้เพิ่มขึ้นถึงหกเท่าได้ ดังนั้นการจะฆ่าคนพวกนั้นย่อมง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ!”

“ฮ่า ๆ เช่นนั้นก็ดี” หัวคงหัวเราะลั่น จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าสังหารสิบแปดโจรทมิฬในระหว่างภารกิจที่ได้รับไปก่อนหน้านี้ เหล่าผู้อาวุโสในนิกายยินดีเป็นอย่างยิ่ง และประกาศของรางวัลได้เผยออกมาแล้ว นั่นคือยาเซียนสิบเม็ด โอสถเหลวหยกกระจ่าง แต่ละเม็ดมีความปราณีตและยังมีปราณเซียนบริสุทธิ์อยู่ มีผลน่ามหัศจรรย์ต่อการขัดเกลาแดนฮุ่นตุ้น ทั้งยังมีสมบัติกึ่งอมตะเกราะจิตมังกรแสงกล้าที่มีความสามารถในการป้องกันสูงส่ง สามารถต้านทานการโจมตีเต็มกำลังจากผู้บ่มเพาะขอบเขตเซียนปฐพีได้”

“ดียิ่ง!” อวิ๋นเยี่ยโบกมือและเก็บสมบัติทั้งหลายไป “ช่วงนี้ข้าทำภารกิจสำเร็จไปหลายอย่าง ได้รับของมีค่ามามากมาย จึงว่าจะแวะเวียนไปเมืองหยกบรรพกาล ด้วยข้าจะนำพวกมันไปแลกกับชิ้นส่วนมหาเต๋าที่เซียนสวรรค์ทิ้งไว้ ซึ่งก็คือประกายหยกไร้พันธนาการ และหลังจากดูดซับมันทั้งหมดมาแล้ว นั่นคงทำให้มหาเต๋าแห่งหยกของข้าดำเนินไปถึงขอบเขตสมบูรณ์ ทำให้พลังต่อสู้ของข้าสูงขึ้นหกเท่าได้!”

“ทักษะปีกกำราบผกผัน! ไม่คิดเลยว่าผู้บ่มเพาะปราณแท้อย่างเฉินซีจะมีพลังอิทธิฤทธิ์น่าเกรงขามเช่นนี้ ศิษย์น้องเซี่ยอี้ เจ้าพูดถูก เด็กคนนี้เป็นตัวตนน่ากลัวหาที่ใดเปรียบ จะประเมินต่ำไม่ได้” ภายในที่พำนักแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มรูปร่างกำยำท่าทางกักขฬะผู้หนึ่งพลันแสดงความประหลาดใจออกมา “มีเพียงศิษย์ชั้นยอดบนยอดเขาจรัสเทวะจำนวนยี่สิบกว่าคนเท่านั้นที่มีทักษะขัดเกลากายาเทพอสูร การขัดเกลากายาของเฉินซีน่าเกรงขามพอ ๆ กับการบ่มเพาะปราณแท้ของเขาทีเดียว เช่นนี้ก็นับว่าเขามีฝีมือติดอยู่ในห้าอันดับแรกของคนยี่สิบกว่าคนกลุ่มนี้แล้ว”

ผู้พูดมีหน้าผากกว้างและมีกระดูกหนา แม้จะนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น แต่กลิ่นอายที่ปล่อยออกมาก็ราวกับเป็นของมังกรกำลังขดตัวอยู่ เป็นเหมือนขุนนางสูงศักดิ์ที่ช่วยขยายอาณาเขตให้แก่เจ้าเหนือหัว เข้าครอบครองทั่วใต้หล้า ให้ความรู้สึกกดขี่และกดดันเป็นอย่างยิ่ง

นอกจากนี้ข้างกายเขายังมีศิษย์ชั้นยอดหลายคนนั่งสมาธิอยู่ ซึ่งทุกคนล้วนมีกลิ่นอายไม่ธรรมดาทั้งสิ้น

ศิษย์ชั้นยอดหมายเลขหนึ่งของยอดเขาจรัสใต้ เซี่ยอี้ คือผู้ที่น่าตกตะลึงที่สุด เขาก็เหมือนกับเฉินซีที่นับว่าติดอันดับต้น ๆ ของศิษย์ชั้นยอดในตอนนี้ไปแล้ว

“ติดห้าอันดับแรกในหมู่ศิษย์ชั้นยอดของผู้ขัดเกลากายางั้นหรือ?” ศิษย์ชั้นยอดคนหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยความไม่อยากเชื่อ “ศิษย์พี่หนิงเจิน ท่านประเมินคนผู้นี้สูงไปหรือไม่?”

“ใช่แล้ว การบ่มเพาะปราณแท้ของเด็กคนนี้ไม่ธรรมดาก็จริง แต่หากกล่าวว่าการขัดเกลากายาของเขาน่าเกรงขาม เช่นนั้นมันก็ฟังดูไม่น่าเหลือเชื่อเกินไปหน่อยหรือไม่?” คนอื่นเอ่ยตาม

ชายร่างกำยำนามว่าหนิงเจินจึงเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้ม “พวกเจ้าไปถามศิษย์น้องเซี่ยอี้ดูสิ แล้วจะรู้เองว่าเด็กนั่นน่ากลัวขนาดไหน”

“ศิษย์น้องเฉินซีน่าเกรงขามมากจริง ๆ ถึงแม้ว่าการขัดเกลากายาจะอยู่ที่ขั้นสมบูรณ์แบบของขอบเขตจุติ แต่พลังอิทธิฤทธิ์ที่เขาเชี่ยวชาญก็นับเป็นวิชาหายากที่ดังกระฉ่อนยุคได้ทีเดียว” เซี่ยอี้ยังคงมีสีหน้าเย็นชาตามปกติ แม้จะถูกทุกสายตาจับจ้องมาก็ตาม ก่อนที่ตัวเขาจะเงียบไปเล็กน้อย และเอ่ยขึ้นช้า ๆ ว่า “เมื่อไหร่ที่การขัดเกลากายาของเขาพัฒนาไปถึงขอบเขตสถิตกายา ไม่ต้องกล่าวถึงห้าอันดับแรก เขาสามารถท้าประลองศิษย์พี่ฉางเล่อที่อยู่อันดับแรกได้ด้วยซ้ำ!”

ทันใดนั้น หัวใจทุกคนที่อยู่ในที่นี้ก็เต้นแรงขึ้นในพลัน

มีศิษย์ชั้นยอดบนยอดเขาจรัสเทวะอยู่ทั้งหมดร้อยเก้าคน มีผู้ขัดเกลากายาอยู่ราวยี่สิบกว่าคน และส่วนมากมาจากยอดเขาจรัสใต้

ในบุคคลทั้งยี่สิบคนนี้ ผู้ที่สามารถรั้งอยู่ในห้าอันดับแรกได้ล้วนเป็นผู้โดดเด่นทั้งสิ้น มีพละกำลังไม่ธรรมดา อีกทั้งยังมีประสบการณ์การต่อสู้มากมาย

ยกตัวอย่างเช่นหนิงเจินตรงหน้าผู้นี้ ที่นับเป็นศิษย์ชั้นยอดผู้ขัดเกลากายาซึ่งติดอันดับที่สาม มีพละกำลังไม่ด้อยไปกว่าหวังจ้งฮ่วน อวิ๋นเยี่ย และคนอื่น ๆ ทีเดียว

ส่วน ‘ศิษย์พี่ฉางเล่อ’ ที่เซี่ยอี้เอ่ยถึงนั้น อีกฝ่ายเป็นเหมือนกับตำนานที่ไม่เพียงรั้งอันดับแรกของศิษย์ชั้นยอดผู้ขัดเกลากายาเท่านั้น แต่ยังเรื่องชื่อในบรรดาร้อยเก้าศิษย์ชั้นยอดบนยอดเขาจรัสเทวะอีกด้วย!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]