บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 66

บทที่ 66 สยงผี
บทที่ 66 สยงผี

ราชาวานรทมิฬแห่งถ้ำวารีกระซิบ?

เฉินซีอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่ามันไร้สาระอยู่ในใจ นั่นเป็นหนึ่งในเจ็ดราชาอสูรผู้ยิ่งใหญ่ สยงผีผู้นี้ประเมินข้าสูงเกินไปแล้ว!

“ท่านผู้อาวุโสเฉินซี ขอบคุณสำหรับการต้อนรับในวันนี้ พวกข้าต้องขอตัวลาไปก่อน”

“ใช่แล้ว ข้ามีเรื่องสำคัญที่ต้องไปจัดการ และจะมารบกวนท่านผู้อาวุโสในวันอื่น”

“ลาก่อน!”

ไม่ใช่แค่เฉินซี การแสดงออกของสัตว์อสูรตัวอื่นก็เปลี่ยนไปอย่างเมื่อพวกเขาได้ยินสิ่งที่สยงผีกล่าว พวกมันรีบกล่าวคำอำลากับเฉินซีและจากไปทันทีราวกับว่าพวกมันกำลังหลีกเลี่ยงโรคระบาด ตั้งแต่ต้นจนจบพวกมันไม่ได้มองสยงผีเลยแม้แต่ครั้งเดียว

มู่ขุยอดไม่ได้ที่จะวิตกกังวลเมื่อเห็นสิ่งนี้ และชิงกล่าวออกไปอย่างรวดเร็วว่า “ท่านผู้อาวุโสเฉินซี ราชาวานรทมิฬนั้นปกครองพื้นที่ห้าร้อยลี้ในบริเวณใกล้เคียง และมีการบ่มเพาะอยู่ในขอบเขตตำหนักอินทนิลที่น่าสะพรึงกลัว! แม้ว่ากระบี่ไผ่ทองคำนิลจะล้ำค่านัก แต่สยงผีผู้นี้กำลังประสงค์ร้ายแก่ท่าน ดังนั้นท่านไม่ควรยอมรับคำขอของเขา!”

เฉินซีเมื่อได้ยินเรื่องนี้ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เขาจึงเพียงจ้องมองไปยังสยงผีเท่านั้น

ในตอนนี้เฉินซีได้บรรลุขอบเขตตำหนักอินทนิลแล้ว กลิ่นอายโดยรอบของเขาดูเหมือนจะไม่แยแสต่อสิ่งใด และมันเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังกดดันที่น่าเกรงขามจากการผสานกันของสวรรค์และโลก

สยงผีอยู่ในขอบเขตก่อกำเนิดขั้นสมบูรณ์เท่านั้น และเขาก็ยอมจำนนต่อแรงกดดันทางสายตาของเฉินซีในทันที เขาส่ายหัวและถอนหายใจพร้อมเอ่ยว่า “ลืมมันไปเสียเถอะ หากท่านผู้อาวุโสไม่เต็มใจ งั้นก็ถือว่าข้าไม่เคยกล่าวถึงมันเถิด” ขณะที่เขากล่าว อสูรหมีที่สูงและแข็งแกร่งตัวนี้เผยให้เห็นร่องรอยความสิ้นหวังและความเศร้าโศกที่หาได้ยาก จากนั้นเขาจึงหันหลังกลับและเดินจากไปอย่างรวดเร็ว

“บอกเหตุผลได้หรือไม่” เฉินซีเอ่ยถาม

“น้องชายของข้าตายอย่างอนาถด้วยน้ำมือของราชาวานรทมิฬ ในฐานะพี่ใหญ่ ข้าจะแก้แค้นให้เขาไม่ได้หรือ?” สยงผีหยุดนิ่งและกล่าวออกมาทีละคำหลังจากผ่านไปนาน ด้วยน้ำเสียงเชื่องช้าเต็มไปด้วยความเศร้าโศกและความขุ่นเคือง

น้องชาย?

จู่ ๆ เฉินซีก็นึกถึงเฉินฮ่าวน้องชายของเขาเอง เมื่อนึกถึงฉากที่เห็นแขนขวาของเฉินฮ่าวถูกทำให้พิการที่นอกเมืองหมอกสน อีกทั้งความรู้สึกเจ็บปวดที่เขาได้รับในตอนนั้น ทำให้เขาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง

‘นี่ก็ผ่านมาสามเดือนแล้ว เสี่ยวฮ่าวจะได้เข้าสู่นิกายกระบี่เมฆาพเนจรแล้วหรือไม่หนอ แต่การมีอาจารย์เมิ่งคงร่วมเดินทางไปด้วย เขาคงไม่น่าจะประสบกับเหตุร้ายกระมัง?’

เฉินซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “ข้าสงสัยมากว่า เหตุใดเจ้าถึงมั่นใจว่าข้าจะสามารถฆ่าราชาวานรทมิฬได้? ข้าอยากรู้เหตุผลของเจ้า”

สยงผีหันกลับมาอย่างรวดเร็วและกล่าวด้วยความประหลาดใจ “ท่านผู้อาวุโส ท่านยินดีช่วยข้าอย่างนั้นหรือ?”

มู่ขุยที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ขมวดคิ้วขณะที่เขากล่าว “เฒ่าสยง เจ้าคิดว่าท่านผู้อาวุโสเฉินซีจะยินยอมตกลงโดยที่ไม่รู้อะไรเลยหรือ?”

สยงผีสูดหายใจเข้าลึกราวกับว่าเขากำลังควบคุมความตื่นเต้นในใจและกล่าวอย่างเชื่องช้าว่า “ราชาวานรทมิฬผู้นั้นอ่อนแอที่สุดในบรรดาราชาอสูรทั้งเจ็ด แม้ว่าเขาจะบรรลุขอบเขตตำหนักอินทนิลเมื่อนานมาแล้ว แต่ปัจจุบันนี้เขาบ่มเพาะไปได้เพียงแต่ขอบเขตตำหนักอินทนิลขั้นสี่ดาราเท่านั้น”

มู่ขุยหัวเราะด้วยความโกรธอย่างสุดขีด “ท่านผู้อาวุโสเฉินซีเพิ่งทะลวงสู่ขอบเขตตำหนักอินทนิล และเจ้าต้องการให้เขาฆ่าราชาวานรทมิฬผู้มีการบ่มเพาะขอบเขตตำหนักอินทนิลขั้นสี่ดาราให้แก่เจ้าน่ะหรือ?”

ท่าทางของสยงผียังคงไม่ได้เปลี่ยนไปขณะที่เขากล่าวต่อว่า “ข่าวนี้ไม่อาจช่วยเหลือท่านผู้อาวุโสได้จริง ๆ แต่ข้ารู้สึกว่าท่านผู้อาวุโสจะต้องเผชิญหน้ากับราชาวานรทมิฬในไม่ช้าก็เร็ว ภูเขาลูกหนึ่งไม่อาจมีเสือสองตัวได้ ข้าเกรงว่าท่านผู้อาวุโสย่อมเข้าใจตรรกะนี้ดีกว่าข้า”

“นอกจากนี้ ข้าได้รับข่าวมาว่าหลีหู่เสียชีวิตภายใต้เงื้อมมือของท่าน หลีหู่ผู้นี้เป็นคนสนิทที่เชื่อถือได้และเป็นหูตาให้แก่ราชาวานรทมิฬ อีกทั้งยังช่วยราชาวานรทมิฬลาดตระเวนดินแดนเขามาโดยตลอด ตอนนี้หลีหู่ตายแล้ว ราชาวานรทมิฬจะไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไปอย่างเด็ดขาด” สยงผีกล่าวย้ำอีกครั้ง

“หลีหู่เป็นคนสนิทที่เชื่อถือได้และเป็นหูตาแก่ราชาวานรทมิฬ? เป็นไปไม่ได้ ข้าจะไม่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?” มู่ขุยอุทานร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนกและดูไม่เชื่อถือ หากเป็นอย่างที่สยงผีกล่าวมา เขาก็คงตกอยู่ในอันตรายเช่นกัน ท้ายที่สุดหลีหู่ได้เสียชีวิตบนเทือกเขาวงจันทรา และเป็นที่รู้กันทั่วไปว่ามู่ขุยมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับเฉินซี…

“หลีหู่จะเป็นหูตาแก่ราชาวานรทมิฬได้อย่างไรหากเจ้ารู้ตัวตนที่แท้จริงของเขา?” สยงผีถามกลับ

ขณะนี้มู่ขุยตื่นตระหนกอย่างสมบูรณ์และจ้องมองเฉินซี เขาเป็นสัตว์อสูรที่มีการบ่มเพาะขอบเขตก่อกำเนิดและอาศัยอยู่ในดินแดนของราชาวานรทมิฬมานานกว่าพันปีแล้ว ดังนั้นเขาจะไม่รู้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของราชาวานรทมิฬได้อย่างไร?

“ดังนั้น ไม่ว่าข้าจะช่วยเจ้าหรือไม่ ข้าก็ยังต้องเผชิญกับการล้างแค้นของราชาวานรทมิฬอย่างนั้นหรือ?” เฉินซีถามอย่างเย็นชา

สยงผีไม่ได้กล่าวอันใด แต่ท่าทีของเขาตอบทุกอย่างแทน

“เอาล่ะ ข้าจะเอากระบี่ไผ่ทองคำนิลของเจ้าไป แต่ข้าจะไม่เป็นศัตรูต่อราชาวานรทมิฬ เว้นแต่เขาจะมาเคาะประตูหน้าบ้านข้า” เฉินซีกล่าวเช่นนี้ เพราะเขากังวลว่าสยงผีกำลังหลอกใช้เขา

“ขอบคุณท่านผู้อาวุโส ไม่ว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลว ข้าเฒ่าสยงจะไม่ลืมบุญคุณอันยิ่งใหญ่ของท่านผู้อาวุโสตลอดช่วงชีวิตนี้!” สยงผีคุกเข่าลงบนพื้นอย่างรุนแรง จากนั้นก็ก้มกราบกับพื้นสามครั้งซึ่งเต็มไปด้วยเสียงดังสนั่น เมื่อเงยหน้าขึ้นน้ำตาก็ไหลรินออกมาจากดวงตาของเขาแล้ว

ยามที่ชายร่างกำยำและตรงไปตรงมาผู้นี้ได้รับคำสัญญาจากเฉินซี ดูเหมือนว่าเขาจะปล่อยวางภาระที่เขาแบกรับไว้ในใจมาเนิ่นนานหลายปี เขาได้แต่ร้องไห้อย่างเงียบ ๆ บางครั้งก็เศร้าโศก บางครั้งก็ปีติยินดี!

‘สหายเต๋าหยวนถง โปรดรีบมาที่หุบเขาจันทราโหยหวนอย่างเร่งด่วน มีเรื่องที่ต้องการหารือกับท่าน – ลงชื่อ: จ้านเฟิง’

ภายในถ้ำวารีกระซิบ ชายหนุ่มผมขาวในชุดคลุมสีเขียวจ้องมองข้อความในมืออย่างเหม่อลอย และเขาพึมพำกับตัวเองว่า “ข้าสงสัยว่า เฒ่าพิลึกผู้นี้ต้องการกระทำสิ่งใด น้ำเสียงของเขาดูกังวลมาก ข้าเกรงว่าสหายคนนี้คงไม่เชิญแต่ข้าผู้เดียว เป็นไปได้ไหมว่าสิ่งที่ยิ่งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น”

ในขณะนั้น

ฟิ้ว!

ปักษาวิญญาณขนนกสีขาวโบยบินเข้ามาและกลายเป็นสัตว์อสูรสาวงดงามที่ตะโกนอย่างกังวลใจว่า “ท่านราชาผู้ยิ่งใหญ่ ภัยพิบัติกำลังคืบคลานเข้ามา!”

ชายหนุ่มผมขาวที่สวมชุดสีเขียวผู้เป็นเจ้าของถ้ำวารีกระซิบ ซึ่งเป็นหนึ่งในราชาอสูรผู้ยิ่งใหญ่ทั้งเจ็ดราชาวานรทมิฬ ‘หยวนถง’ เขาจ้องไปที่สัตว์อสูรสาวสวยอย่างไม่พอใจและเอ่ยถามว่า “เสี่ยวลู่ ข้ากล่าวไปกี่ครั้งแล้วว่าเจ้าต้องใจเย็น ๆ ในทุกสถานการณ์ เจ้าจะตื่นตระหนกไปเพื่ออะไร? เอาล่ะ ค่อย ๆ บอกมาว่าเกิดอะไรขึ้น”

สัตว์อสูรสาวแสนสวยผู้นี้คือเสี่ยวลู่ นางสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนกล่าวอย่างรวดเร็วว่า “ท่านราชาผู้ยิ่งใหญ่ขอให้ข้าตามหาหลีหู่ แต่ไม่คาดคิดว่าอสูรพยัคฆ์นั้นได้ตายไปนานแล้ว!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]