บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 680

บทที่ 680 เจดีย์สยบสวรรค์

บทที่ 680 เจดีย์สยบสวรรค์

ผู้หญิงคนนี้น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง นางมีรูปลักษณ์ที่สวยงามหาที่เปรียบมิได้ แต่กลับมีบุคลิกที่เยือกเย็นและโหดเหี้ยม ผนวกกับความแข็งแกร่งที่ไร้เทียมทานแล้ว นางก็เปรียบเสมือนเทพีแห่งการสังหาร!

ตั้งแต่เขาเริ่มบ่มเพาะมาจนถึงตอนนี้ เฉินซีได้พบกับคู่ต่อสู้หญิงที่ยากจะรับมือมามากมาย แต่เสวียนขุยเป็นคู่ต่อสู้หญิงคนแรกที่แข็งแกร่งจนเขาไม่สามารถต้านทานได้

การโจมตีของนางนั้นดูง่าย ๆ สบาย ๆ แต่ราวกับว่ามันทะลวงผ่านขอบเขตของอวกาศและล้อมรอบด้านเอาไว้ ทำให้เขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือหลบหนีได้เลย จนในท้ายที่สุด ชายหนุ่มก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสและเกือบเสียชีวิต

อย่างไรก็ตาม สิ่งเดียวที่ทำให้เฉินซีรู้สึกสบายใจเล็กน้อยนั่นคือหม้อใบจิ๋วได้ฉวยโอกาสนี้คว้าเอาผนึกแก้วศักดิ์สิทธิ์โกลาหลมา และกำลังสกัดกลั่นมัน ดังนั้นเขาจึงเชื่อว่าอีกไม่นานนักที่หม้อใบจิ๋วจะระเบิดพลังที่น่าตกใจออกมา และบดขยี้ผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพทั้งสองนี้

ทว่าฉากต่อมากลับทำให้หัวใจของเฉินซีแทบดิ่งลงเหว เพราะเสวียนขุยพุ่งเข้าใส่เขาอีกครั้ง โดยไม่แม้แต่จะให้โอกาสชายหนุ่มพักหายใจด้วยซ้ำ!

“เจ้าตัวเล็กที่แสนอ่อนแอ กล้าที่จะเล่นตลกกับข้า? หากข้าไม่ขยี้เจ้าทิ้งเสีย มันคงจะยากที่จะกำจัดความเกลียดชังในใจข้า!” เสวียนขุยคำรามด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก ดวงตาที่เย็นชาของนางเต็มไปด้วยจิตสังหาร หญิงสาวยกมือขึ้นด้วยความตั้งใจที่จะทำลายล้างเฉินซีให้สิ้น

ณ ช่วงเวลาวิกฤตนี้ จู่ ๆ เสียงกัมปนาทที่สั่นสะเทือนท้องฟ้าก็ดังก้องขึ้นอย่างฉับพลัน จากนั้นกระแสลมที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งก็พัดหมุนวนไปรอบแท่นบูชา เศษหินเศษทรายปลิวว่อน พลังงานอันน่าสะพรึงกลัวพัดกระหน่ำเอาทุกสิ่งลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า โยนทุกอย่างรอบข้างเข้าสู่ความโกลาหล

ความรู้สึกนี้ราวกับว่าผู้เยี่ยมยุทธ์ไร้เทียมทานได้ตื่นขึ้นจากความเงียบงัน และยืนขึ้นอย่างภาคภูมิ เผยให้เห็นรัศมีที่น่าสะพรึงกลัวซึ่งสามารถเขย่าสวรรค์ทั้งเก้าและสิบแผ่นดินได้

“หืม?” ดวงตาของเสวียนขุยทอประกาย

“ฮ่าฮ่าฮ่า! ในที่สุด ข้าก็สังเวยคนพื้นเมืองทั้งหมดให้กับค่ายกลแสงทมิฬแปดขั้วได้สำเร็จแล้ว เสวียนขุย มาช่วยข้าทำลายเจดีย์ทองสัมฤทธิ์นี้เร็วเข้า!”

ท่ามกลางความโกลาหล เสียงอันเยือกเย็นและดุร้ายของเสวียนเฉินก็ก้องขึ้นมา มันเต็มไปด้วยความสุขและความอิ่มเอมใจ

“ได้ ข้ากำลังไป!”

รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของเสวียนขุย นางไม่สนใจเฉินซีอีกต่อไป ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อและส่งลำแสงสีดำให้พุ่งเข้าหาอีกฝ่าย จากนั้นก็หันหลังกลับและจากไป

ในความเห็นของนาง แค่การโจมตีครั้งนี้ก็เพียงพอที่จะฆ่าเฉินซีแล้ว

ท้ายที่สุด ชาวพื้นเมืองตัวน้อยที่อ่อนแอคนนี้ก็ใกล้จะตายแล้ว คงเป็นเรื่องแปลกหากการโจมตีครั้งนี้จะไม่สามารถฆ่าเขาได้

ฟุ่บ!

โชคไม่ดีที่เสวียนขุยไม่ทันสังเกตเห็นว่า เมื่อแสงสีดำที่นางยิงออกไปกำลังจะถึงกึ่งกลางหน้าผากของเฉินซี ทันใดนั้น แสงกระบี่ไร้รูปร่างก็พลันปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน จากนั้นจึงฟันลงมา ทำลายแสงสีดำอย่างสมบูรณ์และง่ายดาย

กระบวนการทั้งหมดเกิดขึ้นภายในเวลาเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น มันรวดเร็วมากเสียจนเฉินซียังไม่ทันตอบสนองต่อแสงสีดำที่คุกคามถึงชีวิต แสงที่ว่าก็ได้สลายไปสิ้นแล้ว!!

ตั้งแต่ต้นจนจบ ทุกสิ่งเงียบงันไร้ซึ่งเสียงใด ๆ ราวกับหิมะที่ละลายหายไปในน้ำ ทุกอย่างล้วนเป็นธรรมชาติและสงบมาก

ทว่าเมื่อเฉินซีผู้รอดพ้นจากความตายรู้สึกตัว เขากลับต้องอ้าปากค้างแทน เพราะแสงกระบี่นี้ไม่ใช่ฝีมือของเขา และไม่ใช่ของหม้อใบจิ๋วเช่นกัน แต่เป็นคนอื่น!

ใคร?

คนผู้นั้นสามารถจัดการกับการโจมตีนี้อย่างง่ายดายได้อย่างไร? นั่นคือการโจมตีร้ายแรงที่คุกคามถึงชีวิตของผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพเชียวนะ หากผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีเป็นคนต่อต้าน คงเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะทำลายมันลงได้อย่างง่ายดายเช่นนี้!

เฉินซีมองไปรอบ ๆ อย่างตกตะลึง แต่เขาก็ไม่พบใครเลย

ทว่าในไม่ช้า เขาก็ไม่สนใจสิ่งเหล่านี้อีกต่อไป และใช้ความพยายามอย่างยิ่งเพื่อโคจรปราณจ้าววิญญาณทั้งหมดในร่างกาย เร่งซ่อมแซมกระดูกที่หักและอาการบาดเจ็บทั่วตัว และในเวลาเดียวกัน ชายหนุ่มยังใช้พลังงานจากแดนฮุ่นตุ้น เพื่อควบคุมการไหลเวียนปราณแท้ภายในที่ใกล้จะเข้าสู่ภาวะผิดปกติให้สงบลง รวมถึงหล่อเลี้ยงเส้นลมปราณที่จวนเหือดแห้งให้ฟื้นคืนสภาพ

การจู่โจมของเสวียนขุยก่อนหน้านี้เกือบจะคร่าชีวิตเขาไปแล้ว แต่ยังนับว่าโชคดีที่การฝึกฝนร่างกายของชายหนุ่มนั้นแข็งแกร่งเพียงพอ และตราบใดที่แก่นวิญญาณของเขาไม่ถูกทำลาย เฉินซีก็สามารถเกิดใหม่จากเลือดแม้เพียงหยดเดียวได้ ซึ่งด้วยความช่วยเหลือของต้นอ่อนเงาทมิฬ เพียงครู่ต่อมาอาการบาดเจ็บของเขาก็ทรงตัวและดีขึ้นอย่างรวดเร็ว

ในระหว่างขั้นตอนนี้ หม้อใบจิ๋วก็บินกลับมาหาเขา และมันกำลังกลั่นและดูดซับผนึกแก้วศักดิ์สิทธิ์โกลาหลด้วยพลังทั้งหมดที่มี แต่น่าเสียดาย… กระดองเต่าที่เสียหายนั้นได้ถูกเสวียนขุยขัดขวางและยึดเอาไป

ทว่าเฉินซีไม่ได้กังวลเท่าใดนัก เพราะหม้อใบจิ๋วได้ชิงผนึกแก้วศักดิ์สิทธิ์โกลาหลกลับคืนมาแล้ว และคงจะใช้เวลาไม่นานนัก ก่อนที่มันจะรวมพลังที่น่าสะพรึงกลัวได้ถึงจุดที่มากพอจะบดขยี้ผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพทั้งสองคนนั้นอย่างสมบูรณ์

ส่วนสิ่งที่ทำให้หัวใจเขาเต้นแรงในตอนนี้ นั่นคือฉากที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ไกล ๆ

เสวียนเฉินและเสวียนขุยที่ลอยอยู่กลางอากาศดูราวกับเทพปีศาจสองตนที่สวมอาภรณ์สีทองพลิ้วไหว ปล่อยผมยาวสลวย พวกเขายิงตราประทับที่ลึกล้ำและคลุมเครือมากมายไปยังค่ายกลแสงทมิฬแปดขั้วที่กำลังก่อตัว

ในไม่ช้า มหาค่ายกลก็ปะทุขึ้นพร้อมกับแสงสีเลือดที่ลุกโชน มันเริ่มม้วนตัวและคำรามอย่างรุนแรงดุจมังกรที่บ้าคลั่ง ก่อนจะควบแน่นกลายเป็นก้อนเมฆสีเลือดขนาดเท่าหินโม่ในท้ายที่สุด

อักขระยันต์ลึกลับปรากฏขึ้นบนเมฆสีเลือด ภูตผี สัตว์อสูร วิญญาณชั่วร้าย โครงกระดูก และภาพนิมิตอื่น ๆ ปรากฏขึ้นอยู่ภายในนั้นเป็นระยะ ๆ รัศมีชั่วร้ายที่ปกคลุมได้ย้อมเปลี่ยนสีสวรรค์และปฐพี

ทันทีที่มันปรากฏขึ้น เจดีย์ทองสัมฤทธิ์ที่สนิมเขรอะก็พังทลายลง

ปัง!

แสงสีเลือดพุ่งออกมาพร้อมเสียงระเบิด เสียงคำรามแผ่วเบาที่คลุมเครือและอธิบายไม่ได้ดังออกมาจากภายในเจดีย์ มันฟังดูแปลกประหลาดและน่าสยดสยอง ประหนึ่งเทพเจ้าที่คนจากต่างพิภพถวายบูชานั้นกำลังคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว

เจดีย์ทองสัมฤทธิ์สั่นสะท้านราวกับกำลังขุ่นเคือง ร่างกายที่เป็นสนิมและมีรอยด่างเปล่งประกาย พร้อมพ่นอักขระยันต์ลึกลับนับพันออกมาต่อต้านเมฆสีเลือดอย่างดุเดือด

“กล้าดีอย่างไรถึงมาต่อต้าน! พังไปซะ!”

เสวียนเฉินคำรามออกมา ดวงตาของเขาฉายแววแห่งความบ้าคลั่ง ก่อนจะพ่นแก่นโลหิตสีฟ้าลงไปในค่ายกลแสงทมิฬแปดขั้ว ทำให้กลิ่นอายของเมฆสีเลือดหนาแน่นขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เจดีย์ทองสัมฤทธิ์พยายามดิ้นรน ทั้งร่างของมันเปล่งเสียงดังลั่น ราวกับว่ามันใกล้จะถูกทำลาย หากแต่รัศมีของมันยังคงน่ากลัว ทั้งยังเผยให้เห็นความเย่อหยิ่ง และความแน่วแน่ของการไม่ยอมจำนนแม้กระทั่งต่อหน้าความตาย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]