บทที่ 764 ไป๋จิงเฉิน
บทที่ 764 ไป๋จิงเฉิน
เทือกเขาหนามม่วงทอดยาวเป็นแนวเขา และตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกแดนภวังค์ทมิฬ มันทั้งหรูหรา สูงส่ง กว้างใหญ่ และยิ่งใหญ่
เมื่อมองลงมาจากกลางอากาศ ภูเขาลูกนี้ดูราวมังกรขนาดมหึมาที่มีความยาวถึงสองพันห้าร้อยลี้ที่อาศัยอยู่บนพื้นดิน มันคดเคี้ยวเหมือนอสรพิษ ปกคลุมด้วยปราณม่วงแห่งราชัน และทุกครั้งที่ดวงอาทิตย์ขึ้น ภูเขาลูกนี้จะถูกปกคลุมด้วยหมอกสีม่วงที่น่าขนลุก หนาทึบ และมีกลิ่นอายของจักรพรรดิ
ปราณม่วงที่มาจากทิศตะวันออก มันเป็นสรวงสวรรค์ที่หายาก ซึ่งเส้นชีพจรมังกรมาบรรจบกัน ดังนั้นตระกูลไป๋ของเทือกเขาหนามม่วงจึงตั้งอยู่ที่นี่
ตระกูลไป๋เป็นตระกูลเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ย้อนไปถึงยุคบรรพกาล และกองกำลังของมันก็ใหญ่โตมาก ยิ่งกว่านั้น รากฐานของมันก็มั่นคงเสียจนเทียบได้กับสิบนิกายเซียนที่ยิ่งใหญ่
สิ่งที่ผู้คนกล่าวถึงมากที่สุดก็คือ ประเพณีของตระกูลไป๋นั้นโหดร้ายมาก เด็กผู้ชายทุกคนในตระกูลจะต้องเป็นเหมือนวีรบุรุษที่ยืนหยัด ไม่หวาดหวั่น กล้าหาญและทรงพลังยิ่ง
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ร่างกายของสมาชิกตระกูลไป๋นั้นไหลเวียนด้วยโลหิตแห่งสงครามโดยกำเนิด พวกเขาต่างจ้องมองไปที่ด้านนอกของแดนภวังค์ทมิฬ และได้บุกไปยังต่างพิภพเมื่อนานมาแล้ว!
โดยไม่มีเหตุผลใด ทั้งหมดเพียงแค่เพื่อการต่อสู้!
พวกเขาทำการเข่นฆ่าในนามการใฝ่หาการต่อสู้ ทำให้คนทั้งหมดดูกระทำตามอำเภอใจและดุร้ายยิ่ง
แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนในสามภพปวดหัวที่สุดก็คือเรื่องนี้เช่นกัน เพราะตระกูลไป๋ของเทือกเขาหนามม่วงนั้นชื่นชอบการต่อสู้และจะปกป้องคนของตัวเองอย่างดีเยี่ยม ดังนั้น หากมีใครกล้าล่วงเกินตระกูลไป๋ของพวกเขา ก็ไม่จำเป็นต้องสนใจว่ามีเหตุผลใด เพราะพวกเขาจะเอาชนะก่อน แล้วค่อยถามทีหลัง
ทั้งนี้ หากถามถึงขุมพลังที่น่ากลัวที่สุดสำหรับผู้คนในโลกแห่งการบ่มเพาะ คำตอบกลับไม่ใช่นิกายเซียนหรือนิกายอสูร แต่เป็นตระกูลไป๋แห่งนี้นี่ล่ะ!
…
ภายในสนามฝึกการต่อสู้ในจวนตระกูลไป๋
ชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างสูงกำยำกำลังนั่งยองอยู่ที่มุมกำแพง ในขณะที่มืออันใหญ่โตของเขาถือชามใบใหญ่ ชามใบใหญ่นี้ดูเหมือนกะละมังไม้ และภายในนั้นมีเส้นก๋วยเตี๋ยวสีขาวคล้ายหยกนึ่งพร้อมโรยหน้าด้วยผักชีเขียวขจีอยู่
ใบหน้าของชายวัยกลางคนหยาบกร้าน หนวดเคราสีดำสนิทของเขาตั้งตรงเหมือนเข็มเหล็ก ท่าทางของคนคนนี้ดูกล้าหาญมาก ยามนี้เขากำลังกลืนเส้นก๋วยเตี๋ยวเหล่านี้ลงไป กระทั่งซดมันอย่างพึงพอใจจนน้ำซุปถึงกับหยดจากมุมปาก
ในชั่วพริบตา เขาก็กินก๋วยเตี๋ยวชามใหญ่จนหมด แม้แต่ซุปก็ยังซดจนแห้ง หลังจากกินเสร็จแล้ว เจ้าตัวก็เม้มริมฝีปากด้วยท่าทางไม่พอใจเล็กน้อย
หลังจากนั้น เขาพลันยืนขึ้นเพื่อไปยังถังไม้ที่สูงร้อยยี่สิบจั้งซึ่งตั้งอยู่ด้านข้าง ก่อนจะยกตะเกียบขึ้นแล้วเติมก๋วยเตี๋ยวอีกชาม…
จากนั้นเขาก็นั่งลงที่มุมโต๊ะและเคี้ยวเส้นพวกนั้นอีกครั้ง
เขาดูเหมือนจับกังข้างถนน เหมือนผีผู้หิวโหยที่กลับชาติมาเกิดใหม่ก็ไม่ปาน
เหล่าเด็ก ๆ ในสนามฝึกการต่อสู้ชินชากับภาพนี้แล้ว และพวกเขาไม่แม้แต่จะเหลือบมองชายวัยกลางคน ขณะที่พวกเด็ก ๆ กำลังขัดเกลาร่างกายอย่างมุ่งมั่น
ในบรรดาเด็กทุกคน คนที่มีอายุมากที่สุดก็เห็นจะมีอายุราวสิบเอ็ดหรือสิบสองปี และคนที่อายุน้อยที่สุดก็มีอายุประมาณแปดหรือเก้าปี ร่างกายท่อนบนของพวกเขาเปลือยเปล่า ทุกคนล้วนมีร่างกายที่แข็งแกร่ง กล้ามเนื้อเป็นมัด และดูจะท่วมท้นไปด้วยพละกำลัง
เบื้องหน้าของเด็กทุกคนคือหินมหึมาสีดำสนิทที่เหมือนเนินเขาลูกเล็ก นี่คือหินชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ‘หินนรก’ และเพียงก้อนที่มีขนาดเท่ากำปั้นก็มีน้ำหนักมากกว่าเจ็ดร้อยห้าสิบจิน ด้วยเหตุนี้ หินนรกที่มีขนาดเนินเขาลูกเล็กที่อยู่ตรงหน้าของเด็กเหล่านี้ จึงน่าจะหนักไม่น้อยกว่าเจ็ดแสนห้าหมื่นจิน!
แต่ที่น่าตกใจก็คือ เด็กเหล่านี้กลับสามารถยกหินนรกตรงหน้าได้อย่างสบาย ๆ ราวกับกำลังยกท่อนไม้ ซึ่งดูเหมือนพวกเขาจะทำได้อย่างง่ายดายและผ่อนคลายมาก
เด็กโตบางคนถึงกับโยนหินนรกขึ้นไปในอากาศซ้ำ ๆ และมันก็เหมือนพวกเขากำลังเล่นกายกรรมอยู่ หากผู้คนจากโลกภายนอกเห็นสิ่งนี้ ลูกตาของพวกเขาคงถลนออกจากเบ้าเป็นแน่
แต่ชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงมุมกำแพงยังคงเฉยเมยต่อสิ่งนี้ และกำลังเพลิดเพลินกับก๋วยเตี๋ยวอย่างเอร็ดอร่อย
ในขณะนี้ เสียงฝีเท้าที่เร็วรี่ได้ดังก้องขึ้นอย่างกะทันหัน ขณะที่ชายหนุ่มสวมชุดคลุมหรูหราและคาดเข็มขัดสีทองวิ่งเข้ามา พร้อมกับกล่าวว่า “ท่านลุง ข้าทำตามที่ท่านขอแล้ว”
ขณะที่กล่าว เจ้าตัวก็ได้หยิบพัดหยกออกมาก่อนจะพัดมันไปมา จากนั้นเขาก็หยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวที่มีขอบสีทองด้วยมือซ้ายและเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก ด้วยท่าทางที่ดูเหมือนจะหมดแรง
ถ้าเฉินซีอยู่ที่นี่ ชายหนุ่มย่อมตระหนักได้ว่าชายหนุ่มคนนี้คือไป๋กู้หนาน
“เจ้าเด็กโง่!” ชายวัยกลางคนยังคงนั่งยองอยู่บนพื้น ในขณะที่ซดน้ำแกงอย่างเอร็ดอร่อย จากนั้นเจ้าตัวก็เหลือบมองไป๋กู้หนาน ก่อนจะกล่าวออกมาอย่างที่มักจะอยู่เสมอ
ไป๋กู้หนานรู้สึกอาย จึงเก็บพัดหยกและผ้าเช็ดหน้าอย่างรวดเร็ว
“เจ้าโง่ เจ้าบอกอะไรเขา?” ชายวัยกลางคนวางชามลง ก่อนเรอด้วยความพึงพอใจ
“ข้าบอกเขาว่า ท่านป้าจะกลับมาในอีกสิบปีนับจากนี้ และเขาควรสงบสติอารมณ์และรอ” ไป๋กู้หนานตอบอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เอ่ยถาม “ท่านลุง ท่านป้าที่อยู่ในสนามรบนอกภพทั้งสามสบายดีไหม?”
ชายวัยกลางคนหัวเราะด้วยความเยาะเย้ย “จะมีอะไรเกิดขึ้นกับนางกัน? ในเมื่อมีผู้อาวุโสเถิงอยู่เคียงข้าง เว้นแต่จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์จะลงมือด้วยตนเอง มิฉะนั้นผู้ใดจะทำร้ายนางได้?” แม้คำพูดของเขาจะหยาบคาย แต่มันก็แสดงถึงความมั่นใจและความกล้าหาญอย่างชัดเจน
ไป๋กู้หนานมั่นใจอย่างมาก จากนั้นเขาก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก “เช่นนี้ก็ดียิ่ง เฉินซีผู้นั้นอาจจะสบายใจได้แล้ว”
ชายวัยกลางคนมองเขาด้วยความประหลาดใจ “เจ้าเด็กโง่ ไม่ใช่ว่าเจ้าคิดว่าทุกคนในโลกนี้เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจหรอกหรือ? ไฉนเจ้าถึงเริ่มเป็นห่วงเด็กคนนั้นจริง ๆ เสียเล่า?”
ไป๋กู้หนานกล่าวด้วยความไม่พอใจ “ท่านลุงโปรดหยุดเรียกข้าว่าเจ้าเด็กโง่เถิด”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...