บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 766

บทที่ 766 ถ้ำกระบี่วิญญาณโลหิต

บทที่ 766 ถ้ำกระบี่วิญญาณโลหิต

มีสถานที่ลึกลับอันยิ่งใหญ่สองแห่งอยู่ในแดนภวังค์ทมิฬ หนึ่งคือแดนไร้นาม อีกหนึ่งแห่งคือสรวงสวรรค์สงบเงียบ

หากถามถึงบางสิ่งที่ทั้งสองแตกต่างกัน เช่นนั้นอาจจะเป็นพลังที่เป็นตัวแทนของมันก็ได้ สรวงสวรรค์สงบเงียบเต็มไปด้วยนิกายโบราณขนาดใหญ่อย่างดินแดนศักดิ์สิทธิ์ขนนก วัดป่าธยานะ เขาวิญญาณนิรันดร์ และอื่น ๆ อีกมากมาย

อีกด้านหนึ่ง แดนไร้นามต่างเต็มไปด้วยกองกำลังที่สืบทอดกันแบบหนึ่งต่อหนึ่ง ถึงขนาดที่ว่าทั้งนิกายอาจมีเพียงหนึ่งอาจารย์หนึ่งศิษย์ ทว่าหากมองอีกแง่ นั่นก็ย่อมหมายความว่าพวกเขาศิษย์อาจารย์ต่างมีความแกร่งกล้าเช่นเดียวกัน!

ชิวเสวียนซูมาจากแดนไร้นาม เขามีความรอบรู้และใจไม่คับแคบ จึงให้ความรู้สึกเหมือนกับถูกอาบไล้ในสายลมวสันต์ ทั้งยังเป็นชายหนุ่มที่ทำให้ผู้อื่นรู้สึกดีได้ง่ายอีกด้วย

แต่เนื่องจากเขาเปล่งประกายเหนือทุกคนและบดขยี้อัจฉริยะทั้งปวงในงานประชุมครั้งใหญ่ของสิบนิกายเซียนได้ เขาจึงไม่เรียบง่ายดังที่เห็นภายนอก

ด้วยการสื่อสารเพียงสั้น ๆ เวินหัวถิงถึงขั้นสงสัยว่าความแข็งแกร่งของชายหนุ่มมารยาทดีตรงหน้านี้อยู่ในขอบเขตสถิตกายาขั้นสูงสุดเมื่อนานมาแล้วใช่หรือไม่!

ยิ่งกว่านั้น ความหยิ่งผยอง ความหุนหันพลันแล่น และความไม่อดทนอดกลั้นที่อีกฝ่ายไม่มี ก็ใช่ว่าทุกผู้จะสามารถเป็นเช่นนั้นได้ รวมถึงความรู้มากมายของเจ้าตัว… หลังจากพูดคุยกันสักระยะ เวินหัวถิงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชมอีกฝ่ายในเรื่องนี้

แล้วประมุขนิกายเวินก็ไม่มีทางเลือก นอกจากต้องยอมรับว่าความอดทนของคนผู้นี้สูงส่งจนแทบจะเทียบเท่ากับเฉินซี!

เมื่อสิ้นสุดบทสนทนา ชิวเสวียนซูได้ร้องขออีกครั้ง โดยหวังจะได้พบกับเฉินซี เพราะปรารถนาที่จะนั่งสนทนาเรื่องเต๋าและซ้อมมือระหว่างกัน

แต่น่าเสียดาย ชิวเสวียนซูไม่สามารถบรรลุความปรารถนาในท้ายที่สุด เพราะเวินหัวถิงบอกอีกฝ่ายอย่างชัดเจนยิ่งว่า ไม่อาจแน่ใจได้เลยว่า เฉินซีจะออกจากการปิดด่านบ่มเพาะเมื่อใด รวมถึงตัวเขาก็ไม่สามารถใช้ตำแหน่งประมุขนิกาย เพื่อออกคำสั่งให้เฉินซีออกจากปิดด่านบ่มเพาะได้เช่นกัน

ดังนั้นจึงลงเอยด้วยการให้ชิวเสวียนซูอยู่ในนิกายกระบี่เก้าเรืองรองหนึ่งปีก่อนจะจากไปในที่สุด

ก่อนจะจากไป เวินหัวถิงได้อนุญาตให้อีกฝ่ายเข้ามาพบอีกครา โดยได้สอบถามสองเรื่องด้วยกัน เรื่องแรกคือ “ทำไมเจ้ายืนกรานที่จะมาเยี่ยมเยียนในครั้งนี้?”

ชิวเสวียนซูฉีกยิ้มเบิกบานใจทันที ก่อนตอบว่า “เป็นเพราะในบรรดาคนบนโลกนี้ มีเพียงเฉินซีที่ทำให้ข้าสนใจได้ ถึงแม้คนอื่นจะไร้เทียมทาน แต่ข้าก็คิดว่าพวกเขาเหล่านั้นหาได้น่าสนใจเท่าเฉินซี”

ข้อสองคือ “เจ้าจะไปที่ใดต่อ?”

คำตอบของชิวเสวียนซูนั้นเรียบง่ายเช่นกัน “โลกกว้างใหญ่ ถูกแบ่งออกเป็นสามพันใบ ข้ามุ่งหมายจะท่องไปทั่วโลกหล้าเพื่อเยี่ยมเยียนสหายเต๋าทั้งหลายที่อยากสนทนาเรื่องเต๋า และทั้งหมดนี้ก็เพื่อแสวงหาความพ่ายแพ้!”

หลังจากได้ยินคำตอบเหล่านี้ เวินหัวถิงถึงกับเดินออกมาส่งชายหนุ่มออกจากนิกายด้วยตัวเอง

สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ศิษย์บางคนนึกสงสัยขึ้นมาว่า เหตุใดชิวเสวียนซูถึงได้รับเกียรติจากประมุขนิกายเพียงนี้ และพากันคาดเดาไปต่าง ๆ นานา

กระทั่งวันหนึ่ง เวินหัวถิงได้เผยคำตอบโดยไม่ตั้งใจในช่วงบทเรียนระหว่างวันว่า “จากบรรดาทุกผู้ทุกคนเท่าที่ข้าเคยพบเห็นมาในตอนนี้ ชิวเสวียนซูคือชายหนุ่มผู้ยอดเยี่ยมเป็นที่สอง และอนาคตของเขาย่อมไร้ขีดจำกัด”

แน่นอนว่า ที่หนึ่งย่อมต้องเป็นเฉินซี!

การประเมินนี้มาจากประมุขนิกายของหนึ่งในสิบนิกายเซียน ดังนั้นมันจะผิดพลาดได้หรือ? ทุกคนจึงต่างสงสัยเกี่ยวกับชิวเสวียนซูมากขึ้น

ชายหนุ่มผู้เก่งกาจสง่างามคนนี้กับศิษย์พี่เฉินซี ผู้ใดแข็งแกร่งกว่ากัน?

ไม่มีใครรู้คำตอบ

บางที พวกเขาอาจจะสามารถได้รับคำตอบเมื่อชิวเสวียนซูและเฉินซีได้พบกันในสักวันหนึ่ง

เวลาผ่านไปเท่าใดไม่ทราบ

ดอกไม้ผลิบานและร่วงโรย หน้าหนาวผันผ่าน หน้าร้อนมาเยือน อีกหนึ่งปีผ่านไปอย่างเงียบงัน

ขณะเดียวกัน ช่วงเวลาสิบปีได้ผันผ่านไปภายในโลกแห่งดารา

แสงดาราสีเงินเย็นเยือกและหมองหม่นเคลื่อนลงมา มันดูสงบ ลึกล้ำและกว้างใหญ่ ขณะที่เฉินซีนั่งอยู่ท่ามกลางท้องนภาที่เต็มไปด้วยดวงดาวอย่างไร้อารมณ์ ปล่อยให้ร่างอาบไล้อยู่ในแสงสว่างสีเงิน

ดวงตาของเขาปิดแน่นขณะมือขวายกขึ้นแล้วกวาดผ่านท้องฟ้า

ฟิ้ว!

เจตจำนงกระบี่ได้ก่อเป็นประกายพุ่งออกมา มันทะยานตัดผ่านมิติขณะเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง ก่อนกระแทกเข้ากับดาวดวงหนึ่ง!

ปัง!

เสียง ‘ปัง’ พลันดังกึกก้องเสียจนสวรรค์สั่นสะเทือน ดวงดาวในท้องนภาสั่นไหวเล็กน้อย และหากสังเกตดูดี ๆ จะพบว่าเจตจำนงกระบี่ที่ทะลวงดวงดาวยังไม่หายไป แต่มันตัดผ่านเข้าไปในดาราจักรอันกว้างใหญ่แทน!

กระบี่สรรค์สร้างนี้น่าสะพรึงยิ่ง มันเต็มไปด้วยความลึกล้ำของการรังสรรค์ และการคาดเดา จนสร้างผลลัพธ์แบบเดียวกับเต๋าแห่งอักขระยันต์ในวิธีที่แตกต่างออกไป…

เฉินซีลืมตาขึ้นพลางตกสู่ห้วงความคิด

ดวงตาของเขาแจ่มชัดและลุ่มลึก หากมองดูดี ๆ จะเห็นว่ามีความลึกล้ำนับไม่ถ้วนกำลังก่อตัวขึ้นภายในดวงตาของชายหนุ่มขณะลวดลายอักขระยันต์นับไม่ถ้วนก่อตัวขึ้นข้างในเช่นกัน

แต่น่าเสียดายที่ถึงแม้จะทำความเข้าใจได้ แต่มันก็ยังไม่ใช่ทั้งหมด ดังนั้นจึงไม่อาจบรรลุผลได้ เฉินซีครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะตัดสินใจอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงหันหลังแล้วออกไปจากโลกแห่งดาราไป

การใคร่ครวญทำความเข้าใจเพื่อบ่มเพาะ ย่อมเป็นเรื่องสามัญและเป็นรากฐาน ทว่าหากไร้ซึ่งประสบการณ์ ขาดการใช้งาน เช่นนั้นแล้วเราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าสิ่งที่ไขว่คว้ามา ถูกต้องหรือยังขาดสิ่งใดอยู่?

หลังเดินออกจากที่พัก จิตสัมผัสเทพของเฉินซีพลันกวาดไปทั่วทั้งยอดเขาจรัสตะวันตก และเมื่อพบว่าทุกสิ่งปลอดภัยดี เขาจึงกลายร่างเป็นลำแสงอย่างรวดเร็ว ก่อนพุ่งไปยังภายในนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]