บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 785

บทที่ 785 ผู้ครองบาปมหันต์

บทที่ 785 ผู้ครองบาปมหันต์

คำปฏิเสธของเฉินซีนั้นหนักแน่นและแน่วแน่ยิ่ง มันไม่เพียงทำให้ผู้อื่นตกใจ กระทั่งไป๋หลี่เยียนยังคิดไม่ถึง นางอึ้งไป ก่อนที่ดวงตาคู่งามจะเผยแววโกรธออกมา

‘เจ้าคนนี้น่าโมโหมากเกินไปแล้ว น้ำเสียงที่พูดอย่างกับข้าไปขอให้เขามาทำความรู้จักตนเองแบบไร้ยางอายอย่างนั้นล่ะ ช่างน่ารังเกียจเสียจริง!’

ไป๋หลี่เยียนกัดฟันแน่นด้วยความเกลียดชัง ก่อนหันหน้าไปด้วยความไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้จากไปแต่อย่างใด นางยังคงอยู่ด้านข้างเช่นนั้นต่อไป พยายามสงบใจตนเองลง

…นางกลัวว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไป ตนเองคงโกรธจนได้ทะเลาะกับเฉินซีแน่ ซึ่งนั่นไม่ใช่ความตั้งใจเดิมของนาง

เมื่อหญิงสาวจากไปแล้ว ข้ารับใช้ชราทั้งสองที่อยู่ด้านหลังนางย่อมจากไปพร้อมกัน สายตาทุกคนจึงเริ่มเบนมาทางเฉินซี

ชายหนุ่มบางคนถึงขนาดเห็นแล้วดีใจยิ่ง พากันเข้าไปห้อมล้อมนางเหมือนพวกบ้าตัณหาที่พยายามทำทุกอย่างให้หญิงสาวพอใจ เพราะต้องการสานสัมพันธ์กับสตรีผู้ครอบครองความงามเหนือใครและมีชาติกำเนิดลึกลับผู้นี้

พริบตาเดียว ไป๋หลี่เยียนก็เหมือนดวงจันทร์ที่รายล้อมด้วยดวงดาว

แน่นอนว่าผู้มีอายุมากกว่าหน่อย มีประสบการณ์มากกว่าย่อมประเมินออกแล้วว่าสตรีมากเสน่ห์ผู้นี้ย่อมมีภูมิหลังไม่ธรรมดา ดังนั้นจึงตักเตือนศิษย์น้องของตนว่าอย่าผลีผลาม

แต่ก็ยังมีผู้ส่งสายตามองไปทางเฉินซี เพราะพวกเขาสังเกตเห็นว่าในเมื่อชายหนุ่มผู้นี้กล้าพูดเช่นนี้กับสตรีงามหยดย้อยได้ เจ้าตัวก็คงมีภูมิหลังไม่ธรรมดาเช่นกัน

ขณะนั้น เวินเทียนซั่วยังไม่จากไป ในฐานะเจ้าบ้าน เขาย่อมไม่คิดสั้นถึงขั้นคิดว่าชายหนุ่มที่กล้าพูดเช่นนั้นกับไป๋หลี่เยียนเป็นพวกบุ่มบ่ามโง่เขลาแน่นอน

“เช่นนั้นขอทราบนามของท่านยอดฝีมือได้หรือไม่?” อึดใจต่อมา เวินเทียนซั่วจึงคลี่ยิ้มอบอุ่นแล้วถามขึ้น

“ข้าแซ่เฉิน” เฉินซีตอบ แต่ก็ยังไม่เต็มใจจะเปิดเผยตัวตน เขามาครั้งนี้เพื่อรับศิษย์ หากคนอื่นรู้ตัวตนของเขาเข้า เช่นนั้นความคิดก็จะเปลี่ยนไปมาก

และหากเป็นเช่นนั้น แม้จะมั่นใจว่าโอกาสรับศิษย์ย่อมมีมากขึ้น แต่เขาจะไม่อาจสังเกตว่าลูกศิษย์ในอนาคตของตนเป็นคนอย่างไร …การทำเช่นนี้ก็อาจทำให้เกิดอคติ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากให้เกิดขึ้น

“อ้อ เป็นยอดฝีมือเฉินนี่เอง” เวินเทียนซั่วไม่ใส่ใจที่เฉินซีไม่อยากเปิดเผยตัวตน และเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มว่า “ข้าเดาว่ายอดฝีมือเฉินคงมาหาบุตรชายข้ากระมัง?”

“ถูกต้องแล้ว ข้ามาเพื่อรับศิษย์” เฉินซีพยักหน้าแล้วเอ่ยเท่าที่จำเป็น

“เช่นนั้นเจ้าคิดว่าบุตรชายข้าเป็นอย่างไร?” เวินเทียนซั่วถามพร้อมรอยยิ้ม แต่นัยน์ตาลุกโชน

“ข้าไม่สามารถแยกแยะสิ่งใดได้ชั่วคราว คงต้องประเมินจากสิ่งที่ตาเห็นแล้ว” เฉินซีตอบ ตั้งแต่ต้นจนจบไม่ได้มองเวินหัวสักนิด

ท่าทางเช่นนั้นทำให้เวินเทียนซั่วชะงักไป เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

แต่เวินหัวกลับไม่ค่อยพอใจขึ้นมา ด้วยความที่ยังเยาว์วัยและใจร้อน ตัวเขาที่เป็นอ๋องน้อย ไปที่ใดผู้คนก็ปฏิบัติด้วยความเคารพ เช่นเดียวกับเมื่อหลายวันที่ผ่านมานี้ ถึงแม้จะมีผู้เยี่ยมยุทธ์จากหลายนิกายมาเยี่ยมเยียนเขา แต่คนเหล่านั้นก็มักชื่นชมไม่หยุด ผิดกับคนที่ไม่สนใจอะไรอย่างเฉินซีผู้นี้

ยิ่งกว่านั้น รูปลักษณ์ที่ดูเยาว์วัยและไม่คุ้นเคยของเฉินซี ทั้งยังเดินทางมาคนเดียวเช่นนี้แล้ว แค่ดูจากภายนอกก็ดูไม่คล้ายกับผู้เยี่ยมยุทธ์ที่มาจากนิกายใหญ่สักเท่าไร จึงทำให้เวินหัวไม่ชอบอีกฝ่ายอยู่เล็กน้อย

แต่ถึงจะยังหนุ่ม เขาก็ไม่ใช่คนใจร้อน และสัมผัสได้ถึงท่าทางผิดปกติที่ท่านพ่อมีต่อเฉินซี ดังนั้นจึงพยายามระงับอารมณ์ทั้งหมดไว้

แต่เมื่อได้ยินว่ากระทั่งการประเมิน อีกฝ่ายยังขี้เหนียวเช่นนี้ จึงอดถามออกมาไม่ได้ว่า “นายน้อยเฉิน ขอทราบได้หรือไม่ว่าต้องผ่านการประเมินแบบใดจึงจะสามารถเป็นศิษย์ท่านได้?”

เมื่อพูดจบ เสียงนี้ก็ได้ดึงความสนใจจากรอบทิศ เพราะบางคนที่มาที่นี่เป็นตัวแทนจากกองกำลังทั้งหลายที่หมายจะรับเวินหัวเป็นศิษย์ พวกเขาจึงพากันเดินเข้าใกล้ด้วยสีหน้าระแวดระวัง

เหมือนกลัวว่าเนื้อในจานจะถูกคนอื่นแย่งไปอย่างไรอย่างนั้น!

เฉินซีเหลือบมองเด็กหนุ่มอย่างไม่ใส่ใจยามได้ยิน สหายน้อยผู้นี้ก็ดูมีมารยาทดี แต่กลับขึ้นเสียงเพื่อหวังเรียกความสนใจจากคนอื่น ๆ คงคิดจะใช้อิทธิพลจากผู้อื่นทดสอบข้ากระมัง?

แน่นอนว่าในเมื่อมีความเจ้าเล่ห์ทั้งที่ยังอายุน้อยเช่นนี้ นับได้ว่าเป็นคนฉลาดเฉลียวผู้หนึ่ง แต่เฉินซีไม่ชอบให้คนอื่นใช้ความฉลาดเช่นนี้กับเขา

“การประเมินของข้านั้นง่ายมาก ถึงคนผู้นั้นจะมีพรสวรรค์น้อยกว่าใครอื่น ข้าย่อมพยายามฟูมฟักเขาอย่างเต็มกำลัง แต่หากไม่ใช่คนที่ข้าเลือกแล้ว ถึงจะมีพลังดั่งปราชญ์ตั้งแต่กำเนิด คนผู้นั้นก็เป็นได้เพียงขยะชิ้นหนึ่งในสายตาข้า ไม่ได้ดีเด่อะไร” เฉินซีตอบ

เวินหัวเลิกคิ้วขึ้น จับคำได้ว่าเฉินซีกำลังเตือน

ขณะเดียวกัน เวินเทียนซั่วพลันตบไหล่เวินหัวเป็นเชิงให้ใจเย็นลง เพราะแม้ตัวเขาจะไม่พอใจกับคำพูดของเฉินซีเช่นกัน แต่ด้วยความเป็นเจ้าบ้าน จึงไม่อาจแสดงออกทางสีหน้าได้มากนัก

แต่มีบางคนไม่อาจระงับอารมณ์ของตนเองได้ ชายแก่ที่มีเส้นผมและเคราสีดอกเลาผู้หนึ่งเอ่ยเยาะขึ้นว่า “โอหังนัก! ทุกคนรู้ดีว่าการบ่มเพาะพลังไม่ใช่เรื่องง่าย จะเอาพวกอ่อนแอมาเทียบกับผู้แข็งแกร่งได้อย่างไร?”

อีกคนพูดเสียงเย็นว่า “สหายผู้นี้อ่อนต่อโลกเกินไป การเลือกลูกศิษย์และส่งต่อเต๋าเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการสืบทอดนิกาย หากรับแต่ผู้ไร้ความสามารถ เช่นนั้นการสืบทอดเต๋าของนิกายย่อมต้องถูกทำลายในไม่ช้าแน่!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]