บทที่ 786 ในนามแห่งสวรรค์
บทที่ 786 ในนามแห่งสวรรค์
ไฮว่หมิง หัวอี้ เสวี่ยเฟิง เป่ยหวง และไป๋คง!
เมื่อรายนามทั้งห้านี้ถูกเอ่ยถึง ทุกคนต่างครุ่นคิดถึงอาชญากรรมอันชั่วร้าย โลหิต และความรุนแรงในทันที
พวกเขาคือวายร้ายที่ทั้งสิบนิกายเซียนต้องการตัว ทุกชื่อที่กล่าวก่อนหน้าต่างติดอยู่ในเทียบอันดับวายร้ายหนึ่งร้อยอันดับแรก …ทุกคนต่างก่ออาชญกรรมร้ายแรง
ยกตัวอย่างเช่น คนที่โฉดชั่วที่สุดในกลุ่มอย่างไฮว่หมิงคือ ผู้บ่มเพาะชั่วร้ายที่สังหารเด็กทารกกว่าสามพันชีวิตเมื่อหลายปีก่อน เขาดึงโลหิตและวิญญาณออกมาเป็นเครื่องสังเวยในการบ่มเพาะ วิธีการเช่นนี้… มันทั้งโหดเหี้ยมและชวนให้ผู้อื่นเดือดดาลด้วยโทสะ! ซึ่งแน่นอนว่าคนผู้นี้ยังได้ก่ออาชญากรรมอื่น ๆ เอาไว้อีกมากมายนัก
แต่จนถึงตอนนี้ เขายังมีชีวิตสุขสบายดี ข้อแรก เป็นเพราะความแข็งแกร่งของคนผู้นี้ไร้เทียมทานยิ่ง พลังอยู่ในขอบเขตเซียนปฐพีระดับสาม ข้อสอง เขาเจ้าเล่ห์และระแวดระวังมาก การเคลื่อนไหวปราดเปรียวไม่แน่ไม่นอนจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง ทำให้จับตัวได้ยาก
ทว่าตอนนี้ ไฮว่หมิงได้ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับผู้ครองบาปมหันต์จำนวนมาก พวกเขาต่างปิดล้อมตำหนักอ๋องเวิน ทำให้สีหน้าของทุกคนเคร่งขรึม ต่างคนต่างเผยความหวาดกลัวและความไม่สบายใจออกมา เพราะถึงอย่างไร ทั้งห้าคนนี้ก็คือผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีผู้โหดเหี้ยม!
หมู่เมฆสีโลหิตปกคลุมท้องนภา ขณะจิตสังหารอันหนาแน่นวาดผ่านใบหน้า ทำให้บรรยากาศทั่วทั้งตำหนักตึงเครียดยิ่ง
อ๋องเวินเทียนซั่วผู้มีสีหน้าหนักอึ้งเปลี่ยนท่าทีทันที ตัวคนไม่แตกตื่น เพียงกล่าวตะโกนเสียงดังว่า “ไฮว่หมิง เหตุใดพวกเจ้าถึงมาที่ตำหนักของข้า? หรือว่าพวกเจ้าไม่กลัวสวรรค์พิพากษาหรือไร!?”
เสียงของเขาราวกับฟ้าร้องที่ดังก้องรอบข้าง ทำให้ทุกคนในตำหนักรู้สึกสบายใจโดยไม่รู้ตัวเมื่อได้ยินเช่นนี้ ใช่แล้ว! ต่อให้ฟ้าถล่มก็ยังมีท่านอ๋องอยู่ ดังนั้นมีอันใดให้พวกเขาต้องหวาดกลัวกัน?
นี่ยังไม่รวมเรื่องที่มีผู้เยี่ยมยุทธ์จากทั่วทุกหนแห่งมาเนื่องในวันเกิดครบรอบสิบสี่ปีของอ๋องเวินน้อยอีก และมีกระทั่งตัวตนขอบเขตเซียนปฐพีบางส่วนอยู่ที่นี่ ดังนั้นอาชญากรเหล่านี้ต้องชั่งใจให้ดีหากคิดลงมือทำชั่ว
“หึ! สวรรค์พิพากษา? ทุกวันนี้ข้าก็ยังสุขสบายดี สวรรค์มีปัญญามาทำอะไรข้ากัน?” กลางอากาศ ไฮว่หมิงผู้สวมชุดคลุมสีแดงโลหิตเผยสีหน้าโหดเหี้ยมและเย็นชาดุจน้ำแข็ง เขายืนอยู่กับที่โดยเอามือไพล่หลัง พลางกล่าวเย้ยหยันว่า “เจ้าเฒ่าเทียนซั่ว หากยังแสร้งทำเป็นไม่รู้ต่อไป เช่นนั้นก็อย่าโทษข้าที่ทำให้ตำหนักของเจ้าต้องนองเลือดจนไม่มีใครรอดชีวิตกลับไปได้แล้วกัน!”
เวินเทียนซั่วขมวดคิ้ว แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงลุ่มลึกว่า “ข้าไม่เข้าใจว่าเจ้าหมายถึงอะไร?”
“เจ้าไม่เข้าใจหรือ?” ไฮว่หมิงหัวเราะเยาะ ขณะสายตาโหดเหี้ยมราวคมดาบจับจ้องอีกฝ่ายอย่างเย็นชา “ก็ได้ ข้าจะพูดอีกครั้ง ส่งแผนที่สมบัติภูเขาร้างเต๋านภามา ข้ากับพี่น้องจะจากไปทันที!”
“ใช่แล้ว! เจ้าเฒ่าเทียนซั่ว เจ้าคิดว่าเก็บเป็นความลับดีแล้วหรือไร? แต่เจ้าไม่รู้สินะว่า พวกข้าได้จับตาดูภูเขาร้างเต๋านภามาสักพักใหญ่แล้ว กองกำลังที่เจ้าส่งเข้าไปในภูเขาต่างก็ถูกพวกข้าฆ่าจนหมดสิ้น เจ้าคิดว่าตอนนี้ยังจำเป็นต้องปกปิดอีกหรือ? รีบส่งแผนที่สมบัติมาซะ หาไม่แล้ว อย่าโทษข้าที่ทำตัวโหดเหี้ยม!” หัวอี้ผู้อยู่ใกล้ ๆ กล่าวเย้ยหยัน
แผนที่สมบัติภูเขาร้างเต๋านภาหรือ?
หัวใจของทุกคนเต็มไปด้วยความตกตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนี้ พวกเขาพากันเผยสีหน้าไม่อยากเชื่อออกมา
พวกเขาทุกคนต่างทราบดีว่ากองกำลังอันน่าสะพรึงที่อยู่บนภูเขาร้างเต๋านภาเป็นเช่นไรเมื่อนานมาแล้ว แต่น่าเสียดายที่จู่ ๆ นิกายแห่งนั้นก็หายไปในอากาศธาตุเพียงชั่วข้ามคืน …ตลอดหมื่นปีที่ผ่านมา ไม่มีสักคนที่สามารถตามหาร่องรอยของมันได้
แต่ทุกคนเชื่อสนิทใจว่ามรดกเต๋าและห้องเก็บสมบัติของตำหนักเต๋านภาจะต้องมีอยู่แน่นอน แค่ยังไม่ปรากฏขึ้นเท่านั้น!!!
ตอนนี้ ไฮว่หมิงถึงกับกล่าวว่าเวินเทียนซั่วครอบครองแผนที่สมบัติของภูเขาร้างเต๋านภา หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ทั่วทั้งโลกแห่งการบ่มเพาะคงได้ตกตะลึงเป็นแน่!
หลังจากนั้น สายตาทุกคู่ที่มองท่านอ๋องพลันเปลี่ยนไป
แม้แต่เฉินซีเองก็ตกตะลึงเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวกับตัวเองว่า หากเป็นความจริง เช่นนั้นกุญแจนภาที่เขาครอบครองคืออะไร? จริงสิ แผนที่ก็คือแผนที่ กุญแจก็คือกุญแจ ต่อให้อ๋องเวินสามารถตามหาห้องเก็บสมบัติพบ แต่เขาก็อาจจะไม่สามารถเข้าไปได้…
เวินเทียนซั่วเงียบไปชั่วครู่ จากนั้นกล่าวทันทีว่า “ถูกต้อง ข้าครอบครองแผนที่สมบัติสภาพไม่สมบูรณ์เอาไว้จริง แต่ข้าไม่มั่นใจว่ามันข้องเกี่ยวกับภูเขาร้างเต๋านภาหรือไม่ แต่ไม่ว่าอย่างไร ข้าจะไม่มีวันส่งแผนที่สมบัตินี้ให้พวกเจ้าเด็ดขาด!”
ขณะพูด เขาพลันหันมามองชายชราสามคนผู้ยืนอยู่ด้านข้างอย่างเงียบงัน “สหายเต๋าชิงผิง ฮุ่ยจง และโหลวฉี หากข้าได้รับการสนับสนุนของพวกท่านในครั้งนี้จนผ่านพ้นหายนะไปได้ เช่นนั้นข้าจะแสดงแผนที่สมบัติให้พวกเราทุกคนได้ตรวจสอบอย่างแน่นอน คิดว่าอย่างไร?”
หลังจากนั้น สายตาของเขาพลันหันมองไปทางไป๋หลี่เยียน “และหากข้าได้รับการสนับสนุนของผู้เยี่ยมยุทธ์สองท่านที่อยู่ด้านหลังคุณหนู เช่นนั้นคุณหนูก็ย่อมดูแผนที่สมบัตินี้ได้”
ชิงผิง ฮุ่ยจง และโหลวฉีคือผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีที่มาจากกองกำลังอื่น ส่วนข้ารับใช้เฒ่าสองคนนั้นที่อยู่ด้านหลังไป๋หลี่เยียนคือผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีเช่นกัน
เมื่อรวมเวินเทียนซั่วเองแล้ว เท่ากับจะมีผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีทั้งสิ้นหกคน หากกองกำลังเหล่านี้ร่วมมือกัน พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องกลัวพวกไฮว่หมิงอีกแล้ว!
เมื่อเห็นเช่นนี้ ทุกคนพลันถอนหายใจด้วยความโล่งอก กระทั่งอดที่จะนับถือการคลี่คลายของเวินเทียนซั่วไม่ได้ เพราะการที่สามารถตัดสินใจเช่นนั้นได้ในเวลาอันสั้น คือสิ่งที่คนธรรมดาอาจจะไม่สามารถทำได้สำเร็จแน่นอน
“เจ้านี่ช่างไม่รู้จักดีชั่วเอาเสียเลย!”
“คิดหาพวกอย่างนั้นหรือ? เจ้าเฒ่าเทียนซั่ว เจ้านี่ช่างไม่รู้จักยอมแพ้เอาเสียเลย!”
“ฮ่า ๆ เจ้าเฒ่านี่คิดว่ามีแค่พวกข้าห้าคนหรืออย่างไร?”
“เช่นนั้นข้าขอบอกความจริงพวกเจ้าเสียหน่อยว่า พวกข้าห้าพี่น้องได้เชิญฉือหยาจากหุบเขาลี้ลับ จื่ออวิ๋นจากวัดวิญญาณลึกล้ำ และหวงเจียวจากมหาสมุทรประภาหยกมาร่วมด้วย ซึ่งยามนี้พวกเขาทั้งสามได้ยึดครองป้อมบริเวณภูเขาร้างเต๋านภาแล้ว และจะมาทันทีเพียงแค่พวกข้าเรียกหา เช่นนั้น… พวกเจ้าทุกคนจะขัดขืนพวกข้าได้อย่างไร?”
พวกไฮว่หมิงแผดเสียงหัวเราะออกมา เผยสีหน้าอวดดีพร้อมกับแผ่บรรยากาศน่าขนลุก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...