บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 787

บทที่ 787 เชือดไก่ให้ลิงดู!

บทที่ 787 เชือดไก่ให้ลิงดู!

บนท้องฟ้าเหนือตำหนักของอ๋องเวิน

จิตวิญญาณต่อสู้ของเฉินซีลุกโชนดุจเปลวเพลิงร้อนแรง ตัวคนดูเหมือนกระบี่ที่ชักออกจากฝัก ทำให้บรรยากาศสั่นสะท้าน และดึงดูดความสนใจของเหล่าคนชั่วที่อยู่ตรงหน้า

“ไอ้หนู ดาบในมือเจ้าไม่เลวเลย ไยเจ้าไม่มอบมันให้กับข้าเล่า?” ดวงตาของหัวอี้พลันหรี่ลง ปีกสีแดงเพลิงคู่หนึ่งปรากฏขึ้นใต้ซี่โครงของเขา พร้อมกับเสียงที่ดังกึกก้อง… แสงแห่งบาปพลันเข้าปกคลุมทั่วปีก ก่อนที่ตัวคนจะพุ่งตรงไปหาเฉินซีอย่างดุดัน!

หัวอี้เป็นวิหคอมตะปีกอัคคีที่อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมเลวร้าย ซึ่งบ่มเพาะจนได้รับสติปัญญา เขามีความเจ้าเล่ห์และไร้ความปรานี อีกทั้งยังชื่นชอบสะสมสมบัติต่าง ๆ ดังนั้นจึงมักปล้นชิงสมบัติจากผู้บ่มเพาะมานับไม่ถ้วนตลอดหลายพันปีที่ผ่านมา

ดังนั้นทันทีที่เห็นยันต์ศัสตราในมือของเฉินซี เขาพลันเกิดความปรารถนา และอยากจะได้มันมาอยู่ในครอบครอง!

ขวับ!

กรงเล็บอันคมกริบของหัวอี้ราวกับตะขอที่สามารถฉีกท้องฟ้าออกจากกันได้ และมันกำลังฉีกกระชากอากาศ ขณะที่แผ่แสงแห่งบาปสีดำสนิท ก่อนจะพุ่งมาถึงเหนือศีรษะของเฉินซีในพริบตา!

“กรงเล็บทลายนภากลืนวิญญาณ! ฮ่า ๆ! ศิษย์พี่หัวอี้ได้อาศัยเคล็ดวิชาลับสุดยอดนี้ เข่นฆ่าผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีไปมากมายนัก เจ้าหนุ่มหน้าบูดบึ้งที่พุ่งออกมาราวกับคนโง่เขลาผู้นี้ เห็นทีคงจะต้องตายเป็นแน่!” ไฮว่หมิงและคนอื่น ๆ ต่างหัวเราะเสียงดังสนั่น หลังจากพบเห็นสิ่งนี้

เมื่อเห็นสิ่งนี้ ทุกคนในตำหนักอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว และบางคนถึงกับรับไม่ได้จนต้องหลับตาลง

นี่คือการโจมตีจากผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีอันชั่วร้าย ดังนั้น ‘ผู้กล้าหนุ่มเฉิน’ ที่ดูยังเด็กขนาดนี้ จะต้านทานมันได้อย่างไร?

หัวอี้เผยรอยยิ้มอำมหิตออกมา “กับแค่เด็กโง่เขลาเบาปัญญาที่เอาชีวิตมาทิ้ง เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะฆ่าเขาเพื่อเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูเอง!”

“ก็แค่ไข่มุกเม็ดเล็ก กล้าดีอย่างไรถึงคิดมาประชันกับแสงจันทร์!” เฉินซียืนตัวตรงดุจทวนเหล็กกล้า ในขณะที่เต๋ารู้แจ้งส่งเสียงดังก้องไปทั่วทั้งร่างของเขา และยันต์ศัสตราก็พุ่งทะยานไปบนท้องฟ้า พร้อมกับส่งปราณกระบี่อันยอดเยี่ยม ซึ่งอนุมานถึงการรังสรรค์ออกไป!

ชายหนุ่มได้ทำการโจมตีอย่างเฉียบขาด ซึ่งแฝงสุดยอดกลิ่นอายของจ้าวแห่งการรังสรรค์ผ่านปราณกระบี่สายนี้!!!

“เอ๊ะ! นั่นมัน…” จู่ ๆ หัวใจของหัวอี้ก็สั่นไหว เมื่อเขารู้สึกถึงอันตรายร้ายแรง และด้วยประสบการณ์ต่อสู้ที่โชกโชน ทำให้เขาใช้ด้วยเคล็ด ‘สะท้านโลกากลืนกินวิญญาณ’ ซึ่งเป็นสุดยอดเคล็ดวิชาของเขาออกไปทันทีที่ปราณกระบี่นั้นเข้าใกล้!

จึงเกิดเป็นภาพที่พลังศักดิ์สิทธิ์อันเยือกเย็นพุ่งลงมายังโลก และควบแน่นเป็นร่างของเทพเจ้าแห่งความชั่วร้ายมากมายที่ถูกปกคลุมไปด้วยแสงแห่งบาปขึ้น…

ทว่าเฉินซีเพิกเฉยต่อมัน และฟาดกระบี่ปะทะโดยตรง!

ตู้ม!

ปราณกระบี่สายนี้ดูจะรังสรรค์จักรวาลและสร้างอนาคตแห่งความเป็นไปได้นับพันขึ้น มันเข้าทำลายเทพเจ้าแห่งความชั่วร้าย ก่อนที่จะทะยานเข้าใส่หัวอี้โดยตรง จนร่างของอีกฝ่ายสั่นสะท้าน ตัวคนกระอักเลือดออกมาเต็มปาก เสียงแตกหักเริ่มดังก้องออกมาจากร่างกาย ยิ่งกว่านั้น รอยแผลได้เริ่มปรากฏบนร่างของหัวอี้!

ร่างของวายร้ายเผ่าวิหคเหมือนผ้าขี้ริ้วที่ปลิวกระเด็นออกไปในอากาศ และกระแทกเข้ากับกำแพงของตำหนัก ก่อนจะกระเด้งกลับลงมาบนพื้น และกลิ้งซ้ำไปซ้ำมา ไม่สามารถแม้แต่จะควบคุมตัวเองได้อย่างสิ้นเชิง ทำให้เขามีสภาพน่าสมเพช ไม่เหลือเค้าโครงของความเย่อหยิ่งจองหองแม้แต่น้อย

ทุกคนล้วนตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น กระทั่งลูกตาของพวกเขาก็แทบจะถลนออกมา การต่อสู้เพิ่งเริ่มต้นได้ไม่นาน และภายใต้การโจมตีที่สะท้านสะเทือนดินนี้ ทุกคนต่างคิดว่าเฉินซีจะต้องตายอย่างแน่นอน

แต่พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่า เหตุการณ์จะเกิดการพลิกผันครั้งใหญ่ และการโจมตีเพียงครั้งเดียวจากเฉินซี จะทำร้ายหัวอี้ได้โดยตรง จนวายร้ายผู้นี้กลิ้งไปกับพื้นดุจน้ำเต้า และไม่สามารถลุกขึ้นได้อีก!

จะต้องมีการบ่มเพาะที่น่าสะพรึงกลัวเพียงใด จึงจะบรรลุความสำเร็จในการต่อสู้เช่นนี้ได้?

ถึงอย่างไร หัวอี้ก็เป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีระดับสอง ซึ่งอยู่ในอันดับที่แปดสิบเก้าในเทียบอันดับวายร้าย เขามีพลังมหาศาลและก่อกรรมทำเข็ญมามากมาย แต่ตอนนี้กลับพ่ายแพ้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว!?

“มิติมืดแห่งบาป!” ในขณะที่หัวอี้พ่ายแพ้ เสวี่ยเฟิงพลันกลายร่างเป็นเมฆสีแดงเลือดที่พุ่งตรงไปยังหลังของเฉินซี ในขณะที่เขาเคลื่อนไหว พลังที่ใช้ออกไปนั้นดูน้อยมาก แต่มันกลับค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้น และในที่สุดก็กลายเป็นอาณาจักรแห่งบาปภายในพื้นที่เล็ก ๆ บนฝ่ามือของเสวี่ยเฟิง!

กลิ่นอายแห่งบาปได้แผ่ซ่านไปทั่วฟ้าดิน มันเหมือนกับปีศาจจากนรกทั้งสิบแปดขุมได้ปรากฏตัวพร้อมกัน เพื่อถาโถมใส่เฉินซี!

ความพ่ายแพ้ของหัวอี้ทำให้เสวี่ยเฟิงตระหนักได้ว่า ชายหนุ่มคนนี้ไม่ใช่คนที่ทำอะไรบุ่มบ่าม แต่มีพลังที่เก็บงำอยู่ ดังนั้นทันทีที่ลงมือ เสวี่ยเฟิงจึงใช้ไพ่ตายของเขาออกไป โดยหวังจะสังหารเฉินซีได้ในการโจมตีนี้

ทว่าชายหนุ่มไม่แม้แต่จะหันมามอง เขาเพียงพลิกยันต์ศัสตราในมือ ก่อนจะแทงสวนไปทางด้านหลัง และวาดออกกระบี่ออกไปในแนวนอน ส่งปราณกระบี่ที่เป็นดั่งทางช้างเผือกให้เคลื่อนตัวออกไปอย่างรุนแรง เสมือนมังกรที่โผทะยานออกมาจากที่ซ่อนของมัน จนอากาศสั่นสะเทือน ขณะที่มันระเบิดและบดขยี้อาณาจักรแห่งบาปที่เสวี่ยเฟิงได้ควบแน่น จากนั้นชายหนุ่มก็ก้าวไปข้างหน้า ก่อนจะปะทะกับเสวี่ยเฟิงอย่างรุนแรง!

“อ๊าก!” ในขณะที่ร้องออกมา เสวี่ยเฟิงพลันรู้สึกเคืองโกรธพร้อมกับพยายามถอยกลับอย่างเร่งรีบ แต่มันก็สายเกินไป!

ร่างกายของเขาถูกฟันออกเป็นชิ้น ๆ จากการถูกเฉินซีโจมตี ตัวคนได้กลายเป็นชิ้นเนื้อจำนวนนับไม่ถ้วน ซึ่งอยู่ในสภาพปางตาย ต้องทนทุกข์ทรมานกับผลลัพธ์ที่เลวร้ายยิ่งกว่าหัวอี้!

“บัดซบ! ถอยเร็วเข้า!” ไฮว่หมิง เป่ยหวง และไป๋คงต่างพบว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดี จึงคิดถอนตัว

พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า เด็กโง่เขลาที่ปรากฏตัวอย่างกะทันหัน จะกลายเป็นเทพเจ้าแห่งการสังหารในบัดดล เพียงไม่นานก็เอาชนะหัวอี้กับเสวี่ยเฟิงในทันทีด้วยการบ่มเพาะขอบเขตสถิตกายา! ดั่งตัวตนขอบเขตเซียนปฐพีเป็นเพียงกระดาษเปื่อยยุ่ย!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]