บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 789

บทที่ 789 ธงเทพโลหิตผสาน

บทที่ 789 ธงเทพโลหิตผสาน

เสียงคำรามของกระบี่พุ่งออกมาราวกับกระแสน้ำที่สะท้านสวรรค์ทั้งเก้า

ในขณะเดียวกัน ใบหน้าของหลวงจีนจื่ออวิ๋นกลับมืดมน “ข้าไม่คู่ควรจะกล่าวเรื่องโชคชะตากับเจ้าหรือ? วิเศษ ข้าชักแปลกใจจริง ๆ แล้วสิว่า เจ้ามีขวัญกล้าเทียมฟ้าตั้งแต่อายุยังน้อยได้อย่างไร?”

เมื่อกล่าวมาตรงนี้ เขาก็จ้องมองลงมาและกวาดสายตามองผ่านทุกคนในตำหนัก จากนั้นจึงกล่าวว่า “ทุกคน ข้าแนะนำให้พวกเจ้าเชื่อฟังแต่โดยดีและอย่าได้ขยับ บางทีพวกเจ้าอาจจะมีโอกาสรอดชีวิต มิฉะนั้น ข้าจะส่งพวกเจ้าทั้งหมดไปลงนรก!”

ทุกคนล้วนตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว ในขณะที่เผยสีหน้าที่ดิ้นรนและไม่แน่นอนออกมา

โดยเฉพาะเวินเทียนซั่ว ชิงผิง ฮุ่ยจง และโหลวฉี ซึ่งกำลังดิ้นรนอย่างหนักในใจ อันที่จริง หากเป็นก่อนที่หลวงจีนจื่ออวิ๋นและคนอื่น ๆ จะมาถึง พวกเขาจะไม่ลังเลที่จะเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย และช่วยเฉินซีสังหารไฮว่หมิงและเป่ยหวง

แต่ตอนนี้…พวกเขากลับลังเล!

เหตุผลนั้นง่ายดายมาก เป็นเพราะความแข็งแกร่งของหลวงจีนจื่ออวิ๋น นักพรตฉือหยา และปรมาจารย์หวงเจียวนั้นน่ากลัวเกินไป …ห่างชั้นเกินกว่าพวกเขาจะต้านทานได้!

แต่เฉินซีในตอนนี้ดูจะไม่มีทางได้เปรียบเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว เพราะถึงอย่างไร คู่ต่อสู้ของเขาก็คือผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีห้าคน ซึ่งมือของคนพวกนี้ก็ล้วนแต่อาบเลือดมาอย่างโชกโชน

ภายใต้สภาวะนี้ เวินเทียนซั่วและคนอื่น ๆ จะไม่ร้อนรนใจได้อย่างไร?

“เราควรทำอย่างไรดี?”

“เราควรช่วยหรือไม่?”

พวกเขาตระหนักดีว่า การตัดสินใจผิดพลาดเพียงครั้งเดียว อาจทำให้พวกเขาตายอย่างไร้ที่ฝังในวันนี้ จึงทำให้สีหน้าของทุกคนไม่แน่นอน

แม้แต่มดก็ยังหวงแหนชีวิต นับประสาอะไรกับสิ่งมีชีวิตอย่างพวกเขาที่มีอายุมาอย่างยาวนาน ยิ่งอายุมากขึ้น ก็ยิ่งหวงแหนชีวิตเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงไม่อาจตำหนิพวกเขาที่มีท่าทีได้เช่นนี้!

“ข้าลืมบอกเจ้าไปอย่าง …สาเหตุที่ข้าออกจากนิกายเพื่อท่องสัญจรไปในโลกหล้า เพราะข้าต้องทำภารกิจของนิกายให้เสร็จ และข้าต้องฆ่าผู้ครองบาปมหันต์ทั้งสิบคน ซึ่งเมื่อลองคำนวณดูแล้ว หากข้าฆ่าพวกเจ้าทั้งหมด มันก็ยังขาดอีกสอง เฮ้อ ช่างน่าเสียดายจริง ๆ” ชุดสีเขียวของเฉินซีพลิ้วไหวตามสายลม ตัวเขาก็ดูดุร้ายขึ้นเรื่อย ๆ เผยท่าทีดั่งจักรพรรดิกระบี่ออกมา!

“ภารกิจของนิกายหรือ?”

ทุกคนต่างตกตะลึงเมื่อได้ยิน และในที่สุดพวกเขาก็มั่นใจว่า ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านั้นมีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดาจริง ๆ และคนผู้นี้อาจเป็นตัวตนลึกลับจากแดนไร้นามก็เป็นได้

ถึงอย่างไร ชายหนุ่มก็ได้ฆ่าผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีสามคนไปอย่างง่ายดายในเมื่อครู่ที่ผ่านมา และเป็นการยากที่คนหนุ่มเช่นนี้จะปรากฏตัวอยู่ในนิกายเซียนที่ยิ่งใหญ่ทั้งสิบ

หลวงจีนจื่ออวิ๋นเพียงยิ้มบาง ในฐานะจ้าวเหนือหัวในหมู่ผู้บ่มเพาะที่ชั่วร้าย ซึ่งสังหารผู้คนไปมากมายนับไม่ถ้วน เขาจะได้รับผลกระทบจากคำพูดไม่กี่คำของอีกฝ่ายได้อย่างไร ดังนั้นเขาจึงกล่าวขึ้นทันทีว่า

“ในเมื่อเจ้ารนหาที่ตาย ก็อย่าได้ตำหนิข้าเลย”

ทันใดนั้น เจ้าตัวก็สะบัดแขนเสื้อสีม่วงออกไป ทำให้ธงขนาดเล็กสีเลือดห้าผืนปลิวออกไป ก่อนที่จะขยายออกอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้น พวกมันก็กลายเป็นธงสีแดงเลือดที่มีความสูงถึงสิบห้าลี้ที่โบกสะบัดในสายลม ทำหน้าที่เป็นเหมือนม่านปกคลุมท้องฟ้า ซึ่งย้อมฟ้าดินจนเป็นสีแดงเลือด

ฆ่า!

ฆ่า!

ธงสีแดงเลือดทั้งห้าผืนนี้ดูราวกับเพิ่งถูกถอนขึ้นมาจากทะเลเลือด พื้นผิวของพวกมันอาบไปด้วยโลหิต อีกทั้งยังมีข้อจำกัดที่แปลกประหลาดและน่าสยดสยองอยู่นับไม่ถ้วน ซึ่งดึงดูดทุกคนทันทีที่พวกมันปรากฏตัว พวกมันต่างพากันเปล่งเสียงแห่งความทุกข์ระทมและเสียงร้องโหยหวนที่สั่นสะเทือนฟ้าดินออกมาไม่หยุด

วิญญาณชั่วร้ายและอาฆาตพยาบาทนับไม่ถ้วนต่างล่องลอยจากธงสีแดงโลหิตนี้ และเพียงได้ยินเสียงคำรามจากพวกมัน ก็ทำให้ทุกคนขนลุกซู่อย่างไม่อาจควบคุม!

ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!

ธงสีแดงเลือดทั้งห้าที่ปกคลุมท้องฟ้า ได้แปรเปลี่ยนแสงสีเลือดห้าดวงสาดส่องลงมายังบริเวณโดยรอบของตำหนักอ๋องเวินตามตำแหน่งของธาตุทั้งห้า พวกมันต่างสอดประสานกันจากระยะไกล เพื่อผนึกพื้นที่อันกว้างใหญ่นี้อย่างสมบูรณ์ โลกภายนอกจึงไม่อาจพบเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในตำหนัก และทุกคนในตำหนักก็ไม่สามารถติดต่อกับโลกภายนอกได้เช่นเดียวกัน!

ความสามารถที่ได้แบ่งแยกและปิดผนึกพื้นที่อันกว้างใหญ่ภายในพริบตานี้… มันช่างทรงพลังราวกับทวยเทพสำแดงเดช!

ทุกคนอยากจะหลบหนีออกไป เพราะกลัวจะถูกกวาดต้อนเข้ามา แต่คนทั้งหมดก็พบว่า ตำหนักทั้งหมดกลับถูกกักขังไว้จริง ๆ ในขณะที่พวกเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลยราวกับว่าตกลงไปในหนองน้ำ

“ไม่ได้การ! เหตุใดข้าถึงขยับไม่ได้”

“บัดซบ! ร่างกายของข้าก็ถูกผนึกเช่นกัน ข้าไม่สามารถโคจรปราณแท้ของข้าได้!”

ทุกคนล้วนตกตะลึง จากนั้นพวกเขาก็มองไปที่ธงสีแดงเลือดทั้งห้าที่ปกคลุมท้องฟ้า เพราะทุกคนตระหนักได้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ ย่อมเกิดจากสมบัติวิเศษที่เปล่งแสงสีเลือดออกมาอย่างน่าสะพรึงกลัวทั้งห้านั่นเป็นแน่!

สมบัติวิเศษชุดนี้น่าสะพรึงกลัวยิ่ง ไม่น่าแปลกใจเลยที่หลวงจีนจื่ออวิ๋นจะไม่เกรงกลัว เพราะนี่เป็นสมบัติที่ยอดเยี่ยมและน่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง ซึ่งสามารถผนึกพื้นที่และกักขังทุกคนไว้ได้

“ทุกท่าน ไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนก ตราบใดที่พวกเจ้ายังเชื่อฟังข้า ข้าจะปล่อยให้พวกเจ้าทุกคนมีโอกาสรอดอย่างแน่นอน” หลวงจีนจื่ออวิ๋นกล่าวช้า ๆ ด้วยน้ำเสียงไม่แยแส

นี่เป็นสมบัติซึ่งแผ่พลังยับยั้งประเภทหนึ่งออกมา ซึ่งเมื่อเปิดใช้ มันก็มากที่จะปิดผนึกฟ้าดิน และทำให้ผู้บ่มเพาะทั้งหมดที่อยู่ในอาณาเขตของสมบัติวิเศษ ต้องทนทุกข์ทรมานจากการถูกสยบแตกต่างกันไป

ทุกคนต่างตกใจ วิตกกังวล และไม่สบายใจ บางคนถึงกับตัวสั่น หรือหวาดกลัวจนทรุดฮวบลงกับพื้น

แม้แต่เวินเทียนซั่ว ชิงผิง ฮุ่ยจง และผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีอีกสองสามคนก็ยังรู้สึกหวาดกลัว “โชคดีที่ข้าไม่ผลีผลามไปก่อนหน้านี้ หลวงจีนจื่ออวิ๋นคนนี้น่ากลัวเกินไป ทรัพยากรและภูมิหลังของตัวประหลาดเฒ่าที่มีอายุยืนยาวกว่าหมื่นปีนั้นไม่ธรรมดาจริง ๆ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]